ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ไต้หวันยอมรับสถานะที่เป็นอยู่เพื่อสันติภาพข้ามช่องแคบ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ประชาธิปไตยของไต้หวันเป็นสิ่งที่ช่วยรับรองถึงเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ทั่วทั้งอินโดแปซิฟิก และรวมถึงทั่วโลกด้วย ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้งสามคนในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 ของเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง ได้ให้คำมั่นว่าจะรักษาสถานะที่เป็นอยู่ข้ามช่องแคบ

“แม้จะมีความท้าทายทางทหารและเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น แต่เป้าหมายสำคัญสูงสุดของผมยังคงเป็นด้านปฏิบัตินิยมและความสม่ำเสมอ” นายไล่ ชิงเต๋อ ผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เขียนไว้ในหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลในระหว่างการหาเสียง โดยเน้นย้ำว่าสถานะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเป็นผลประโยชน์สูงสุดของไต้หวันและประชาคมนานาชาติ

นักบินเครื่องบินขับไล่ไอพ่น เอฟ-16 ของไต้หวันทำการฝึกซ้อมเหนือหมู่เกาะเผิงหู
วิดีโอจาก: สำนักข่าวทหารไต้หวัน

จุดยืนทางการเมืองกระแสหลักของรัฐบาลไต้หวันช่วยย้ำชัดถึงเจตจำนงของประชาชนผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของไต้หวันในการรักษาสันติภาพ แม้ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนและขู่ว่าจะผนวกรวมเข้าด้วยกันโดยใช้กำลัง ได้เพิ่มการบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการทหารมากยิ่งขึ้น

ยุทธวิธีพื้นที่สีเทาของรัฐบาลจีนประกอบไปด้วยการส่งอากาศยานทหารเข้าปฏิบัติการ เรือรบ และหน่วยลาดตระเวนทหารใกล้กับไต้หวัน กำหนดมาตรการทางการค้าที่มีเป้าหมายในการทำลายระบบการเงินของไต้หวัน และดำเนินโครงการชักจูงทางข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงฤดูการเลือกตั้ง

ช่องแคบไต้หวันที่มีความกว้าง 180 กิโลเมตรนี้แบ่งกั้นจีนออกจากไต้หวัน และยังเป็นช่องแคบที่มีความสำคัญต่อการค้าในระดับโลก

นักวิจัยกล่าวว่า ความขัดแย้งในไต้หวันอาจส่งผลต่อการสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเสื่อมโทรมลง และทำให้โลกต้องสูญเสียผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศประมาณร้อยละ 10 แนวทางของไต้หวันในการหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับหุ้นส่วนระดับโลกของไต้หวัน เพื่อนบ้านหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ก็ได้ทำการเรียกร้องให้คงสถานะที่เป็นอยู่ไว้ สหรัฐฯ คัดค้านการเปลี่ยนแปลงเพียงฝ่ายเดียวใด ๆ ในช่องแคบไต้หวันที่เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “จีนเดียว” ซึ่งช่วยรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคมานานกว่า 40 ปี ภายใต้กฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน พ.ศ. 2522 สหรัฐฯ ตกลงที่จะจัดหาสินทรัพย์และบริการที่จำเป็นสำหรับการป้องกันตนเองให้แก่ไต้หวัน

องค์กรต่าง ๆ เช่น สหภาพยุโรป ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพข้ามช่องแคบด้วย

ในขณะเดียวกัน นายไล่ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะยังคงเสริมสร้างความเข้มแข็งของไต้หวันในการป้องปรามการมุ่งร้ายของจีน โดยกล่าวว่าการป้องกันตนเองถือเป็นรากฐานสำคัญของความมั่นคงของไต้หวัน ในช่วงแปดปีที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมมากขึ้น ปฏิรูปการเกณฑ์ทหาร และเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร นายไล่เขียนไว้ในเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล

“ผมจะแสวงหาความร่วมมือมากขึ้นกับหุ้นส่วนและพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการฝึกอบรม การปรับโครงสร้างกองกำลัง การป้องกันพลเรือน และการแบ่งปันข้อมูล” นายไล่กล่าวเสริม

แม้ว่านักวิเคราะห์บางรายชี้ว่า รัฐบาลจีนอาจเลือกใช้การตอบสนองทางทหารต่อการเลือกตั้งของนายไล่ แต่บางคนก็ระบุว่าด้วยเหตุผลด้านประเด็นภายในประเทศ จึงอาจทำให้นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีแนวโน้มที่จะยอมเสี่ยงสร้างความขัดแย้งน้อยลง นายสี “มีปัญหาล้นมืออยู่ในประเทศของตนเอง ทั้งระบบเศรษฐกิจที่อ่อนแอลง อัตราการว่างงานที่มากเป็นประวัติการณ์ และการทุจริตที่ฝังรากลึกในกองทัพของเขา” นายไรอัน ฮัส ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศเขียนให้กับสถาบันบรุกกิงส์ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ

นายไล่ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่าตนยินดีกลับมาเริ่มต้นเจรจากับจีนอีกครั้ง เพื่อยุติการปฏิเสธที่จะสื่อสารกับผู้นำของไต้หวันเกือบทศวรรษของนายสี

“เราพร้อมเปิดประตูรับการมีส่วนร่วมกับรัฐบาลจีนอยู่เสมอ ภายใต้หลักการของความเสมอภาคและศักดิ์ศรี” นายไล่กล่าวก่อนที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส “เราพร้อมและยินดีที่จะมีส่วนร่วม … เพื่อประชาชนทั้งสองฝั่งของช่องแคบไต้หวัน สันติภาพเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ และสงครามก็ไม่ทำให้ใครเป็นผู้ชนะ”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button