ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กล่าวว่าจีนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่ออินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
พล.ร.อ. จอห์น อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก ได้ส่งข้อความสำคัญถึงรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนจะพร้อมรุกรานไต้หวันภายในสามปี
รัฐบาลที่มีความสัมพันธ์กันมากขึ้นในจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือมีพฤติกรรมท้าทายบรรทัดฐานระหว่างประเทศและผลักดันอํานาจนิยมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พล.ร.อ. อาควิลิโน ให้การต่อคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20-21 มีนาคม พ.ศ. 2567 แต่เขากล่าวว่า “จีนเป็นประเทศเดียวที่มีความสามารถ สมรรถภาพ และความตั้งใจที่จะล้มล้างระเบียบระหว่างประเทศ” และเข้ามาแทนที่อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง
แม้ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จีนก็ยังคงลงทุนอย่างมากในการขยายและปรับปรุงกําลังทหาร และยังคงดําเนินการบังคับใช้ปฏิบัติการพื้นที่สีเทาเพื่อข่มขู่ไต้หวันที่ปกครองตนเอง สัญญาณจากทุกทิศทางบ่งชี้ว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจะปฏิบัติตามคำสั่งของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกรานไต้หวันภายใน พ.ศ. 2570 พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว และ “การกระทำของกองทัพปลดปล่อยประชาชนบ่งชี้ถึงความสามารถในการปฏิบัติตามระยะเวลาที่นายสีต้องการเพื่อรวมไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยการใช้กำลังหากได้รับคำสั่ง”
การเสริมกำลังทางทหารของจีน “อยู่ในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2” พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าวและชี้ให้เห็นว่าแผนพัฒนาระยะสามปีของจีนทำให้มีเครื่องบินขับไล่เพิ่มขึ้นมากกว่า 400 ลำและเรือรบขนาดใหญ่ 20 ลํา อีกทั้งคลังขีปนาวุธนําวิถีและขีปนาวุธร่อนยังเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และจํานวนดาวเทียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าวว่าบางทีสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ คลังหัวรบนิวเคลียร์ของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวตั้งแต่ พ.ศ. 2563
จีนประกาศว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารมากกว่าร้อยละ 7 ใน พ.ศ. 2567 เป็น 8.34 ล้านล้านบาท (ประมาณ 2.31 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งการจัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมจะเติบโตขึ้นอย่างน้อยเช่นนี้เป็นปีที่สามติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าวว่ารัฐบาลจีนขาดความโปร่งใสและเขาเชื่อว่ามีการใช้จ่ายด้านกลาโหมมากกว่าที่ทราบกัน
คำให้การของ พล.ร.อ. อาควิลิโนได้ยืนยันลำดับเหตุการณ์การรุกรานไต้หวันของจีนที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนกับที่ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิกคนก่อนหน้า พล.ร.อ. ฟิล เดวิดสัน นำเสนอต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ใน พ.ศ. 2564
พรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และข่มขู่ว่าจะผนวกไต้หวันที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตน การบีบบังคับของรัฐบาลจีนได้ “เปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ให้กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่อันตรายมากขึ้นสำหรับกิจกรรมและแนวโน้มของกองทัพปลดปล่อยประชาชนรอบ ๆ ไต้หวัน ทําให้เรือลาดตระเวนรอบไต้หวันและเที่ยวบินทางทหารบินผ่านช่องแคบไต้หวันได้เป็นเรื่องปกติ” พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว
นอกจากนี้ พล.ร.อ. อาควิลิโนยังกล่าวต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า
- การรุกรานทางทหารของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งใกล้ฟิลิปปินส์สูงขึ้น “นี่เป็นเหตุการณ์ตึงเครียดที่สําคัญทีเดียว ซึ่งอาจลงเอยด้วยสถานการณ์ที่เลวร้าย” พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว “ความเป็นจริงตอนนี้พวกเขากำลังฉีดน้ำดับเพลิงและพุ่งชนเรือฟิลิปปินส์ที่พยายามสนับสนุนทหารเรือฟิลิปปินส์ … ผมกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น”
- รายงานที่ว่าทหารสหรัฐฯ กำลังเคลื่อนกำลังพลไปยังเกาะรอบนอกของไต้หวันนั้นไม่เป็นความจริง แม้จะมีกองกำลังประจำการอยู่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ถาวร พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว
- จุดสําคัญของการเสริมสร้างการป้องปรามคือ เครือข่ายพันธมิตรและหุ่นส่วนที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งเป็น “ข้อได้เปรียบที่ไม่มีรูปแบบแน่นอนที่สําคัญที่สุดของเราในการแข่งขันระยะยาว” พล.ร.อ. อาควิลิโนได้เน้นย้ำถึงเส้นทางการประกาศซื้อครั้งล่าสุดของออสเตรเลีย ในการจัดหาเรือดําน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดอาวุธแบบดั้งเดิมภายใต้ความร่วมมืออูกัสกับสหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ ความร่วมมือครั้งใหม่กับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ที่สร้างการแบ่งปันข้อมูลตามเวลาจริงสําหรับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ การเปิดใช้งานระบบนิเวศการเร่งรัดด้านกลาโหมระหว่างอินเดียและสหรัฐฯ ตลอดจนข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมกับปาปัวนิวกินี
“พันธมิตร ข้อตกลงพหุภาคี ความร่วมมือ มิตรภาพ รวมถึงความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านข่าวกรองระหว่างออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ หรือ ไฟว์อายส์ ของเรา มีความสำคัญต่อเครือข่ายนี้และมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงในภูมิภาค” พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว “ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือ และส่งเสริมซึ่งกันและกันของเราเป็นการกระชับความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”