สมุดปกขาวกระทรวงกลาโหมประจำปีของญี่ปุ่นเน้นย้ำถึงภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการป้องปราม
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวเตือนในสมุดปกขาวประจำปีของตนว่า โลกกำลังเผชิญกับ “ยุควิกฤตใหม่” ที่อาจส่งผลกระทบต่อภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งสมุดปกขาวนี้สะท้อนเนื้อหาของรายงานฉบับก่อนหน้าพร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นด้านการป้องปราม
สมุดปกขาวฉบับนี้ออกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 โดยเป็นการประเมินสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งเนื้อหาระบุว่าเกาหลีเหนือ จีน และรัสเซียเป็นภัยคุกคาม และเตือนถึงสถานการณ์ในภูมิภาคที่อาจคล้ายกับยูเครน หากว่ารัฐบาลเผด็จการของประเทศเหล่านี้กระทำพฤติกรรมก้าวร้าวที่ฝ่าฝืนมาตรฐานสากลมากขึ้น
ตอนนี้โลก “กำลังเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง” นายมิโนรุ คาฮาระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เขียนไว้ในบทคำนำของสมุดปกขาว “ระเบียบที่มีอยู่กำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรง ญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดในยุคหลังสงคราม”
สมุดปกขาว “กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น พ.ศ. 2567” สอดคล้องกับจุดยืนด้านกลาโหมของรัฐบาลญี่ปุ่นที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ญี่ปุ่นประกาศว่าจะพัฒนาขีปนาวุธและขีดความสามารถอื่น ๆ ในการโจมตีตอบโต้ ให้ความสำคัญกับนวัตกรรม และเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็นร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศภายใน พ.ศ. 2570 ขีดความสามารถในการตอบโต้มีความสำคัญมากกว่าที่เคย เนื่องจากจีนได้เสริมสร้างกองทัพของตนเอง และเกาหลีเหนือก็ยังคงดำเนินโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง สมุดปกขาวระบุ ความสัมพันธ์ที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและเกาหลีเหนือกับรัสเซียก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่ากังวล
“ส่วนแรกของสมุดปกขาวกระทรวงกลาโหมในปีนี้ ซึ่งได้อธิบายถึงสถานการณ์ความมั่นคงโดยรอบญี่ปุ่น เป็นส่วนที่มีความตึงเครียดมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสมุดปกขาวที่เคยออกมา 50 ฉบับ เนื่องจากการรุกรานยูเครนที่ยืดเยื้อของรัสเซีย ความกดดันทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อไต้หวัน และการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์ของเกาหลีเหนือ” นายโยชินางะ เคนจิ อดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองในหน่วยข่าวกรองความมั่นคงสาธารณะและกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น กล่าวกับนิตยสารเดอะ ดิโพลแมต ในเดือนกรกฎาคม
สมุดปกขาวระบุว่าจีนเป็น “ความท้าทายทางยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด” ของญี่ปุ่น โดยระบุถึงการปรากฏตัวของจีนในทะเลจีนตะวันออกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรอบหมู่เกาะเซ็งกะกุที่ญี่ปุ่นบริหารจัดการ รวมถึงทะเลญี่ปุ่นและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ขณะเดียวกัน กองทัพปลดปล่อยประชาชนก็ได้เพิ่มความถี่ของกิจกรรมฝึกซ้อมทางทหารรอบเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง และรัฐบาลจีนยังเพิ่มการปรากฏตัวในทะเลจีนใต้ด้วยการสร้างฐานทัพทหารบนเกาะเทียมและกระทำการอ้างสิทธิ์ในดินแดนในลักษณะที่ขัดต่อกฎหมายทางทะเลระหว่างประเทศ จีนยังได้ร่วมมือกับรัสเซียมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมทางทหาร เช่น การให้เครื่องบินทิ้งระเบิดบินร่วมกันและการฝึกซ้อมการเคลื่อนที่ทางเรือใกล้ญี่ปุ่น สมุดปกขาวระบุ
และยังระบุด้วยว่า “การเปลี่ยนแปลงสถานะที่เป็นอยู่เพียงฝ่ายเดียวโดยใช้กำลังและความพยายามดังกล่าว เป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่อระเบียบระหว่างประเทศที่มีอยู่” “เราไม่อาจตัดทิ้งความเป็นไปได้ที่ว่า สถานการณ์ร้ายแรงที่คล้ายคลึงกับการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน อาจเกิดขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกในอนาคต โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออก”
สมุดปกขาวระบุว่า กิจกรรมทางไซเบอร์ที่ผิดกฎหมายกำลังกลายเป็นปัญหาร้ายแรงมากขึ้น และความกังวลด้านความมั่นคงอื่น ๆ เช่น สงครามข้อมูลและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังก่อตัวขึ้น ผู้ประสงค์ร้ายใช้การกระทำที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ ก้าวร้าว และหลอกลวงแทนปฏิบัติการทางทหาร
สมุดปกขาวยังระบุถึงความร่วมมือระหว่างพันธมิตรและหุ้นส่วนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงพันธมิตรหลักของญี่ปุ่นอย่างสหรัฐอเมริกา ตลอดจนความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นของรัฐบาลญี่ปุ่นกับรัฐบาลเกาหลีใต้ ผู้นำของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ได้ประชุมกันในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางความมั่นคงไตรภาคี นอกเหนือจากมาตรการต่าง ๆ แล้ว ตอนนี้ทั้งสามประเทศยังทำการแบ่งปันข้อมูลการแจ้งเตือนขีปนาวุธของเกาหลีเหนือด้วย
ช่วงเวลาที่ได้รับการประเมินในสมุดปกขาวนี้สิ้นสุดลงก่อนที่ผู้นำญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์จะลงนามในข้อตกลงการเข้าถึงแบบทวิภาคีในเดือนกรกฎาคม ข้อตกลงนี้อนุญาตให้ทั้งสองประเทศส่งกองกำลังเข้าประจำการในดินแดนของกันและกันได้ เพื่อฝึกอบรมและดำเนินปฏิบัติการร่วม รวมถึงการบรรเทาภัยพิบัติ
นายคิฮาระเขียนไว้ว่า ท่ามกลางความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นและกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่น “มุ่งมั่นที่จะปกป้องชีวิตและความเป็นอยู่ที่สงบสุขของประชาชนชาวญี่ปุ่น รวมทั้งปกป้องดินแดน น่านน้ำ และน่านฟ้าของญี่ปุ่นจนถึงที่สุด”