พันธมิตรและหุ้นส่วนมีมติเกี่ยวกับการคว่ำบาตรการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของเกาหลีเหนือ และประณามการใช้อํานาจยับยั้งของรัสเซีย
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ความพยายามครั้งล่าสุดของรัสเซียในการบั่นทอนการตรวจสอบการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ต่อโครงการอาวุธนิวเคลียร์ที่ผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ จะส่งผลกระทบเล็กน้อย ตามรายงานของผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง
ในช่วงปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 รัฐบาลรัสเซียได้ใช้อำนาจยับยั้งมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสำหรับการลงคะแนนเสียงในมติที่จะขยายระยะเวลาคำสั่งของคณะผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบการคว่ำบาตรดังกล่าว โดยผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การใช้อํานาจยับยั้งครั้งนั้นทำให้ผู้คนมุ่งความสนใจไปที่ความพยายามของรัสเซีย ในการได้รับอาวุธจากเกาหลีเหนือสำหรับการทำสงครามที่ผิดกฎหมายต่อยูเครน
อย่างไรก็ตาม การคว่ำบาตรของสหประชาชาติต่อเกาหลีเหนือ ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ยังคงมีผลบังคับใช้ คณะผู้เชี่ยวชาญมีกำหนดการสิ้นสุดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2567 โดยไม่มีการขยายระยะเวลาคำสั่งไปอีกหนึ่งปีแต่อย่างใด
“แม้จะมีผลการลงคะแนนเสียงในวันนี้ แต่มติของคณะมนตรีความมั่นคงและมาตรการทั้งหมดขององค์การสหประชาชาติต่อโครงการอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงและขีปนาวุธที่ผิดกฎหมายของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ก็ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป” ตามรายงานในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ของฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา “ดังนั้น สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีและประเทศสมาชิกทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในมติเหล่านี้”
รัสเซีย “จะไม่มีวันปิดปากพวกเราได้ พวกเราที่สนับสนุนรัฐบาลที่ยึดมั่นในการไม่แพร่ขยายอาวุธระดับโลก” ประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนระบุ “เราจะยังคงเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงปฏิบัติตามภาระหน้าที่หลัก ซึ่งได้แก่ การรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เราจะยังคงทำงานโดยสุจริตร่วมกับสมาชิกทุกประเทศของคณะมนตรีความมั่นคง รวมถึงประเทศสมาชิกอื่น ๆ เพื่อดำเนินการตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงและทำงานตามเป้าหมายที่มีร่วมกันของเรา เพื่อให้สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีละทิ้งโครงการอาวุธนิวเคลียร์ อาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงอื่น ๆ และขีปนาวุธทิ้งตัวทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ตรวจสอบได้ และไม่สามารถย้อนกลับมาดำเนินการต่อได้อีก”
ทางเลือกในการตรวจสอบต่าง ๆ รวมถึงการมีแนวร่วมใหม่หรือแนวร่วมที่มีอยู่ซึ่งสามารถ “มีอำนาจมากกว่าการพึ่งพา” คณะผู้เชี่ยวชาญ นายโจชัว สแตนตัน ทนายความในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งช่วยร่างกฎหมายการคว่ำบาตรและการยกระดับนโยบายต่อเกาหลีเหนือ พ.ศ. 2559 ของสหรัฐฯ กล่าวกับเครือข่ายข่าว วอยซ์ออฟอเมริกา
นายสแตนตันกล่าวว่า สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนมีโอกาสที่จะสร้างแนวร่วมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น รวมทั้งยกระดับการสอบสวนและการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรผ่านกลไกที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวร่วมระดับโลกที่ทำงานเพื่อขัดขวางการแพร่ขยายอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง ได้รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงในการสกัดกั้นการแพร่ขยายของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2566 และเอ็กมอนต์ กรุ๊ป ซึ่งเปิดตัวใน พ.ศ. 2538 เพื่อต่อต้านการฟอกเงินและการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 ก่อนที่จะมีการใช้อํานาจยับยั้งจากรัสเซีย กองกำลังเฉพาะกิจป้องกันการหยุดชะงักขั้นสูงได้จัดการประชุมขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งนี่เป็นความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เพื่อหยุดยั้งรัฐบาลเกาหลีเหนือจากการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติเพื่อให้ได้มาซึ่งปิโตรเลียม ตามรายงานของวอยซ์ออฟอเมริกา นอกจากนี้ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรกันมาอย่างยาวนานยังได้มอบหมายให้บุคลากรและหน่วยงานแปดแห่งมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการส่งมอบเงินทุนเพื่อช่วยเกาหลีเหนือในการพัฒนาอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงที่ผิดกฎหมาย
มาตรการต่อต้านการแพร่ขยายอาวุธอื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไป เมื่อต้นเดือนเมษายน เกาหลีใต้ได้คว่ำบาตรเรือรัสเซียสองลำที่เกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธของเกาหลีเหนือกับรัฐบาลรัสเซีย เช่นเดียวกับบุคลากรและบริษัทของรัสเซียที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการส่งแรงงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในต่างประเทศของเกาหลีเหนือ ตามรายงานของเว็บไซต์เอ็นเคนิวส์ หนึ่งวันต่อมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ยึดเรือลำหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาตินอกชายฝั่งทางใต้ของเกาหลีใต้ ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป
การใช้อํานาจยับยั้งของรัสเซียยังแสดงให้เห็นชัดว่า รัฐบาลรัสเซียนั้นโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่รุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ยังอาจเป็นความพยายามที่จะปิดบังการจัดซื้ออาวุธของรัสเซียจากเกาหลีเหนือ นักวิเคราะห์และนักการทูตกล่าว
นางบาร์บารา วูดเวิร์ด เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำองค์การสหประชาชาติ กล่าวว่า การใช้อํานาจยับยั้งของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากการซื้อขายอาวุธระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนือที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติ รวมถึง “การขนถ่ายขีปนาวุธนําวิถี ซึ่งรัสเซียได้ใช้เพื่อรุกรานยูเครนอย่างผิดกฎหมายตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้”
“คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้สร้างความยุ่งยากให้กับรัสเซียด้วยการเปิดโปงการไม่ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร” นางวูดเวิร์ดกล่าว ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติซึ่งมีสมาชิก 15 ประเทศได้ปรับปรุงคณะผู้เชี่ยวชาญทุกปีในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา รัสเซียเป็นสมาชิกถาวรประเทศแรกจากสมาชิกถาวรทั้ง 5 ประเทศของสภาที่ลงคะแนนเสียงเพื่อคัดค้านการขยายระยะเวลาดังกล่าว ส่วนสาธารณรัฐประชาชนจีนงดออกเสียงในการลงคะแนนเสียงครั้งดังกล่าวเมื่อเดือนมีนาคม
นายโรเบิร์ต วูด รองเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจําองค์การสหประชาชาติ กล่าวหาว่ารัฐบาลรัสเซียมุ่งเป้าไปที่คณะผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจาก “เริ่มมีการรายงานการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างโจ่งแจ้งของรัสเซียเมื่อปีที่ผ่านมา”
นายวูดเตือนว่า การใช้อำนาจยับยั้งของรัสเซียจะกระตุ้นให้เกาหลีเหนือยังคงเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของโลกด้วยการพัฒนา “ขีปนาวุธพิสัยไกลและความพยายามในการหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตร”
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังเตือนไม่ให้มีการกระชับความร่วมมือระหว่างรัฐบาลเกาหลีเหนือและรัฐบาลรัสเซีย เนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงจัดหาอาวุธให้รัสเซียเพื่อทำสงครามในยูเครน ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
คณะมนตรีความมั่นคงได้กําหนดมาตรการคว่ำบาตรหลังการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ครั้งแรกของเกาหลีเหนือใน พ.ศ. 2549 และต่อมาได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อควบคุมโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่อง
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 จีนและรัสเซียจึงใช้อํานาจยับยั้งมติที่สหรัฐฯ เสนอให้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหลายครั้ง