ประเทศพันธมิตรต่างต้องการยกระดับการติดตามขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

กองทัพสาธารณรัฐเกาหลีและสหรัฐอเมริกาต้องการยกระดับการติดตามการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือร่วมกัน ซึ่งเป็นความพยายามที่ญี่ปุ่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย เจ้าหน้าที่ของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ระบุในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566
พันธมิตรต่างมองว่าการบูรณาการทางอวกาศเป็นกุญแจสำคัญในการติดตามภัยคุกคามของเกาหลีเหนือและการตอบสนองต่อความขัดแย้ง
เจ้าหน้าที่ระบุว่า หน่วยของกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ ซึ่งเริ่มปฏิบัติการในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ได้มุ่งเน้นไปที่การบูรณาการที่มีการพัฒนาขึ้น และรับประกันว่ากองทัพสหรัฐฯ ที่ประจำการในเกาหลีใต้จะสามารถเข้าถึงสินทรัพย์บนอวกาศได้มากขึ้น
จ.ส.อ. ชอว์น สแตฟฟอร์ด แห่งกองทัพอวกาศสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ ระบุว่า ได้มีการแบ่งปันข้อมูลการติดตามขีปนาวุธจากระบบอินฟราเรดในอวกาศของสหรัฐฯ ซึ่งสามารถตรวจจับการยิงขีปนาวุธ กับพันธมิตรผ่านระบบเตือนภัยล่วงหน้าแล้ว
ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้พึ่งพาเรดาร์ทางบกและทางทะเลเป็นส่วนใหญ่เพื่อติดตามการยิงขีปนาวุธ พ.ท. คิม จงฮา ผู้บัญชาการฝูงบินปฏิบัติการอวกาศแห่งกองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลีระบุว่า การเพิ่มขีดความสามารถด้านอวกาศจะช่วยให้มีมุมมองต่อภัยคุกคามที่กว้างขวางยิ่งขึ้น
เมื่อพิจารณาจากแรงผลักดันของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีในการพัฒนาระบบขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธที่มากขึ้น การได้รับข้อมูลจากสหรัฐฯ และระบบของญี่ปุ่นอาจช่วยให้สามารถตรวจจับเป้าหมายได้ นายทาล อินบาร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธและอวกาศจากสถาบันศึกษายุทธศาสตร์ทางอากาศและอวกาศของอิสราเอล ระบุ
“ทั้งภูมิภาคจะได้รับประโยชน์มากมายจากความร่วมมือและการประสานงานกัน รวมถึงความสามารถในการทำงานร่วมกันของระบบดังกล่าว” นายอินบาร์ระบุ
รอยเตอร์