ฟิลิปปินส์เสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลและหยุดการโจมตีในทะเลจีนใต้ด้วยวิธีการทางการทูต

รอยเตอร์

เนื่องด้วยข้อพิพาทกับสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้เรียกร้องให้เพิ่มการประสานงานด้านความมั่นคงทางทะเลเพื่อรับมือกับ “ความท้าทายที่ร้ายแรง” ต่อบูรณภาพแห่งดินแดนและสันติภาพ

คำสั่งจากประธานาธิบดีที่ลงนามเมื่อต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 ไม่ได้กล่าวถึงจีน แต่เป็นผลมาจากการเผชิญหน้ากันทางทะเลและการกล่าวหาหลายครั้งเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณที่เป็นข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

มาตรการตอบโต้ของฟิลิปปินส์จะรวมถึง การเสริมสร้างขีดความสามารถด้านกลาโหมร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน และแสวงหาการแก้ไขข้อพิพาทด้วยวิธีทางการทูต เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงกล่าว

รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นช่องทางสําหรับการค้าทางเรือที่มีมูลค่ามากกว่า 107 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปี การอ้างสิทธิ์ในดินแดนของจีนทับซ้อนกับการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าการอ้างสิทธิ์ของจีนไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

ในช่วงปลายเดือนมีนาคม กองกำลังรักษาชายฝั่งของจีนได้ยิงปืนฉีดน้ำใส่เรือฟิลิปปินส์ที่พยายามขนส่งเสบียงให้กับทหารที่ประจําการอยู่ที่สันดอนโทมัสที่สอง เรือของจีนขัดขวางภารกิจขนส่งเสบียงอื่น ๆ โดยการสกัดกั้นและพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์ ยิงปืนฉีดน้ำ และใช้เลเซอร์ระดับมาตรฐานทหารทําให้ลูกเรือฟิลิปปินส์สูญเสียทัศวิสัยชั่วคราว

“แม้ว่าฟิลิปปินส์จะพยายามส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในขอบเขตทางทะเลของเรา แต่ก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายที่ร้ายแรงหลายประการที่คุกคามบูรณภาพแห่งดินแดน และคุกคามการดำรงชีวิตอย่างสงบสุขของชาวฟิลิปปินส์” นายมาร์กอส กล่าวในคำสั่ง

อีกทั้งยังให้คํามั่นว่าจะต่อต้านการโจมตีที่ผิดกฎหมาย บีบบังคับ รุกราน และเป็นอันตรายของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีน

“การตอบโต้ที่ประธานาธิบดีกล่าวถึงนั้น เป็นการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อ รอบคอบ และสมเหตุสมผล ไม่เพียงเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถทางทหารและด้านกลาโหมร่วมกับพันธมิตรอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นการใช้ความพยายามทางการทูตเพื่อแก้ไขปัญหานี้ด้วย” นายโจนาธาน มาลายา โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติฟิลิปปินส์ กล่าว

คําสั่งของนายมาร์กอสช่วยยกระดับและสนับสนุนสภาทางทะเลแห่งชาติ โดยการเพิ่มที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ รองอัยการสูงสุด ผู้อํานวยการสํานักประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ และกองกำลังเฉพาะกิจในทะเลจีนใต้

คำสั่งดังกล่าวระบุให้กองทัพฟิลิปปินส์ (ไม่ใช่แค่กองทัพเรือฟิลิปปินส์) เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่สนับสนุนสภาชุดนี้ ซึ่งจะพัฒนากลยุทธ์เพื่อรับรองกรอบการทำงาน “ที่เป็นเอกภาพ ประสานกัน และมีประสิทธิภาพ” เพื่อความมั่นคงทางทะเลและความตระหนักรู้เท่าทันสถานการณ์

องค์การอวกาศฟิลิปปินส์และสถาบันกิจการทางทะเลและกฎหมายทะเลแห่งมหาวิทยาลัยฟิลิปปินส์จะสนับสนุนสภาชุดนี้ด้วยเช่นกัน