ประธานาธิบดีไบเดนยืนยันถึงความสำคัญของสันติภาพและความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันผ่านการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายสี

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงในอินโดแปซิฟิกในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งรวมถึงการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพทั่วทั้งช่องแคบไต้หวัน และความสำคัญของเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้
ในระหว่างการสนทนาเกือบสองชั่วโมงนั้น ประธานาธิบดีไบเดนยังได้ “เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของสหรัฐฯ ในการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ในคาบสมุทรเกาหลี” ตามรายงานของ นายจอห์น เคอร์บี้ ที่ปรึกษาด้านการสื่อสารทางความมั่นคงแห่งชาติประจำทำเนียบขาว
นายเคอร์บี้กล่าวถึงการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีไบเดนและนายสีเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2567 ว่า “มีความตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ เป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง และเป็นไปในเชิงธุรกิจ” และดำเนินไปโดยคำนึงถึงความสำคัญด้านความมั่นคงของประเทศ นับเป็นการสนทนาครั้งแรกระหว่างผู้นำทั้งสองนับตั้งแต่การประชุมสุดยอดเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งประธานาธิบดีไบเดนและนายสีตกลงที่จะกลับมาสื่อสารทางทหารระดับทวิภาคีอีกครั้ง ตลอดจนจัดทำมาตรการอื่น ๆ ผู้นำทั้งสอง “คิดว่าในตอนนี้ ตลอดจนอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะเป็นช่วงเวลาที่ดีในการพูดคุยกัน เพื่อดูว่าจะเป็นอย่างไรและหารือเกี่ยวกับอนาคต” นายเคอร์บี้กล่าว
การสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำหรับประธานาธิบดีไบเดนในการยืนยันนโยบาย “จีนเดียว” ของสหรัฐฯ ซึ่งยอมรับว่ารัฐบาลจีนเป็นรัฐบาลตามกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่ได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับสถานะของไต้หวัน นโยบายนี้มีแนวทางมาจากกฎหมายความสัมพันธ์กับไต้หวัน พ.ศ. 2522 ซึ่งกำหนดให้สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนไต้หวันในการปกป้องตนเอง และมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องปรามพรรคคอมมิวนิสต์จีนจากการบุกรุกไต้หวัน ซึ่งเป็นที่ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอ้างว่าเป็นอาณาเขตของตน
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เพิ่มยุทธวิธีพื้นที่สีเทาเพื่อกลั่นแกล้งและบีบบังคับไต้หวัน พล.ร.อ. จอห์น อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า กองทัพปลดปล่อยประชาชนของรัฐบาลจีนจะพร้อมสำหรับการรุกรานไต้หวันภายใน พ.ศ. 2570
หลังจากการเจรจาเมื่อเดือนเมษายน กระทรวงการต่างประเทศของไต้หวันได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีไบเดนที่สำหรับการประกาศต่อสาธารณะถึงการสนับสนุนอย่างเด็ดเดี่ยวของสหรัฐฯ เพื่อสันติภาพและเสถียรภาพทั่วทั้งช่องแคบไต้หวันท่ามกลางการยั่วยุที่ทวีความรุนแรงขึ้นของจีน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไทเปไทมส์
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนยังกล่าวถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงของจีนในทะเลจีนใต้ ซึ่งเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนได้พุ่งชน ปิดกั้น และยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือของฟิลิปปินส์ที่ปฏิบัติภารกิจส่งกำลังบำรุงเป็นประจำให้กับกองกำลังที่ประจำการอยู่ที่สันดอนโทมัสที่สอง ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฟิลิปปินส์
รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าโลก แม้จะมีการตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ตัดสินใจให้การอ้างสิทธิ์ในดินแดนของจีนไม่อยู่บนพื้นฐานทางกฎหมายก็ตาม
ประธานาธิบดีไบเดนยังกล่าวถึงข้อกังวลอย่างลึกซึ้ง “เกี่ยวกับการที่จีนสนับสนุนการทำสงครามรของรัสเซียต่อยูเครน รวมถึงความพยายามของจีนที่จะช่วยให้รัสเซียสร้างฐานอุตสาหกรรมกลาโหมขึ้นมาใหม่” นางคารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าว
หน่วยงานของจีนได้ช่วยรัสเซียหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศหลังจากที่รัฐบาลรัสเซียรุกรานยูเครนโดยไร้ซึ่งเหตุสมควรในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 รวมถึงการจัดส่งชิ้นส่วนเรดาร์ให้กับผู้ผลิตระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานของรัสเซีย เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนและนายสียังหารือเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ เศรษฐกิจ และการค้า การสั่งห้ามซื้อขายเฟนทานิล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการแทรกแซงการเลือกตั้ง
“เรามีความชัดเจนและสม่ำเสมอ… เกี่ยวกับข้อกังวลของเราในเรื่องความมั่นคงในการเลือกตั้งของเราเอง และความพยายามของผู้มีอำนาจบางราย รวมถึงผู้มีอำนาจจากจีน ที่จะส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้ง” นายเคอร์บี้กล่าว
นายเคอร์บี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารอย่างสม่ำเสมอเพื่อจัดการกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ “ผู้นำทั้งสองตกลงที่จะโทรศัพท์เพื่อพูดคุยหารือกันเมื่อจำเป็น” นายเคอร์บี้กล่าว