ไต้หวันกล่าวว่าเส้นทางการบินใหม่ของจีนเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยในการบิน

รอยเตอร์
เจ้าหน้าที่ไต้หวันกล่าวว่า การตัดสินใจโดยพลการของสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเปิดเส้นทางใหม่ที่อยู่ใกล้กับเกาะไต้หวันสองแห่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในการบิน และกล่าวเสริมว่า เครื่องบินลำใดก็ตามที่ใช้เส้นทางเหล่านี้จะได้รับคําสั่งให้บินกลับ
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 รัฐบาลไต้หวันแสดงความโกรธเคืองหลังจากรัฐบาลจีนเปลี่ยนเส้นทางการบิน เอ็ม503 ใกล้กับเส้นมัธยฐานของช่องแคบไต้หวันแต่เพียงฝ่ายเดียว ซึ่งเส้นทางนี้เป็นเส้นแบ่งอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไต้หวันและจีนมานานหลายทศวรรษ จีนอ้างว่าไต้หวันที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นดินแดนของตน และข่มขู่ว่าจะผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตนโดยใช้กําลัง
เส้นทางใหม่ไปยังเมืองเซี่ยเหมินและเมืองฝูโจวในประเทศจีน มีชื่อว่า ดับเบิลยู123 และ ดับเบิลยู122 ตามลําดับ และเชื่อมต่อกับเส้นทาง เอ็ม503 โดยเส้นทางดังกล่าวขนานกับเส้นทางการบินที่มีอยู่แล้วไปยังเกาะจินเหมินและหม่าจูของไต้หวัน ซึ่งมีเที่ยวบินปกติที่บินไปและกลับจากเกาะหลักของไต้หวัน
จีนกล่าวในเดือนมกราคมว่าจะเปิดเส้นทางตะวันตกไปตะวันออกของเส้นทางการบินสองเส้นทางในเซี่ยเหมินและฝูโจว โดยเป็นเส้นทางไปยังไต้หวัน ในช่วงกลางเดือนเมษายน หน่วยงานกํากับดูแลการบินพลเรือนของจีนกล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวได้เปิดให้บริการแล้ว และเส้นทางนี้จะเริ่ม “เพิ่มประสิทธิภาพ” ให้กับน่านฟ้ารอบสนามบินฝูโจวตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม
ซึ่งเป็นเวลาสี่วันก่อนที่นายไล่ ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีคนใหม่ของไต้หวัน จะเข้ารับตำแหน่ง เจ้าหน้าที่อาวุโสของไต้หวันกล่าวว่า การประกาศเส้นทางการบินเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบวิธีการที่ทางรัฐบาลจีนใช้กดดันก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง
“จีนต้องการให้เรายอมจำนน ยอมประนีประนอม และเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเรา” เจ้าหน้าที่กล่าว
สํานักงานการบินพลเรือนของไต้หวันระบุว่า การกระทำของจีนเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในการบินเป็นอย่างยิ่ง เส้นทางการบินของจีนและไต้หวันอยู่ห่างกันเพียงประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะจินเหมิน
“น่านฟ้าระหว่างจีนและไต้หวันมีขนาดเล็กมากและมีความเสี่ยงอยู่บ้าง” หน่วยงานกํากับดูแลระบุและเสริมว่า ผู้ควบคุมการจราจรทางอากาศของไต้หวันจะ “ขอเน้นย้ำ” ให้ผู้ควบคุมของจีนชี้แนะให้นําเครื่องบินออกจากน่านฟ้าของไต้หวัน
ไต้หวันสั่งห้ามเครื่องบินจีนเข้าสู่น่านฟ้าใกล้กับจินเหมินและหม่าจู