กลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า จีนเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านในอุยกูร์เพื่อลบล้างการแสดงออกทางวัฒนธรรมและศาสนา
เรดิโอฟรีเอเชีย
องค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งหนึ่งพบว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านของชาวอุยกูร์ประมาณ 630 แห่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการกําจัดความหลากหลายทางเชื้อชาติในซินเจียง
เป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนคือ “การลบล้างการแสดงออกทางวัฒนธรรมและศาสนา” ของชาวอุยกูร์กว่า 11 ล้านคนที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในเขตซินเจียงทางตะวันตกอันไกลโพ้นของจีน ฮิวแมนไรตส์วอตช์ในนิวยอร์กระบุในรายงานฉบับล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนชื่อที่กล่าวถึงศาสนาอิสลามหรือประวัติศาสตร์อุยกูร์ด้วยคําที่สะท้อนถึงอุดมการณ์ของพรรค
“การลบและเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าโครงการทั้งหมดของรัฐบาลจีนในภูมิภาคอุยกูร์มีความเป็นสังคมอุดมคติเพียงใด” นางมายา หวัง รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายจีนของฮิวแมนไรตส์วอตช์ กล่าว
“นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการกดขี่ผู้คนและ … อดีต รวมถึงการลบล้างอนาคต และลบสิ่งที่คิดว่าอาจตกทอดไปสู่ลูกหลานของพวกเขาได้” นางหวังกล่าว
ฮิวแมนไรตส์วอตช์และองค์กร “อุยกูร์ เฮลพ์” ในนอร์เวย์ ใช้เว็บไซต์ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเพื่อวิเคราะห์ชื่อหมู่บ้านในซินเจียง
ทั้งสององค์กรพบการเปลี่ยนแปลง 630 รายการซึ่งเชื่อว่าเป็นลักษณะทางศาสนา วัฒนธรรม หรือประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2560 และ 2562 เมื่อการกดขี่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในภูมิภาคซินเจียงรุนแรงขึ้น รายงานดังกล่าวระบุ
เช่น หมู่บ้านอัค เมสชิต หรือ “มัสยิดสีขาว” ในมณฑลอัคโต ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านสามัคคีใน พ.ศ. 2561
ในปีเดียวกันนั้น หมู่บ้านโฮจา เอริค หรือ “ลําธารแห่งครูซูฟี” ในเขตอาเค่อซู ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านวิลโลว์
หมู่บ้านดูตาร์ในเขตโฮตัน ซึ่งตั้งชื่อตามเครื่องดนตรีของชาวอุยกูร์ได้เปลี่ยนชื่อเป็นหมู่บ้านธงแดงใน พ.ศ. 2565
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ใช้กลยุทธ์การเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านร่วมกับกลยุทธ์อื่น ๆ รวมถึงการห้ามผู้หญิงสวมผ้าคลุมศีรษะ ห้ามไม่ให้ผู้ชายไว้เครา ห้ามตั้งชื่อเด็กด้วยชื่อมุสลิม เพื่อพยายามกําจัดวัฒนธรรมอุยกูร์และสร้างความขายหน้าให้กับชาวอุยกูร์ นางหวังกล่าว
“อย่างน้อยที่สุดแล้ว เราทุกคนรู้ดีว่า การลบสัญลักษณ์ของผู้คน ภาษา และวัฒนธรรมคือการลบตัวตนของพวกเขาและทำให้พวกเขาหวาดกลัว” นางหวังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้สนับสนุนด้านสิทธิมนุษยชนยังได้บันทึกการละเมิดสิทธิมนุษยชนและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในจีน ซึ่งรวมถึงการกักขังชาวอุยกูร์ประมาณ 1.8 ล้านคนและชาวเติร์กอื่น ๆ ในค่าย “ปรับทัศนคติ” การวางแผนทำร้ายประชากร ได้แก่ การทรมาน การบังคับใช้แรงงาน ความรุนแรงทางเพศ และการบังคับให้ผู้หญิงทำหมัน นางหวังกล่าว
กลุ่มรณรงค์เพื่อชาวอุยกูร์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สนับสนุนชาวอุยกูร์ในวอชิงตัน ได้ประณามการเปลี่ยนชื่อหมู่บ้านดังกล่าว
“ชื่อเหล่านี้ได้เปลี่ยนเป็นถ้อยคำที่เปล่าประโยชน์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งครั้งหนึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานและวัฒนธรรมอันรุ่งเรืองของเรา และอยู่ในประเทศของเรามาเป็นเวลาหลายร้อยปี” นางรัสชาน อับบาส ผู้อำนวยการบริหารของกลุ่มรณรงค์เพื่อชาวอุยกูร์ กล่าว
“แม้ดูเหมือนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเฉลิมฉลองวัฒนธรรมอุยกูร์ด้วยการแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ดนตรีและการเต้นของเรา แต่การแสดงเหล่านี้เป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อที่ไร้สาระและใช้เพื่อปิดบังการวางแผนปราบปรามการแสดงออกทางวัฒนธรรมและศาสนาอย่างต่อเนื่องของรัฐบาล” นางอับบาสกล่าว