พันธมิตรด้านกลาโหมระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้ร่วมกันยกระดับ “ครั้งประวัติศาสตร์” เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
สหรัฐอเมริกากำลังดำเนินการยกระดับครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ให้กับกองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น ซึ่งจะกลายเป็นกองบัญชาการร่วมเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น
“เรายินดีกับการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ในการปรับปรุงการบัญชาการและการควบคุมของพันธมิตรของเราให้ทันสมัย เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตได้ดียิ่งขึ้น” นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าว “นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดต่อกองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมา และเป็นหนึ่งในการปรับปรุงความสัมพันธ์ทางกองกำลังกับญี่ปุ่นที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 70 ปี”
กองบัญชาการร่วมจะขยายภารกิจและความรับผิดชอบด้านการปฏิบัติการออกไป ตลอดจนส่งเสริมการป้องปรามเพื่อรับรองถึงภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 ระหว่างการประชุมที่กรุงโตเกียวของนายมิโนรุ คิฮาระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น นางโยโกะ คามิกาวะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และนายออสติน
“เรายืนอยู่ ณ จุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อระเบียบสากลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา ความเสรี และความเปิดกว้าง ถูกสั่นสะเทือนจนถึงแก่น” นางคามิกาวะกล่าว “ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่การตัดสินใจในวันนี้ของเราจะเป็นสิ่งที่กำหนดอนาคตของเรา”
พรรคคอมมิวนิสต์จีนดำเนินกลยุทธ์อย่างผิดกฎหมาย บีบบังคับ ก้าวร้าว และหลอกลวงทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงรอบเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง ที่ซึ่งรัฐบาลจีนขู่ว่าจะผนวกรวมโดยใช้กำลัง และในทะเลจีนใต้ ในทะเลจีนใต้ กองกำลังรักษาชายฝั่งและกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของจีนได้มุ่งเป้าไปที่เรือทหารและเรือพลเรือนของฟิลิปปินส์ในดำเนินแผนการโจมตีและการคุกคามที่ยืดเยื้อนานหลายปี
ใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องทางอำนาจอธิปไตยโดยพลการของจีนต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องตามกฎหมาย คำตัดสินดังกล่าวได้ตำหนิพฤติกรรมของรัฐบาลจีนในเส้นทางการค้าทั่วโลก รวมถึงการก่อสร้างและการจัดกำลังทหารที่สิ่งปลูกสร้างเทียมในทะเลในน่านน้ำของฟิลิปปินส์และที่อื่น ๆ
ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ยังได้อ้างถึง “สภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงในภูมิภาคที่เสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพฤติกรรมที่บ่อนทำลายเสถียรภาพอย่างต่อเนื่องและการพยายามอย่างไม่ลดละในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ การเร่งสร้างและขยายคลังแสงนิวเคลียร์ของจีนโดยไร้ความโปร่งใส และการบ่อนทำลายการควบคุมอาวุธและสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ทั่วโลก รวมถึงการขยายความร่วมมือทางทหารและการขนย้ายอาวุธที่ผิดกฎหมายกับเกาหลีเหนือ”
การปรับโครงสร้างการบัญชาการของสหรัฐฯ มีกำหนดดำเนินการใน พ.ศ. 2568 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งกองบัญชาการปฏิบัติการร่วมของญี่ปุ่น โดยมีจุดประสงค์คือการทำให้เกิดความสามารถในการทำงานร่วมกันและความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตามที่แถลงการณ์ระบุ นอกจากนี้ยังจะเสริมสร้างการประสานงานด้านข่าวกรอง การเฝ้าระวัง การลาดตระเวน และความมั่นคงทางไซเบอร์
กองบัญชาการร่วมจะมีบทบาทโดยตรงในการวางแผนและชี้นำกองกำลังสหรัฐฯ ในยามสงบและในช่วงวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้น กองบัญชาการจะต้องขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กองกำลังญี่ปุ่นและสหรัฐฯ จะยังคงอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของชาติของตนเอง แทนที่จะอยู่ภายใต้โครงสร้างคำสั่งแบบบูรณาการเช่นเดียวกับที่สหรัฐฯ มีกับสาธารณรัฐเกาหลี
กองกำลังสหรัฐฯ ในญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2500 ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากกองทัพอากาศ กองทัพบก นาวิกโยธิน และกองทัพเรือของสหรัฐฯ ประมาณ 54,000 นาย ซึ่งประจำการอยู่ในญี่ปุ่นตามสนธิสัญญาความร่วมมือและความมั่นคงร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2503