ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวันยืนยันความมุ่งมั่นในการแสวงหาสันติภาพและเสถียรภาพ
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อไม่นานมานี้ นายไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวัน ยืนยันคำมั่นสัญญาของตนที่จะรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน
นายไล่ได้รับการเลือกตั้งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 หลังจากดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2563 และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นายไล่ได้เรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างผู้นำของไต้หวันที่ปกครองตนเองแห่งนี้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งแยกออกจากกันโดยช่องแคบไต้หวันที่กว้าง 180 กิโลเมตร
นายไล่ขอให้จีน “ยุติการคุกคามไต้หวันทั้งทางการเมืองและการทหาร และมีส่วนร่วมรับผิดชอบในระดับโลกกับไต้หวัน โดยเพียรพยายามเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาค เพื่อให้โลกปราศจากความหวาดกลัวว่าจะเกิดสงคราม”
“และเรายังอยากประกาศให้โลกรู้ว่า ไต้หวันไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องประชาธิปไตยและเสรีภาพ” นายไล่กล่าว “สันติภาพคือทางเลือกเพียงอย่างเดียว และความรุ่งเรืองคือเป้าหมายของเราเพื่อสันติภาพและเสถียรภาพในระยะยาว”
จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตนและข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจีนโดยใช้กำลัง พฤติกรรมการกลั่นแกล้งและการบีบบังคับของจีนยังรวมไปถึงการส่งเครื่องบินทหารและเรือรบเข้ามาใกล้กับเกาะไต้หวัน การสั่งห้ามนำเข้าสินค้าบางชนิดจากไต้หวัน และการใช้แผนการบิดเบือนข้อมูล
นายไล่ได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของตนเองกับนางไช่ อิงเหวิน อดีตประธานาธิบดี โดยกล่าวว่าไต้หวันและจีนไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของกันและกัน นายไล่เรียกร้องให้จีน “เคารพการตัดสินใจของประชาชนไต้หวัน และเลือกการเจรจาด้วยความจริงใจแทนการเผชิญหน้า เลือกการแลกเปลี่ยนแทนการกักกัน และมีส่วนร่วมในความร่วมมือกับรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยประชาชนไต้หวัน ภายใต้หลักการความเสมอภาคและศักดิ์ศรี”
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายไล่ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2567 หมายความว่านี่คือการเข้าดำรงตำแหน่งระยะเวลา 4 ปีเป็นสมัยที่สามติดต่อกันของพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า นางไช่พ้นจากตำแหน่งอันเนื่องมาจากการครบวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี โดยนางไช่ได้เป็นผู้นำการปฏิรูปด้านกลาโหมครั้งสำคัญ รวมถึงการขยายระยะเวลาเกณฑ์ทหารภาคบังคับจาก 4 เดือนเป็น 1 ปี และการเปิดตัวเรือดำน้ำที่ผลิตเองลำแรกของไต้หวัน นอกจากนี้ นางไช่ยังได้ยกระดับชื่อเสียงของไต้หวันในเวทีโลกด้วยการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรและหุ้นส่วนอื่น ๆ นักวิเคราะห์กล่าว
นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความยินดีกับนายไล่ และกล่าวยกย่องนางไช่ที่ได้ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ
“เราหวังว่าจะได้ร่วมงานกับประธานาธิบดีไล่และหน่วยงานทางการเมืองทุกฝ่ายของไต้หวัน เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์และค่านิยมที่เรามีร่วมกัน กระชับความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการที่มีมายาวนาน ตลอดจนการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน” นายบลิงเคนกล่าวในแถลงการณ์
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2522 สหรัฐฯ ได้ยอมรับว่าจีนเป็น “รัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวของจีน” ตามนโยบาย “จีนเดียว” ของจีน แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลไต้หวัน แต่ภายใต้กฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน สหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวางกับไต้หวันผ่านสถาบันอเมริกาแห่งไต้หวัน และได้ทำการจัดหาสินทรัพย์ด้านการกลาโหมให้กับไต้หวันเพื่อ “รักษาความสามารถในการพึ่งพาตนเอง”
สหรัฐฯ มอบเงินช่วยเหลือทางทหารแก่ไต้หวันสูงสุดถึง 6.5 หมื่นล้านบาทต่อปี (ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จนถึง พ.ศ. 2570 ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการป้องกันประเทศ พ.ศ. 2566
“ความร่วมมือระหว่างประชาชนชาวอเมริกันและชาวไต้หวัน ซึ่งมีรากฐานมาจากค่านิยมในประชาธิปไตย ยังคงขยายออกไปกว้างขึ้นและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในด้านการค้า เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน” นายบลิงเคนกล่าว
นายโยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าไต้หวันเป็น “หุ้นส่วนและมิตรที่สำคัญที่สุด” ของญี่ปุ่น โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่น “อยากจะประชับความสัมพันธ์และพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคี” กับรัฐบาลไต้หวันยิ่งขึ้นไปอีก