การฝึกซาลักนิบ พ.ศ. 2567 เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับปฏิบัติการทางทหารของฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
กองกำลังฟิลิปปินส์และสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการฝึกซาลักนิบประจำปีทั่วประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างพันธมิตร เป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการทำงานร่วมกันทางยุทธวิธีของกองทัพและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน
วิดีโอจาก: ส.ท. อาบรีอันนา กู้ดริช/จ.ส.ต. ทิฟฟานี่ แบงก์/กองทัพบกสหรัฐฯ
การฝึกครั้งดังกล่าวจัดขึ้นทั้งหมดสองช่วง ช่วงละประมาณ 10 วันในเดือนเมษายนและพฤษภาคม พ.ศ. 2567 ซึ่งคาบเกี่ยวกับการฝึกบาลิกาตันที่เป็นการฝึกซ้อมทางทหารประจำปีที่ใหญ่ที่สุดระหว่างฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ โดยใน พ.ศ. 2567 กองทัพออสเตรเลียและกองทัพฝรั่งเศสได้เข้าร่วมด้วย และมีประเทศผู้สังเกตการณ์อีก 14 ประเทศ
การฝึกครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความก้าวร้าวที่เพิ่มขึ้นของเรือจีนในทะเลจีนใต้ เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนได้พุ่งชน ปิดกั้น และยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือของฟิลิปปินส์ที่กำลังเติมเสบียงให้กับด่านทหารชั้นนอกที่สันดอนโทมัสที่สอง ใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศประกาศว่า สันดอนดังกล่าวอยู่ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์
การฝึกซาลักนิบมีกองพลน้อยชุดรบของกองทัพฟิลิปปินส์และสหรัฐฯ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบัญชาการและการควบคุมร่วมกัน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการป้องกันฟิลิปปินส์ โดยคาดว่าจะมีกองกำลังเข้าร่วมประมาณ 1,300 นาย
การฝึกครั้งนี้ดำเนินการโดยกองทัพบกฟิลิปปินส์และได้รับการสนับสนุนจากกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก ซึ่งครอบคลุมปฏิบัติการทางทหารทุกรูปแบบ “การฝึกที่เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2559 นี้เป็นรากฐานที่สำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพของเรา ซึ่งเป็นการเสริมสร้างค่านิยมที่มีร่วมกันของเราและสร้างความเข้มแข็งร่วมกันเพื่อส่งเสริมความสงบสุขและความมั่นคงในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก” พล.ต. มาร์คัส อีแวนส์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 25 แห่งกองทัพสหรัฐฯ กล่าวในพิธีเปิดที่ค่ายฟอร์ตแม็กไซไซในจังหวัดนูววาเอซีฮา “ในระหว่างการฝึกครั้งนี้ ทหารจากทั้งกองทัพสหรัฐอเมริกาและกองทัพฟิลิปปินส์จะฝึกซ้อมเคียงบ่าเคียงไหล่กันเพื่อแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญ ยกระดับความสามารถในการทำงานร่วมกัน และส่งเสริมความเป็นมิตร ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงวิธีการดำเนินงานของเราในสภาพแวดล้อมของอินโดแปซิฟิกและป่าไม้”
นับเป็นครั้งแรกที่การฝึกซาลักนิบได้ศูนย์เตรียมความพร้อมข้ามชาติร่วมแปซิฟิกเข้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งนี่เป็นโครงการริเริ่มของกองทัพสหรัฐฯ ที่รวมลักษณะเฉพาะของภูมิภาค เข้ามาไว้ในด้วยกัน โดยในกรณีนี้ คือ การรวมสภาพแวดล้อมห่างไกลมาไว้ในแผนการฝึกอบรม ศูนย์เตรียมความพร้อมข้ามชาติร่วมแปซิฟิกสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ฝึกอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมในการรบที่ค่ายฟอร์ตแม็กไซไซของกองทัพบกฟิลิปปินส์
จุดเด่นในช่วงแรกของการฝึกครั้งนี้ คือ การใช้งานระบบขีปนาวุธพิสัยกลางของกองทัพสหรัฐฯ ในพื้นที่เกาะลูซอนเหนือ โดยศูนย์เตรียมความพร้อมข้ามชาติประกอบด้วยศูนย์ปฏิบัติการแบตเตอรี่ เครื่องยิงขีปนาวุธสี่เครื่อง ยานพาหนะขนส่ง และรถพ่วงดัดแปลง ซึ่งส่งมอบโดยเครื่องบิน ซี-17 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ เครื่องยิงขีปนาวุธสามารถยิงขีปนาวุธมาตรฐาน 6 และอาวุธโทมาฮอว์กที่สามารถเข้าถึงเป้าหมายนอกชายฝั่งและบนแผ่นดินใหญ่ได้
นอกจากนี้ในช่วงแรก เหล่าทหารยังได้เข้าร่วมการฝึกภาคสนามและการฝึกยิงจริง ตลอดจนแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการสนับสนุนการยิง การสื่อสาร วิศวกรรม อุปกรณ์ต่อต้านวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และการบิน การฝึกดังกล่าว ได้แก่ ขั้นตอนทางการแพทย์ การควบคุมการจราจรทางอากาศ ขีดความสามารถด้านสภาพอากาศ การใช้งานยานพาหนะ ขีดความสามารถตอนกลางคืน และยุทธวิธีการซุ่มยิง
“เราทำงานโดยตรงกับกองทัพฟิลิปปินส์และกองกำลังสำรองกองทัพฟิลิปปินส์ในจังหวัดคาวีเตและอิซาเบลา” จ.ส.อ. ออสการ์ รามิเรซ ผู้บัญชาการกองกำลังสำรองกองทัพสหรัฐฯ แห่งกลุ่มสนับสนุนการระดมพลที่ 3 กล่าวกับ ฟอรัม “เป้าหมายของเราคือการจัดทำพื้นฐานของขีดความสามารถในการระดมพล และให้คำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการระดมพลอย่างรวดเร็วและการสนับสนุนเส้นทางการฝึกอบรมและข้อกำหนด การฝึกครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้ช่วยเปิดประตูสู่การบูรณาการระหว่างกองทัพฟิลิปปินส์และกองทัพสหรัฐฯ ต่อไป”
สงครามในยูเครนและตะวันออกกลางผลักดันให้เกิด “ความรู้สึกเร่งด่วนในการมุ่งเน้นไปยังความร่วมมือเหล่านี้ที่เราได้พยายามพัฒนาขึ้นเมื่อหลายทศวรรษก่อนมากยิ่งขึ้น และเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะสร้างโอกาสในการฝึกอบรมที่แปลกใหม่เหล่านี้สืบต่อไป” พล.ต. อีแวนส์กล่าวกับดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส