ฟิลิปปินส์พยายามลดระดับความก้าวร้าวของรัฐบาลจีนในทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
พันธมิตรและหุ้นส่วนทั่วทั้งอินโดแปซิฟิกร่วมกันประณามการกระทำที่เป็นอันตรายและรุนแรงของรัฐบาลจีนในทะเลจีนใต้ในช่วงเดือนมิถุนายน และฟิลิปปินส์ยังพยายามที่จะลดความตึงเครียดด้วยการเสริมการใช้วิธีทางการทูต
“เรายังคงเชื่อมั่นในความสำคัญของการเจรจา และการทูตควรเป็นวิธีการที่สำคัญแม้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงเหล่านี้” นายเอ็นริเก มานาโล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฟิลิปปินส์ กล่าวต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรายงานของสำนักข่าวฟิลิปปินส์
นายเคิร์ท แคมป์เบลล์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าฟิลิปปินส์กำลัง “ใช้ความระมัดระวังอย่างมากในช่วงเวลานี้”
“พวกเขาไม่ได้ต้องการให้เกิดวิกฤตการณ์กับจีน พวกเขาพยายามจะเจรจา” นายแคมป์เบลล์กล่าวในงานสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์
วิดีโอจาก: สถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ
ความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 เมื่อเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนพุ่งชน และนำกองกำลังขึ้นเรือของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ที่พยายามส่งเสบียงให้กับเรือเซียร์รา มาเดร ซึ่งเป็นด่านทหารชั้นนอกของฟิลิปปินส์ที่สันดอนโทมัสที่สอง การเผชิญหน้านี้ทำให้ทหารเรือฟิลิปปินส์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเรือของฟิลิปปินส์ได้รับความเสียหาย วิดีโอที่แสดงให้เห็นเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาชายฝั่งจีนถือขวาน มีดพร้า และวัตถุมีคมอื่น ๆ ก่อให้เกิดความไม่พอใจและการประณามจากนานาชาติ รวมถึงแคนาดา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ
ฟิลิปปินส์ได้ประท้วงการกระทำของรัฐบาลจีนแต่ใช้วิธีการยับยั้งชั่งใจ รัฐบาลฟิลิปปินส์ไม่ได้ตอบโต้ ไม่ได้ระบุว่าการเผชิญหน้านี้เป็นการโจมตีด้วยอาวุธ และไม่ได้เรียกใช้สนธิสัญญาป้องกันร่วมกับสหรัฐฯ ซึ่งได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ต่อความมั่นคงของฟิลิปปินส์
จีนอ้างสิทธิ์ในพื้นที่เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้ แม้จะมีคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ตัดสินให้การอ้างสิทธิ์ดังกล่าวเป็นโมฆะ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไต้หวัน และเวียดนามต่างก็อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้ด้วยเช่นกัน จีนได้คุกคามเรือของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม และขัดขวางการทำธุรกิจน้ำมันและก๊าซในน่านน้ำของประเทศเหล่านี้ อีกทั้งจีนยังพยายามอ้างสิทธิ์อำนาจอธิปไตยในวงกว้าง
เรือกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนได้พุ่งชน ปิดกั้น และยิงปืนฉีดน้ำใส่เรือเติมเสบียงของฟิลิปปินส์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเป็นการบังคับใช้การอ้างสิทธิ์ที่ผิดกฎหมายที่สันดอนโทมัสที่สองและบริเวณโดยรอบ ลูกเรือประมงพลเรือนก็ต้องเผชิญกับการคุกคามอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จีนได้ออกระเบียบข้อบังคับสำหรับกองกำลังรักษาชายฝั่งในช่วงกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 โดยยืนกรานว่าจีนสามารถควบคุมเรือและลูกเรือต่างชาติที่ “รุกล้ำ” เข้ามาในพื้นที่ที่จีนอ้างสิทธิ์อย่างผิดกฎหมายว่าเป็นอาณาเขตทางทะเลของตนได้
นายมานาโลกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์กำลังดำเนินงานเพื่อจัดการเจรจากับจีนเพื่อจัดทำมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดลงได้ มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจรวมถึงข้อตกลงระหว่างสองหน่วยงานขึ้นไปในการแลกเปลี่ยนข้อมูล และกระบวนการตรวจสอบที่ครอบคลุมถึงด้านกำลังทหาร อาวุธ และยุทโธปกรณ์ มาตรการนี้เป็นความพยายามที่จะเพิ่มความโปร่งใสและชี้แจงเจตนารมณ์ของกิจกรรมทางทหารหรือกิจกรรมด้านอื่น ๆ ตัวอย่างที่เด่นชัดคือข้อตกลงในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในการกลับมาดำเนินการสนทนาระหว่างกองทัพอีกครั้ง หลังจากที่ไม่มีการติดต่อกันเป็นเวลาเกือบ 18 เดือน
นายมานาโลกล่าวว่า ไม่ว่ามาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจจะบรรลุผลอย่างไร “มาตรการนี้จะไม่กระทบต่อการส่งเสริมอธิปไตย สิทธิอธิปไตย รวมถึงสิทธิและเขตอำนาจศาลของเรา” ในทะเลจีนใต้
“เราจะดำเนินการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ…” นายมานาโลกล่าว “เราทำงานอย่างหนักเพื่อให้จีนหันกลับมาเจรจากับเราอีกครั้ง เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้”
นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ยกย่องกองทัพฟิลิปปินส์และมอบเหรียญกล้าหาญให้กับทหาร 80 นายที่มีส่วนร่วมในการเผชิญหน้า โดยชมเชยพวกเขาที่แสดงความยับยั้งชั่งใจในการตอบโต้การกระทำที่ผิดกฎหมายของจีน
“เมื่อเรามอบเหรียญกล้าหาญเหล่านี้” นายมาร์กอสกล่าว ตามรายงานของหนังสือพิมพ์มะนิลา บูลเล็ตอิน “เราจดจำไว้ว่าเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เราได้ตัดสินใจอย่างมีสติและรอบคอบที่จะยังคงอยู่ในเส้นทางของสันติภาพ”