ความร่วมมือเรื่องเด่นโอเชียเนีย

วิถี แปซิฟิก

ภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ ทำให้ประเทศและเขตแดนที่ติดมหาสมุทรหันมาร่วมมือกัน

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

การเคารพซึ่งกันและกัน การเจรจาหารือ และฉันทามติ คือคุณลักษณะเด่นของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก และเป็นสิ่งที่ทำให้การประชุมดังกล่าวคือหนึ่งในความเป็นพันธมิตรที่ยืนยาวที่สุดในโลก 16 ประเทศ และ 2 ดินแดนของฝรั่งเศสร่วมหารือถึงปัญหาในภูมิภาค ซึ่งคิดเป็นพื้นที่ประมาณร้อยละ 20 ของพื้นผิวโลก และมีขอบเขตประชากรตั้งแต่ 27 ล้านคนในออสเตรเลียไปจนถึง 2000 คนในนีอูเอ

การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกมีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นพันธมิตรของประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก 7 ประเทศใน พ.ศ. 2514 และในช่วงแรกใช้ชื่อว่า การประชุมแปซิฟิกใต้ การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกมิใช่การทำงานแบบคณะรัฐบาล หากแต่เป็นองค์กรรัฐบาลร่วมที่มุ่งเน้นไปยังนโยบายทางการเมือง นโยบายทางเศรษฐกิจ และความร่วมมือของสมาชิกทั้ง 18 ประเทศ การประชุมนี้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับรัฐอิสระบนเกาะหลายแห่งที่จะช่วยส่งเสียงของพวกเขาให้ดังไปทั่วบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก

“พวกเขาแข็งแกร่งเมื่ออยู่ด้วยกัน” นางซูซาน วาเรส-ลัม ประธานแห่งศูนย์อีสต์เวสต์ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยในรัฐฮาวายที่ส่งเสริมด้านความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และประเทศแถบอินโดแปซิฟิก กล่าวกับ ฟอรัม “และในขณะเดียวกัน การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกยังเป็นการรับรู้ถึงคุณลักษณะเฉพาะของรัฐอธิปไตยแต่ละแห่งด้วย”

นอกจากนี้ ในเว็บไซต์ขององค์กรมีการกล่าวไว้ว่า ยังมีพันธมิตรการเจรจาอีก 21 ประเทศ อันประกอบไปด้วยประเทศนอกเขตหลายประเทศ และสหภาพยุโรป ซึ่งประเทศเหล่านี้ให้ความสนใจในบริเวณน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมช่วยผลักดันวิสัยทัศน์และเป้าหมายของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ถึงแม้พันธมิตรเหล่านี้จะไม่มีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียง แต่การมีส่วนร่วมของพวกเขาจะช่วยเปิดมุมมองต่าง ๆ และช่วยทำให้องค์กรเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติมากขึ้น

คณะผู้นำของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกใส่ใจอย่างยิ่งกับความเห็นพ้องต้องกันและความเป็นเอกลักษณ์แท้จริง ลักษณะการกระทำดังกล่าวบ่อยครั้งเรียกว่า “วิถีแปซิฟิก” ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงวัฒนธรรมและทำเนียมของกลุ่มประเทศเหล่านี้ เสื้อหลากสีสันที่ใช้เป็นเครื่องแต่งกายแสดงถึงความร่วมมือกัน และยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของความเป็นกันเอง

การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซูวา ประเทศฟิจิ โดยทั่วไปจะมุ่งเน้นในเรื่องของความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับประชากรในภูมิภาค “นับว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่เราต้องจัดการเรื่องราวและกำหนดโชคชะตาของพวกเราเองในฐานะประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิก” นายมาร์ก บราวน์ นายกรัฐมนตรีหมู่เกาะคุกและประธานการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก กล่าวกับสถานีวิทยุนิวซีแลนด์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม้องค์กรจะมีท่าทีที่เป็นกันเอง แต่ก็ยังมีความตึงเครียดเกิดขึ้น “แน่นอนว่าต้องมีข้อถกเถียงกัน แน่นอนว่าต้องมีข้อขัดแย้ง” ดร.
อัลเฟรด โอห์เลอร์ส ศาสตราจารย์และผู้เชี่ยวชาญหมู่เกาะแปซิฟิกที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง กล่าวกับ ฟอรัม “สิ่งที่โดดเด่นก็คือพวกเขาพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะนำเสนอมุมมองที่เป็นเอกภาพในหัวข้อต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยขึ้นอยู่กับว่าเป็นประเด็นปัญหาใด”

มีข้อพิพาทหลายข้อที่เกิดขึ้นและคลี่คลายในหน้าประวัติศาสตร์ของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น องค์กรได้ยับยั้งสิทธิ์ของประเทศฟิจิเนื่องจากการรัฐประหารใน พ.ศ. 2552 และภายหลังได้คืนสิทธิ์ให้ใน พ.ศ. 2557 ในการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก พ.ศ. 2565 ได้มีการเปลี่ยนคณะเลขาธิการการประชุมเป็นชุดใหม่เพื่อช่วยในการคลี่คลายข้อท้วงติงจาก 5 รัฐของไมโครนีเซียที่มีท่าทีจะถอนตัวจากการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก หนึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดข้อขัดแย้งคือ ความพยายามซ้ำ ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จะขยายอิทธิพลทางการเมือง การค้า และการทหารในพื้นที่ภูมิภาค

ความเห็นของสมาชิกทุกคนในที่ประชุมจะได้รับการพิจารณา อีกทั้งประเทศที่มั่งคั่งจะเป็นผู้จัดสรรการเดินทางให้กับผู้นำของประเทศที่มีทรัพยากรจำกัด

“การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกน่าจะเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกใบนี้” ดร. โอห์เลอร์สกล่าว “นี่ถือเป็นช่องทางการพบปะและหารือปัญหาสำหรับประเทศใต้อธิปไตย”

กลยุทธ์ พ.ศ. 2593

คณะผู้นำการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก พ.ศ. 2562 ได้วางเป้าหมายในระยะยาว และแผนสำหรับพิชิตเป้าหมายเหล่านั้นให้ได้ก่อนช่วงกลางศตวรรษ กลยุทธ์ พ.ศ. 2593 เพื่อทวีปบลูแปซิฟิก ซึ่งได้รับการรับรองในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 กล่าวถึง 7 ประเด็น นั่นคือ ความเป็นผู้นำทางการเมืองและภูมิภาคนิยม การพัฒนาโดยประชาชนเป็นศูนย์กลาง สันติภาพและความมั่นคง การพัฒนาทางทรัพยากรและเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาสมุทรและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ รวมถึงเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อ เป้าหมายเหล่านี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก นั่นคือ การเป็นภูมิภาคที่เอื้อต่อสันติภาพ ความสามัคคี ความมั่นคง ความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคม และความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จจะนำไปสู่การที่ชาวแปซิฟิกทุกคนสามารถมีชีวิตที่เป็นอิสระ มีสุขภาพแข็งแรง และได้ใช้ชีวิตอย่างประสิทธิผล

“กลยุทธ์สำหรับ พ.ศ. 2593 เพื่อทวีปบลูแปซิฟิก คือแผนระยะยาวเพื่อเป็นแนวทางให้ภูมิภาคเราทำงานร่วมกันในฐานะประเทศ ดินแดน ชุมชน และในฐานะผู้สร้างจุดแข็งและรักษามั่นคงในอนาคตของเราจากอุปสรรคในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้” ที่ประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกกล่าวในช่วงเกริ่นนำเอกสาร กลยุทธ์นี้ตระหนักถึงความท้าทายต่าง ๆ เช่น “ภาวะฉุกเฉินทางสภาพภูมิอากาศ” ของอุณหภูมิที่สูงขึ้น การชะลอทางเศรษฐกิจ ระบบสาธารณสุขและการศึกษาที่ไม่ลงรอย และการเสื่อมสภาพของผืนดินและผืนน้ำ กลยุทธ์ดังกล่าวยังตระหนักถึงจุดแข็ง นั่นคือ วัฒนธรรมและประเพณี ประชากรวัยหนุ่มสาว และทรัพยากรในมหาสมุทร

ในการประชุมที่หมู่เกาะคุกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ผู้นำการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกได้ยืนยันความมุ่งมั่นต่อกลยุทธ์ พ.ศ. 2593 โดยได้หารือเกี่ยวกับระยะแรกของการดำเนินการ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของกลยุทธ์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในระดับภูมิภาค หัวข้อที่ได้รับการกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้งคือ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ใหญ่หลวงที่สุดของภูมิภาค ประกาศทางการที่แถลงหลังจากการประชุมนั้นเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศในแถบบลูแปซิฟิกจะต้องชัดเจนในสถานะทางกฎหมายในเรื่องดินแดนและน่านน้ำของพวกเขา “โดยถาวร” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นและความรุนแรงของพายุที่สูงขึ้น คณะผู้นำได้รับรองปฏิญญาขององค์กรว่าด้วยความต่อเนื่องของความเป็นรัฐและการคุ้มครองบุคคลเมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น

พวกเขายังเรียกร้องให้มีความคืบหน้าด้านความเสมอภาคทางเพศที่รวดเร็วกว่านี้ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาและพัฒนาด้านการประมง รับรองการยกระดับวาระการค้าและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค และหารือเกี่ยวกับภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ รวมถึงการปนเปื้อนที่เกิดจากการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ โครงการริเริ่มเหล่านี้และโครงการอื่น ๆ รวมถึงระบบการศึกษาและสาธารณสุขที่ดีขึ้นนั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ พ.ศ. 2593

“นั่นคือดาวเหนือของเรา” นายปากี ออมสบี ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายของสำนักเลขาธิการการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกซึ่งเป็นฝ่ายออกกลยุทธ์ กล่าวกับ ฟอรัม “นี่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา เรากำลังเผชิญกับวิกฤตด้านสภาพภูมิอากาศที่จำเป็นจะต้องใส่ใจ และยังมีปัญหาเชิงเศรษฐกิจสังคม ซึ่งมีมาก่อนเราที่เราจะทราบถึงเรื่องโควิด-19 ด้วย เราจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ที่จะช่วยเราฝ่าฟันคลื่นน้ำเชี่ยวกราดเหล่านี้”

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การจัดหากำลังทางทหาร

ดร. แซนดรา ทาร์ต รักษาการหัวหน้าคณะนิติศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งแปซิฟิกใต้ในซูวา กล่าวว่า เรื่องเล่าเกี่ยวกับบลูแปซิฟิกได้เน้นย้ำถึงภัยคุกคามด้านความปลอดภัยแบบพิเศษ มากกว่าภัยคุกคามทางภูมิศาสตร์การเมืองซึ่งมักจะแสดงออกมาในรูปแบบการเบี่ยงเบนความสนใจไปออกจากสิ่งสำคัญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

อย่างไรก็ตาม รัฐในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกควรตระหนักและจัดการปัญหาการจัดกำลังทหารและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในอินโดแปซิฟิก ดร. ทาร์ตกล่าวกับ ฟอรัม ถึงแม้ว่ากลยุทธ์สำหรับ พ.ศ. 2593 จะเรียกร้องให้มีกลไกการรักษาความปลอดภัยระดับภูมิภาคที่ “ยืดหยุ่นและตอบสนองได้ดี” แต่ที่ประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกจะต้องพิจารณาว่าจะใช้ประโยชน์จาก “มิตรกับทุกคน ศัตรูกับทุกคน” อย่างไรให้ดีที่สุดเสียก่อน ซึ่งนั่นเริ่มเกิดขึ้นแล้ว ดร. ทาร์ตอ้างอิงจากการหารือ แทร็ก ทู แปซิฟิก ในหัวข้อความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์ การประชุมเชิงปฏิบัติการในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยมหาวิทยาลัยแห่งแปซิฟิกใต้ และร่วมมือกับสำนักเลขาธิการการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก มุ่งเน้นไปที่การตอบสนองของแปซิฟิกต่อพลวัตทางภูมิศาสตร์ยุทธศาสตร์ และกิจกรรมทางทหารในภูมิภาค ผู้ที่เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการที่มหาวิทยาลัยแห่งแปซิฟิกใต้ วิทยาเขตลอคาลา ประเทศฟิจิ ประกอบไปด้วยนักวิชาการ นักวิจัย ประชาชน และผู้นำรัฐบาล

นายออมสบีกล่าวว่ากลยุทธ์ พ.ศ. 2593 จัดการกับการแข่งขันทางภูมิศาสตร์การเมืองเพียงแค่ในบริบทของเรื่องเร่งด่วนอื่น ๆ ในระดับภูมิภาค “เราตระหนักถึงความท้าทายด้านการแข่งขันเหล่านั้น” นายออมสบีกล่าว

ความสนใจระดับนานาชาติที่เพิ่มขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกและแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในรัฐที่จะหันไปเข้าร่วมกับประเทศที่ทรงอิทธิพล อาจทำให้ความเป็นภูมิภาคของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกอ่อนแอลง นางเชอร์รี ฮิตคารี นักวิจัยจากการแฟซิฟิกฟอรัม ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในรัฐฮาวาย เขียนไว้ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน คือตัวอย่างที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าอัตลักษณ์ของภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับอย่างมากจะช่วยให้อาเซียนจัดการกับปัญหาและเป้าหมายเป้าหมายที่มีร่วมกันได้ แต่การบีบบังคับจากภายนอกกลับเป็นภัยคุกคามต่อเอกภาพของอาเซียน นางฮิตคารีเขียนไว้ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566

การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกยังเผชิญกับอุปสรรคอื่น ๆ โดยอย่างน้อยส่วนหนึ่งเกิดจากขนาด จำนวนประชากร ความมั่นคงทางการเงิน การปกครอง และลักษณะอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน มีข้อพิพาทเกิดที่ขึ้นในอนุภูมิภาคแปซิฟิกอย่างเมลานีเซีย ไมโครนีเซีย และโพลีนีเซีย ทำให้เอกภาพของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกสั่นคลอน

ความสำเร็จ

การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระดับภูมิภาค การร่วมมือกับรัฐบาลในระดับนานาชาติ รวมถึงหน่วยงานระหว่างประเทศ และยังเป็นกระบอกเสียงในด้านผลประโยชน์ที่เร่งด่วนให้กับสมาชิก ตลอดระยะเวลาการขยายขอบเขตสมาชิกมานานกว่าห้าทศวรรษ การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกทำให้สิ่งต่อไปนี้เกิดขึ้น

• เป็นผู้สนับสนุนอย่างชัดเจนในขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล และประกาศว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษและการคุ้มครองอื่น ๆ ที่จัดตั้งขึ้นผ่านอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเลมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือไม่ก็ตาม

• จัดทำนโยบายเพื่อจัดการและอนุรักษ์การประมงที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์อพยพ เช่น ปลาทูน่า สำนักงานประมงการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโฮนีอารา เมืองหลวงของหมู่เกาะโซโลมอน ได้จัดการกับการการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อรายได้หลักของหลายรัฐในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก

• แสดงจุดยืนต่อต้านนิวเคลียร์ สนธิสัญญาราโรตองการะงับการใช้อาวุธนิวเคลียร์และการทิ้งของเสียกัมมันตภาพรังสีในภูมิภาค นายบราวน์ ประธานการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก เสนอให้ทบทวนสนธิสัญญา พ.ศ. 2528 “เพื่อให้แน่ใจว่าสนธิสัญญาฉบับนี้สะท้อนถึงความกังวลของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกในปัจจุบัน” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566

• เพิ่มความตระหนักรู้ในระดับนานาชาติเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เป็นอันตราย คำให้การและหลักฐานภาพที่นำเสนอโดยประเทศแถบหมู่เกาะแปซิฟิกที่มีพื้นที่ต่ำเป็นสิ่งที่เพิ่มความกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและความรุนแรงของพายุที่เพิ่มขึ้น

• สนับสนุนความพยายามในการระงับความไม่สงบในหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ภารกิจการส่งความช่วยเหลือระดับภูมิภาคไปยังหมู่เกาะโซโลมอน ที่ร้องขอโดยรัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอนและนำทีมโดยออสเตรเลียตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ถึง พ.ศ. 2560 ได้ฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพส่วนใหญ่กลับคืนมา

• สร้างบรรทัดฐานความร่วมมือในระดับภูมิภาคซึ่งเป็นที่ประจักษ์จากการรับรองอันเป็นเอกฉันท์ของกลยุทธ์ พ.ศ. 2593

ถึงแม้จะมีข้อขัดแย้งกันในบางครั้งบางคราว แต่การประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกสามารถทำงานได้อย่างดีเยี่ยมในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ดร. โอห์เลอร์สกล่าว “สิ่งที่น่าอึดอัดใจหรือส่งผลเชิงลบลบมักจะได้รับความสำคัญมากกว่าสิ่งที่ส่งผลเชิงบวกและส่งผลให้เกิดความสำเร็จ” ดร. โอห์เลอร์สกล่าวเสริม

ประวัติความเป็นมา

มนุษย์อาศัยอยู่บนเกาะแปซิฟิกมาเป็นเวลาหลายพันปี โดยสร้างชุมชนที่มีวัฒนธรรมและวิถีในการเอาชีวิตรอดที่แตกต่างกันไป การใช้ประโยชน์จากมหาสมุทรโดยรอบ รวมถึงความสามารถในการเดินเรืออันโดดเด่น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของภูมิภาคนี้ ชาวยุโรปค้นพบกับหมู่เกาะเหล่านี้ในช่วงทศวรรษ 1500 (พ.ศ. 2043-2052) จากนั้นการล่าอาณานิคมก็เพิ่มสูงขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 (พ.ศ. 2344-2443)

ภูมิภาคนิยมในแปซิฟิกปัจจุบันนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก มีต้นกำเนิดมาจากชุมชนเกาะหลาย ๆ แห่งที่กำลังได้รับอิสรภาพในช่วงเวลานั้น การประชุมแปซิฟิกใต้มีรายชื่อสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนได้เปลี่ยนชื่อการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกเมื่อ พ.ศ. 2542

“การดำเนินการนี้เป็นความพยายามที่จะแสดงสิทธิ์และเสริมสร้างศักยภาพของภูมิภาค เพื่อให้มีโอกาสมากขึ้นในการแสดงตัวตนในเวทีโลก” นายทาร์ตกล่าว “โดยสร้างขึ้นจากธรรมเนียมของภูมิภาคนิยม ซึ่งก่อตั้งขึ้นในระหว่างยุคอาณานิคม”

ภูมิภาคนี้มีความปรารถนาแรงกล้าที่จะรักษาความเป็นกลางไว้ ในขณะที่มหาอำนาจอื่น ๆ ในอินโดแปซิฟิกพยายามโน้มน้าวรัฐบาลหมู่เกาะเห็นด้วยกับมุมมองของตนเอง แม้ว่าหมู่เกาะโซโลมอนจะมีความโน้มเอียงเข้าหาจีนมากขึ้นหลังลงนามในข้อตกลงความมั่นคงเมื่อ พ.ศ. 2565 แต่ความพยายามของจีนที่จะอ้างอิทธิพลต่อรัฐสมาชิกอื่นของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกก็ไม่ได้ผลลัพธ์เท่าที่คาดไว้ เช่น ไม่นานหลังจากที่รัฐบาลจีนทำสนธิสัญญาลับกับหมู่เกาะโซโลมอน ประเทศในบลูแปซิฟิกอื่น ๆ ก็ปฏิเสธข้อเสนอพหุภาคีในการกระชับความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคกับจีน และการเลือกตั้งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ในหมู่เกาะโซโลมอนได้ทำให้อิทธิพลของจีนลดลงหลังจากที่ผู้สนับสนุนจีนอย่างนายมานาสเซ โซกาแวร์ ที่แม้จะได้รับการเลือกตั้งกลับเข้าสู่สภา แต่ก็ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ผู้นำการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกได้ก่อตั้งสภาองค์กรระดับภูมิภาคแห่งแปซิฟิกใน พ.ศ. 2531 เพื่อพัฒนาความร่วมมือ การประสานงาน และการทำงานร่วมกันระหว่างองค์การระหว่างรัฐบาล ความร่วมมือของหน่วยงานเหล่านี้สนับสนุนความมุ่งมั่นของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกในด้านภูมิภาคนิยม เลขาธิการการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกยังทำหน้าที่เป็นประธานของสภาองค์กรระดับภูมิภาคแห่งแปซิฟิกด้วย สภาองค์กรระดับภูมิภาคแห่งแปซิฟิกทำงานร่วมกับสำนักงานความปลอดภัยการบินแปซิฟิก องค์กรวิทยาศาสตร์และเทคนิคของชุมชนแปซิฟิก โครงการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก หน่วยงานประมงการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก สำนักเลขาธิการการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก สมาคมพลังงานแปซิฟิก องค์กรการท่องเที่ยวแปซิฟิก สำนักเลขาธิการโครงการสิ่งแวดล้อมภูมิภาคแปซิฟิก และมหาวิทยาลัยแห่งแปซิฟิกใต้

ปฏิญญาไบเกทาวาใน พ.ศ. 2543 และปฏิญญาโบเอใน พ.ศ. 2561 กระตุ้นให้สมาชิกการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกช่วยเหลือเพื่อนบ้านในยามวิกฤต โดยปฏิญญาไบเกทาวาเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบทางศีลธรรมของรัฐในการปกป้องเพื่อนบ้านในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และได้นำมาใช้ในหลายครั้ง เช่น ในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่เกาะโซโลมอนและเมื่อโควิด-19 แพร่ระบาดไปทั่วภูมิภาคใน พ.ศ. 2563 ส่วนปฏิญญาโบเอขยายแนวคิดเรื่องความมั่นคงให้ครอบคลุมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติและภัยพิบัติที่เกิดจากมนุษย์ คำประกาศนี้ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อการดำรงชีวิต ความมั่นคง และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในแปซิฟิก

การรับรองยุทธศาสตร์ พ.ศ. 2593 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สะท้อนถึงความปรารถนาของผู้นำการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกตลอดประวัติศาสตร์ขององค์กร “ผมประทับใจมากกับเนื้อหาในทางเทคนิคและวิสัยทัศน์ของเอกสารนี้” ดร. โอห์เลอร์กล่าว “เอกสารนี้สอดคล้องและสอดรับกับกฎระเบียบขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น และกฎระเบียบระหว่างประเทศอย่างที่สุด”


แหล่งที่มาของการสนับสนุน

ประเทศต่าง ๆ จับมือกับเหล่าผู้นำบลูแปซิฟิกโดยมีจุดประสงค์เพื่อแผ่ขยายภูมิภาคออกไป

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

หุ้นส่วนในบลูแปซิฟิกทำงานร่วมกับการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกเพื่อผลักดันเป้าหมายสำคัญของการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก รวมถึงเป้าหมายสำคัญที่รวมอยู่ในกลยุทธ์ พ.ศ. 2593 ด้วย หุ้นส่วนในบลูแปซิฟิกมีความพยายามที่จะ “นำพลังงานและแหล่งทรัพยากรณ์ใหม่มาใช้เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและจับต้องได้”

ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัวหุ้นส่วนในบลูแปซิฟิกเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แคนาดา เยอรมนี และเกาหลีใต้ได้เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วน หลังจากที่ประเทศหุ้นส่วนเหล่านั้นได้หารือกับผู้นำการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก ทุกประเทศต่างช่วยเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติและการบรรเทาภาวะโลกร้อน บรรเทาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การแก้ไขปัญหาและโอกาสด้านภัยคุกคามทางไซเบอร์ การส่งเสริมการวิจัยในมหาสมุทร และการป้องปรามการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

“เราจะจัดทำแบบแผนของโครงการที่มีอยู่และวางแผนโครงการในอนาคต โดยมุ่งหวังที่จะผลักดันทรัพยากร ลดการดำเนินงานที่ซ้ำซ้อน และปิดช่องว่าง ซึ่งจะหลีกเลี่ยงภาระที่เพิ่มขึ้นและโอกาสที่สูญเสียไปสำหรับรัฐบาลและประชาชนในแปซิฟิก” สมาชิกผู้ก่อตั้งกล่าวในช่วงก่อตั้งหุ้นส่วนในบลูแปซิฟิก

“นี่เป็นกลไกการประสานงาน ไม่ใช่กลไกการดำเนินการ” ดร. อัลเฟรด
โอห์เลอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านหมู่เกาะแปซิฟิกจากศูนย์เอเชียแปซิฟิก
แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงในรัฐฮาวาย กล่าวกับ ฟอรัม “ประเทศจำนวนมากต่างต้องการให้ความช่วยเหลือ แต่ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการกับข้อเสนอทั้งหมดได้”

หุ้นส่วนในบลูแฟซิฟิกและกลุ่มผู้นำหมู่เกาะแฟซิฟิกร่วมประชุมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายอื่นในรัฐฮาวายเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เพื่ออภิปรายปัญหาด้านการประมงที่ผิดกฎหมายและขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคง

แผนผังความช่วยเหลือแปซิฟิก

ความช่วยเหลือด้านการพัฒนามีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของหมู่เกาะแปซิฟิกมากกว่าภูมิภาคอื่นใดในโลก แผนผังความช่วยเหลือแปซิฟิกของสถาบันโลวี ซึ่งได้รับทุนจากกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย มีข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับเงินให้เปล่าและเงินกู้ยืมแก่ภูมิภาคนี้

นักวิจัยที่สถาบันโลวี ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยในออสเตรเลีย ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมมากกว่า 30,000 รายการที่ได้รับการสนับสนุนจากหุ้นส่วนด้านการพัฒนา 82 ราย เพื่อจัดทำแผนที่เชิงโต้ตอบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของความช่วยเหลือจากต่างประเทศที่นำมาสู่ 14 ประเทศในแปซิฟิกตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2564 ซึ่งได้แก่ หมู่เกาะคุก ฟิจิ คิริบาส หมู่เกาะมาร์แชลล์ ไมโครนีเซีย นาอูรู นีอูเอ ปาเลา ปาปัวนิวกินี ซามัว หมู่เกาะโซโลมอน ตองกา ตูวาลู และวานูอาตู ในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือรวมกันเป็นมูลค่ามากกว่า 1.46 ล้านล้านบาท (ประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตามรายงานของสถาบันโลวี

ออสเตรเลียและญี่ปุ่นเพิ่มการสนับสนุนให้กับทั้ง 14 ประเทศใน พ.ศ. 2564 และออสเตรเลียเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดตั้งแต่ พ.ศ. 2551 ถึง พ.ศ. 2564 โดยให้การสนับสนุนด้านการจัดหาเงินทุนทางการพัฒนาถึงร้อยละ 40 ของทั้งหมดในภูมิภาคนี้ ตามรายงานของสถาบันโลวี ในทางกลับกัน การสนับสนุนจากสาธารณรัฐประชาชนจีนกลับลดลงใน พ.ศ. 2564 งบประมาณสนับสนุนจากจีน 8.9 พันล้านบาท (ประมาณ 241 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เกือบทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ตามข้อมูลจากนักวิจัย ทั้งคิริบาสและหมู่เกาะโซโลมอนเปลี่ยนความจงรักภักดีทางการเมืองจากไต้หวันซึ่งปกครองตนเองมาเป็นรัฐบาลจีนใน พ.ศ. 2562 จึงทำให้ได้รับความช่วยเหลือจากจีนมากขึ้นใน พ.ศ. 2564

ความพยายามในการร่วมมือ

สหภาพยุโรป ฝรั่งเศส และอินเดีย ซึ่งเป็นสมาชิกและผู้สังเกตการณ์หุ้นส่วนในบลูแปซิฟิก ได้เข้าร่วมการประชุมกับตัวแทนจากประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก สำนักงานเลขาธิการการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก และอื่น ๆ
โดยมีจุดประสงค์เพื่อการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการประมงและขอบเขตในการเฝ้าระวังทางทะเล ที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค.
อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงในโฮโนลูลู เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 การประชุมเชิงปฏิบัติการนี้ได้จัดการกับความท้าทายที่ภูมิภาคแปซิฟิกกำลังเผชิญ รวมถึงช่องโหว่ด้านศักยภาพและขีดความสามารถ อีกทั้งยังมีการระบุถึงขอบเขตความร่วมมือ

ดร.โอห์เลอร์สกล่าวชื่นชมต่อหุ้นส่วนในบลูแปซิฟิก “นี่เป็นการเริ่มทำอะไรบางอย่าง แล้วก็ได้ผลด้วย” ดร.โอห์เลอร์สกล่าว “คนที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม กำลังมีส่วนร่วมและได้รับประโยชน์”

นอกจากการประสานงานแล้ว หุ้นส่วนในบลูแปซิฟิกและกลุ่มประเทศสมาชิกต่างวางแผนกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นกับรัฐบาลแปซิฟิกและการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก เช่น สหรัฐฯ ได้จัดการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวกับเหล่าสมาชิกการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิกใน พ.ศ. 2565 และ 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความรับผิดชอบที่มีต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเพิ่มสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลและพายุอันตรายที่คุกคามประเทศหมู่เกาะซึ่งมีแนวพื้นดินต่ำ “สหรัฐอเมริกามุ่งมั่นที่จะทำให้ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่เสรี เปิดกว้าง มั่งคั่ง และมั่นคง” นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว

ในที่ประชุมเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 นายไบเดนได้ร้องขอเงินจำนวน 7.4 พันล้านบาท (ประมาณ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากรัฐสภาสหรัฐฯ สำหรับโครงการริเริ่มต่าง ๆ เพื่อการขยายและเพิ่มการมีส่วนร่วมในหมู่เกาะแปซิฟิก

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button