พันธมิตรและหุ้นส่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกประณามความพยายามในการปล่อยดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
การระเบิดของจรวดที่ยุติความพยายามครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือในการปล่อยดาวเทียมสอดแนม แสดงให้เห็นว่าระบอบเผด็จการล้มเหลวในการพยายามส่งดาวเทียมทางทหารขึ้นสู่วงโคจรถึงสามในสี่ครั้ง
หลังจากความพยายามที่ล้มเหลวไปถึงสองครั้งใน พ.ศ. 2566 ซึ่งทำให้เกิดความอับอายในระดับนานาชาติ ในที่สุดเกาหลีเหนือก็ได้เปิดตัวดาวเทียมสอดแนมในช่วงปลายปีนั้น แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างภาพที่มีประโยชน์ก็ตาม
นายคิม จองอึน ผู้นำเผด็จการแห่งเกาหลีเหนือ ยอมรับในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ว่าการปล่อยขีปนาวุธครั้งล่าสุดของระบอบเผด็จการล้มเหลวหลังจากจรวดที่บรรทุกดาวเทียมระเบิดไม่นานหลังจากปล่อยตัว ฝ่ายบริหารเทคโนโลยีการบินและอวกาศของเกาหลีเหนือกล่าวโทษว่าการระเบิดดังกล่าวเป็นผลมาจากเครื่องยนต์จรวดที่พัฒนาขึ้นใหม่ ซึ่งใช้เชื้อเพลิงจากปิโตรเลียมและออกซิเจนเหลว นักวิเคราะห์กล่าวกับสำนักข่าวนิกเคอิเอเชียว่า ปิโตรเลียมน่าจะหมายถึงน้ำมันก๊าด แม้ว่ามติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งองค์การสหประชาชาติจะจำกัดการขนส่งน้ำมันก๊าดและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่น ๆ ไปยังเกาหลีเหนือก็ตาม
“การพัฒนาจรวดใหม่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปี” นายชาง ยองกึน ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยการบินและอวกาศเกาหลี กล่าวกับสำนักข่าว “มีแนวโน้มที่เกาหลีเหนือจะซื้อเครื่องยนต์นี้จากรัสเซียและทำการยิงทดสอบหลายครั้งก่อนปล่อยขีปนาวุธจริง”
ผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียได้ช่วยชี้แนะโครงการการบินและอวกาศของเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ก่อนที่การปล่อยจรวดครั้งล่าสุดล้มเหลว สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วน ได้กล่าวหารัสเซียว่าแลกเปลี่ยนวัตถุดิบ อาหาร และความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคที่ผิดกฎหมายกับกระสุนและขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อทำสงครามอย่างผิดกฎหมายของรัฐบาลรัสเซียในยูเครน
ก่อนที่ความพยายามครั้งล่าสุดจะล้มเหลว เกาหลีเหนือได้แจ้งให้รัฐบาลญี่ปุ่นทราบถึงแผนการยิงขีปนาวุธเป็นเวลา 8 วัน ซึ่งได้รับคำตำหนิจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ นายอันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ ประณามการปล่อยขีปนาวุธครั้งดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดคำสั่งขององค์การสหประชาชาติที่ห้ามไม่ให้เกาหลีเหนือที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ทำการปล่อยดาวเทียม ซึ่งถูกมองว่าเป็นการปกปิดสำหรับการทดสอบเทคโนโลยีขีปนาวุธพิสัยไกล โดยได้มีการแจ้งเตือนการปล่อยขีปนาวุธในขณะที่นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายยุน ซุกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และนายหลี่ เฉียง สมาชิกอันดับที่สองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ร่วมพบปะกันเพื่อการประชุมไตรภาคีที่กรุงโซล
“การปล่อยเทคโนโลยีขีปนาวุธใด ๆ ก็ตาม จะถือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติโดยตรง อีกทั้งยังบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและโลก” นายยุนกล่าวกับผู้สื่อข่าว “หากเกาหลีเหนือดึงดันที่จะปล่อยขีปนาวุธโดยไม่สนใจคำเตือนจากนานาชาติ ผมคิดว่าประชาคมระหว่างประเทศจะต้องจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง”
นายคิชิดะเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีเหนือยกเลิกการปล่อยขีปนาวุธครั้งดังกล่าว และกระทรวงการรวมชาติของเกาหลีใต้ซึ่งเกี่ยวข้องกับกิจการของเกาหลีเหนือ ระบุว่า การปล่อยดาวเทียมจะเป็น “การยั่วยุที่คุกคามความมั่นคงของเราและภูมิภาคอย่างร้ายแรง” ก่อนที่การปล่อยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือจะล้มเหลว เกาหลีใต้ได้ระดมเครื่องบินขับไล่ 20 ลำเพื่อทำการฝึกซ้อมใกล้ชายแดนของประเทศต่าง ๆ
กองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกเรียกการปล่อยขีปนาวุธครั้งนี้ว่าเป็น “การละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เป็นเอกฉันท์หลายประการ ซึ่งเสี่ยงต่อการบ่อนทำลายสถานการณ์ด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้และภูมิภาคอื่น ๆ”
กองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกย้ำว่า สหรัฐฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการปกป้องญี่ปุ่นและเกาหลีใต้