เสียงที่ถูกปลอมแปลงแสดงให้เห็นท่าทีที่ก้าวร้าวของนายมาร์กอส
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ไม่ได้เรียกร้องให้มีปฏิบัติการทางทหารกับ “ประเทศใดประเทศหนึ่งอย่างเฉพาะเจาะจง” ตามที่ปรากฎในโพสต์ออนไลน์ที่มีการปลอมแปลง ซึ่งบิดเบือนเป็นเสียงของเขา ตามรายงานของสำนักงานสื่อสารประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
เสียงที่มีการปลอมแปลงถูกเผยแพร่ในช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ท่ามกลางการกระทำอันก้าวร้าวที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นของสาธารณรัฐประชาชนจีนในทะเลจีนใต้ที่รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์เป็นอาณาเขตของตน แม้ว่าคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 จะระบุว่าภูมิภาคดังกล่าวอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์ก็ตาม
ความก้าวร้าวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากการโพสต์ที่มีการปลอมแปลงดังกล่าว โดยที่เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนพยายามขัดขวางเรือของฟิลิปปินส์จากการลาดตระเวนบริเวณสันดอนสกาโบโรห์ ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส “เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งและกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของจีนได้คุกคาม ปิดกั้น และพุ่งชนเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์และสำนักงานการประมงและทรัพยากรสัตว์น้ำ” เจ้าหน้าที่ทางการฟิลิปปินส์กล่าว
ฟิลิปปินส์รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนได้ประณามการโจมตีทางทะเลของจีน
“ผู้มีอำนาจจากต่างชาติ” มีแนวโน้มที่จะเป็นต้นตอของการปลอมแปลงดังกล่าวที่โพสต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งวิดีโอ ตามรายงานของสำนักงานสื่อสารประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ “ไม่ปรากฏว่ามีคำสั่งดังกล่าวและไม่มีการดำเนินการใด ๆ” สำนักงานรายงานสื่อสารประธานาธิบดีฟิลิปปินส์รายงาน และเสริมว่าบัญชีที่ทำการปลอมแปลงได้ถูกลบออกไปแล้ว รัฐบาลกำลังสืบสวนเกี่ยวกับโพสต์ดังกล่าว
วิดีโอพร้อมเสียงที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงนี้ที่มีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่านายมาร์กอสสั่งให้ “กองกำลังติดอาวุธและกลุ่มงานพิเศษ” ตอบสนองอย่างเหมาะสมหากจีน “โจมตี” ฟิลิปปินส์ ตามรายงานของแร็ปเปอร์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวในกรุงมะนิลา
สำนักข่าวฟิลิปปินส์นิวส์เอเจนซีรายงานว่า สภานิติบัญญัติฟิลิปปินส์แนะนำให้จัดประเภทเทคโนโลยีปลอมแปลงที่คุกคามความมั่นคงของชาติว่าเป็นการก่อการร้าย นายโมฮัมหมัด คาลิด ดิมาโปโร ผู้แทนจังหวัดลาเนาเดลนอร์เต กล่าวว่า การปลอมแปลงเสียงของนายมาร์กอสเป็น “การก่อวินาศกรรม” ต่อนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดี ตามรายงานของสำนักข่าว
ศูนย์สืบสวนและประสานงานอาชญากรรมทางไซเบอร์ของฟิลิปปินส์กล่าวว่า ผู้ที่เป็นต้นตอของการโพสต์ที่มีการปลอมแปลงนั้นไม่ได้มาจากต่างประเทศ แต่เป็นแหล่งที่มาจากบุคคล
รายงานที่มีการปลอมแปลงดังกล่าวปรากฏขึ้นในช่วงเริ่มต้นการฝึกบาลิกาตัน ซึ่งเป็นการฝึกทางทหารที่ใหญ่ที่สุดระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐอเมริกา โดยรวมถึงกองกำลังออสเตรเลียและฝรั่งเศสที่เข้าร่วมและประเทศผู้สังเกตการณ์อีก 14 ประเทศ รัฐบาลจีนอ้างว่าการซ้อมรบประจำปีครั้งดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 39 ใน พ.ศ. 2567 ทำให้ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นและบ่อนทำลายเสถียรภาพของภูมิภาค ตามรายงานของรอยเตอร์
เสียงและวิดีโอที่มีการปรับแต่งนั้นพบเห็นได้มากขึ้นบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วด้านปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างเนื้อหาทำให้การระบุการปลอมแปลงดังกล่าวเป็นไปได้ยาก นี่จึงเป็นเครื่องมือให้ข้อมูลเท็จที่เป็นที่นิยม
องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น และเจ้าภาพแต่ละประเทศกำลังพิจารณาถึงวิธีการควบคุมดูแลเทคโนโลยีนี้ นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้เสนอแนะแนวทางปฏิบัติด้านการควบคุมดูแล ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 “ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์มีศักยภาพที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของโลก” นายคิชิดะกล่าว อย่างไรก็ตาม “เรายังต้องเผชิญหน้ากับด้านมืดของปัญญาประดิษฐ์ เช่น ความเสี่ยงของการบิดเบือนข้อมูล”
ในช่วงปลาย พ.ศ. 2565 บัญชีบอทของจีนบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นเอ็กซ์ ได้เผยแพร่อวตารที่สร้างโดยซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์ ซึ่งเป็นตัวอย่างแรกที่เป็นที่รู้จักของเทคโนโลยีวิดีโอปลอมแปลงที่ได้นำมาใช้ในการสร้างบุคคลสมมติ อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการด้านการบิดเบือนข้อมูลที่สอดคล้องกับรัฐ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
