เกาหลีใต้และสหรัฐฯ พัฒนายุทธศาสตร์ร่วมกันเกี่ยวกับภัยคุกคามนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ

รอยเตอร์
เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านกลาโหมของเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมประชุมกันที่กรุงโซลเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อพัฒนาหลักเกณฑ์ในการประสานงานการตอบโต้ของพันธมิตรในระยะยาวต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้นจากเกาหลีเหนือ
หลักเกณฑ์ดังกล่าวระบุถึงขั้นตอนในการรักษาและเสริมสร้างนโยบายและท่าทีการยับยั้งนิวเคลียร์ที่ “น่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ” ตามข้อมูลจากแถลงการณ์ร่วม
การประชุมกลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์เกิดขึ้นท่ามกลางสัญญาณที่บ่งบอกว่าเกาหลีเหนือกำลังเร่งพัฒนายุทโธปกรณ์นิวเคลียร์และระบบลำเลียง นายวิพิน นารัง รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ด้านนโยบายอวกาศ เป็นประธานร่วมในการเจรจา และกล่าวว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวทำให้พันธมิตรสามารถผสานรวมความสามารถทางทหารแบบดั้งเดิมเข้ากับขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ได้ในช่วงวิกฤต
“หลักเกณฑ์นี้ครอบคลุมถึงหลักการและขั้นตอนสำหรับการปรึกษาหารือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีวิกฤตนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ และแจ้งเรื่องแนวคิดและการฝึกซ้อมเชิงปฏิบัติการให้กับพันธมิตร” นายนารังกล่าว
นายโช ชางแร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ด้านนโยบาย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะทำการฝึกซ้อมจำลองก่อนการฝึกซ้อมทางทหารตามปกติที่ใกล้จะจัดขึ้น โดยมุ่งเน้นไปที่ความเป็นไปได้ที่รัฐบาลเกาหลีเหนือจะใช้อาวุธนิวเคลียร์
ในความจริงแล้ว ทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ยังคงอยู่ในภาวะสงครามหลังจากความขัดแย้งใน พ.ศ. 2493-2496 สิ้นสุดลงด้วยการหยุดยิง ไม่ใช่สนธิสัญญาสันติภาพ
ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ความพยายามของเกาหลีเหนือในการปล่อยดาวเทียมสอดแนมทางทหารล้มเหลว หลังจากที่เครื่องยนต์จรวดที่พัฒนาขึ้นใหม่ระเบิดกลางอากาศ ซึ่งนับเป็นความล้มเหลวครั้งที่ 3 ของรัฐบาลของนายคิม จองอึน จากความพยายามทั้งหมด 4 ครั้ง
เกาหลีใต้ สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนรายอื่น ๆ ประณามการปล่อยดาวเทียมดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ห้ามไม่ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือใช้เทคโนโลยีขีปนาวุธทิ้งตัว
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 รัฐบาลเกาหลีใต้และรัฐบาลสหรัฐฯ เตือนว่าการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ใด ๆ โดยเกาหลีเหนือจะได้รับ “การตอบโต้อย่างรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาด” และส่งผลให้รัฐบาลของนายคิมสิ้นสุดลง