ฟิลิปปินส์กล่าวหาว่าจีนดำเนิน “การเคลื่อนไหวที่เป็นอันตราย” มากยิ่งขึ้นในทะเลจีนใต้ แม้ว่ารัฐบาลจีนได้ให้คำมั่นว่าจะลดทอนความตึงเครียดลงแล้วก็ตาม

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม รายงานข่าวภายนอก
แม้ว่าได้ให้คำมั่นไว้ว่าจะจัดการข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่มีการแก่งแย่งกันอ้างสิทธิ์ให้ดีขึ้น แต่สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงก่อกวนเรือและเครื่องบินของฟิลิปปินส์ที่ปฏิบัติการอย่างถูกต้องตามกฎหมายในเส้นทางน้ำที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์นี้ เจ้าหน้าที่กล่าว
ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้กล่าวหาว่ารัฐบาลจีน “ดำเนินการเคลื่อนไหวที่ก้าวร้าวและอันตราย” ในการรบกวนภารกิจส่งเสบียงให้กับชาวประมงฟิลิปปินส์ที่อยู่ใกล้กับสันดอนซาบินา ในช่วงไม่กี่วันก่อนหน้านั้น กองกำลังจีนที่อยู่ในด่านทหารชั้นนอกบนแนวปะการังซูบีที่มีการขุดลอกได้ยิงพลุไฟใกล้กับเครื่องบินฟิลิปปินส์ที่กำลังลาดตระเวนตามกิจวัตร ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุการณ์ใกล้สันดอนสการ์โบโรห์
วิดีโอจาก: กองกำลังเฉพาะกิจทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก/ไวรัลเพรส/รอยเตอร์
การเผชิญหน้าดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความพยายามในการสร้างความไว้วางใจขึ้นมาใหม่และป้องปรามการเผชิญหน้าทางทะเลและอากาศที่จีนได้ประกาศไว้ ข้อตกลงระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เกิดขึ้นหลังจากการปะทะกันที่ดำเนินมายาวนานหลายเดือน ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ที่เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนชน กีดขวางทาง และยิงปืนฉีดน้ำใส่เรือส่งเสบียงของฟิลิปปินส์ การปะทะกันครั้งนี้นำไปสู่การเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงใกล้ด่านทหารชั้นนอกของฟิลิปปินส์บนสันดอนโทมัสที่สองในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่จีนได้ทำลายเรือส่งเสบียงและทำให้ทหารเรือฟิลิปปินส์คนหนึ่งสูญเสียนิ้วไปหนึ่งนิ้ว
จีนได้อ้างสิทธิ์ในอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ รวมถึงในพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์โดยบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามด้วย รัฐบาลจีนได้ส่งกองเรือติดอาวุธจากกองกำลังรักษาชายฝั่งและกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเล พร้อมทั้งจัดกำลังทหารเข้าประจำในแนวปะการังและพื้นที่ทางทะเลอื่น ๆ เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์ของตน
ศาลระหว่างประเทศได้ตัดสินใน พ.ศ. 2559 ว่าการอ้างสิทธิ์ของรัฐบาลจีนไม่มีพื้นฐานทางกฎหมาย ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้ยื่นฟ้องคดีนี้ รัฐบาลจีนยังคงเพิกเฉยต่อการตัดสินดังกล่าว
ในเดือนกรกฎาคม ฟิลิปปินส์และจีนตกลงที่จะ “ฟื้นฟูความไว้วางใจ” และ “สร้างความเชื่อมั่นขึ้นใหม่” เพื่อจัดการข้อพิพาททางทะเล การตกลงดังกล่าวทำให้เกิดข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับภารกิจส่งเสบียงของรัฐบาลฟิลิปปินส์ไปยังเรือของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ที่สันดอนโทมัสที่สอง
“การกระทำที่ไม่เป็นมืออาชีพ ก้าวร้าว และผิดกฎหมายเหล่านี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่อความปลอดภัยของลูกเรือฟิลิปปินส์และชาวประมงที่ลูกเรือตั้งใจให้ความช่วยเหลือ” เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวหลังเหตุการณ์เผชิญหน้าที่สันดอนซาบินา
เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า เรือของสำนักประมงฟิลิปปินส์ได้เผชิญหน้ากับเรือจีนหลายลำที่มีการเคลื่อนไหวที่ “อันตราย” ทำให้เครื่องยนต์ของเรือเสียหายและถูกบังคับให้ยกเลิกภารกิจส่งเสบียง
รัฐบาลฟิลิปปินส์ย้ำเตือนข้อเรียกร้องของตนที่ต้องการให้รัฐบาลจีนยุติการกระทำยั่วยุที่ทำลายสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค
เหตุการณ์นี้ “ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของจีนที่อ้างว่าทำเพื่อการลดความตึงเครียดในพื้นที่และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาและปรึกษาหารือ” สภาการเดินเรือแห่งชาติฟิลิปปินส์ระบุ
รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวว่าจะยังคงดำเนินการทางการทูตต่อไป และเรียกร้องให้จีน “กลับสู่เส้นทางของการเจรจาอย่างสร้างสรรค์” ในประเด็นที่เกี่ยวกับทะเลจีนใต้
นายกิลแบร์โต เตโอโดโร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ กล่าวว่าการกระทำของจีนที่สันดอนซาบินานั้น “ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน”
“เราต้องคาดการณ์ว่าจะเกิดพฤติกรรมเช่นนี้จากจีน เพราะนี่คือการต่อสู้” นายเตโอโดโรกล่าว
สหรัฐอเมริกาเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญาอันยาวนานของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ซึ่งได้กล่าวย้ำถึงการสนับสนุนที่ตนมีต่อฟิลิปปินส์
“การกระทำที่ไม่ปลอดภัย ผิดกฎหมาย และก้าวร้าวของจีนได้ขัดขวางภารกิจที่ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายของฟิลิปปินส์ และยังเป็นอันตรายต่อหลายชีวิตด้วย” นางแมรีเคย์ คาร์ลสัน เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำฟิลิปปินส์ กล่าวในสื่อสังคมออนไลน์
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลฟิลิปปินส์ก็ยังได้กล่าวหารัฐบาลจีนว่า “ไม่มีเหตุผลอันสมควร” ในการยิงพลุไฟจากแนวปะการังซูบีในขณะที่เครื่องบินฟิลิปปินส์กำลังลาดตระเวน เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์กล่าวว่า เครื่องบินของฟิลิปปินส์ยัง “ถูกคุกคาม” โดยเครื่องบินขับไล่ของจีนขณะลาดตระเวนใกล้สันดอนสการ์โบโรห์เมื่อสามวันก่อนหน้านี้
มีการนำข้อมูลจากสำนักข่าวรอยเตอร์มาใช้ในรายงานนี้