ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเรื่องเด่นเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

โครงการความมั่นคงสากลของจีน ย้อนแย้งกับ การกระทำ

การวิเคราะห์ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่อยู่เบื้องหลังการกระทำที่ไม่สอดคล้องกัน

ดร. โจว จิงห่าว

กระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เผยแพร่เอกสารในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ซึ่งกล่าวถึงความท้าทายด้านความมั่นคงระดับนานาชาติและวิธีการแก้ไขปัญหา โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงคำกล่าวของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อ 10 เดือนก่อนหน้านี้ที่เขาเปิดเผยข้อเสนอโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลของตน ผู้ที่ตั้งคำถามต่อการกระทำของจีนจำเป็นต้องทำความเข้าใจโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลนี้และตอบสนองอย่างเหมาะสม

จากความมั่นคงระดับชาติสู่ความมั่นคงระดับโลก

ความมั่นคงนำมาซึ่งการปราศจากภัยคุกคามและการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยอาจมีผลกระทบทางเศรษฐกิจ การเงิน การเมือง การศึกษา ข้อมูล และไซเบอร์ในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก

ความมั่นคงของประเทศเป็นผลมาจากอำนาจและมุมมองระดับโลกของประเทศดังกล่าว เมื่อจีนก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2492 จีนมุ่งเน้นไปที่การรักษาความมั่นคงระดับประเทศและการรักษาบูรณภาพแห่งเขตแดน พร้อมกับเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และปลีกตัวออกจากประชาคมนานาชาติมาโดยตลอด ด้วยการเป็นประเทศแบบระบบพรรคเดียว แนวคิดด้านความมั่นคงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนจึงบ่งบอกออกมาทางคำพูดของผู้นำและเอกสารอย่างเป็นทางการ วัตถุประสงค์สูงสุดในยุคสมัยการปกครองของนายเหมา เจ๋อตง คือการรับรองเสถียรภาพของระบบการเมืองของจีน เพื่อให้เกิดความมั่นคงภายในประเทศ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กำหนดหลักการว่าด้วยการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ 5 ประการ ซึ่งครอบคลุมถึงการเคารพซึ่งกันและกันต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน การไม่รุกรานซึ่งกันและกัน การไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้ผลักดันโครงความมั่นคงนี้ไปทั่วโลกในช่วงต้นของยุคหลังการปกครองของนายเหมา แต่เป้าหมายสำคัญกลับเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนและการยกระดับมาตรฐานการดำรงชีวิตในประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองและรักษาความชอบธรรมของรัฐบาลไว้ ภายใต้การปกครองของนายเติ้ง เสี่ยวผิง (พ.ศ. 2521 – 2540) จีนมีท่าทีด้านนโยบายต่างประเทศที่ไม่ดึงดูดสายตาใครมากนัก เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของตนกับระบบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ใน พ.ศ. 2533 นายเติ้งได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่จีนถึงความสำคัญของการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับประเทศตะวันตก โดยส่งเสริมให้พวกเขา “สังเกตการณ์อย่างใจเย็น รักษาจุดยืนของตนเอง รับมือกับความสัมพันธ์อย่างใจเย็น ปิดบังขีดความสามารถของเราและรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสม จงเป็นเลิศในการไม่ดึงดูดสายตาใคร และอย่าได้อ้างสิทธิในการเป็นผู้นำ” ยุทธศาสตร์นี้ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีเวลาในการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัยโดยปราศจากการแทรกแซงที่มีนัยสำคัญจากต่างประเทศ จีนยังคงแนวทางปฏิบัติเช่นนั้นไว้อย่างสูงภายใต้การปกครองของนายหู จิ่นเทา (พ.ศ. 2545 – พ.ศ. 2555) โดยให้ความสำคัญไปที่การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ และการบ่มเพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นมิตรผ่านแนวทางที่ส่งเสริมความเมตตากรุณา ความร่วมมือ และความเป็นเพื่อนบ้าน

สองปีหลังจากที่จีนกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลกใน พ.ศ. 2553 นายสีเข้าดำรงตำแหน่งและประกาศความปรารถนาของตนที่จะสร้างความสัมพันธ์รูปแบบใหม่กับสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์นี้เกิดจากการประเมินภูมิทัศน์โลกของนายสี นายสีเชื่อว่าโลกกำลังเข้าสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ประเทศฝั่งตะวันออกจะเติบโตขึ้น ในขณะที่ประเทศฝั่งตะวันตกจะถดถอยลง ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 นายสีได้เสนอกรอบการทำงานด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขความท้าทายที่สำคัญ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่แสดงถึงความทะเยอทะยานของจีนนอกเหนือจากในอาณาเขตของตน และเป็นการส่งสัญญาณถึงการที่จีนแสวงหาการแบ่งสันปันส่วนอำนาจโลกอย่างสมดุลกับสหรัฐฯ ในโลกฝั่งตะวันออกและตะวันตก

สมุดปกขาวของจีนใน พ.ศ. 2562 มีชื่อว่า “ภาคกลาโหมของประเทศในยุคใหม่” ซึ่งระบุรายละเอียดของวิสัยทัศน์ด้านความมั่นคงในเอเชียของนายสี จากสมุดปกขาวดังกล่าว สหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายต่างประเทศของตนไปสู่อินโดแปซิฟิก โดยใช้วิธีการแบบการกระทำโดยฝ่ายเดียว ซึ่งยิ่งทำให้การแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจรุนแรงขึ้นไปอีก เพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหารขึ้น ทำให้เกิดความก้าวหน้าในขีดความสามารถด้านกลาโหม และลดเสถียรภาพทางยุทธศาสตร์ระดับโลก สมุดปกขาวดังกล่าวบ่งชี้ว่า เมื่อคำนึงถึงสถานการณ์เหล่านี้แล้วพรรคคอมมิวนิสต์จีนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเป้าหมายสำคัญด้านความมั่นคงระดับประเทศไปเป็นการปกป้องเอเชีย ผู้นำจีนให้คำปฏิญาณว่าจะสร้างกองกำลังทหารที่ดีที่สุดในโลกภายใน พ.ศ. 2578

ในขณะเดียวกัน นายสีเข้ามามีบทบาทเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของมหาอำนาจครั้งใหม่ หลังจากที่ผิดหวังกับการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อวิสัยทัศน์ด้านกลาโหมระดับประเทศของตนเอง ท้ายที่สุดนายสีจึงสานสัมพันธ์กับรัสเซียและยอมทำตามแรงกดดันจากนักชาตินิยมในประเทศของตน ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 นายสีได้ประกาศว่าจีนมีมิตรที่ “ไร้ขีดจำกัด” กับรัสเซีย ซึ่งเป็นช่วงเวลาไม่นานนักหลังจากการรุกรานยูเครนโดยไม่มีเหตุอันสมควรของรัสเซีย พรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนนี้เป็นโอกาสอันดีในการถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐฯ และยังมุ่งที่จะเปลี่ยนแปลงกติกาความมั่นคงนานาชาติด้วยกรอบการทำงานระดับโลกซึ่งช่วยเสริมผลประโยชน์ของตน นายสีเสนอโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่สงครามเริ่มขึ้น โครงการริเริ่มดังกล่าวพยายามที่จะวางตำแหน่งนายสีให้เป็นผู้สร้างสันติภาพระดับโลก แม้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจีนกำลังให้ความคุ้มครองทางการทูตสำหรับการรุกรานของรัสเซีย

ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นค่ายของจีนในชายแดนเทือกเขาหิมาลัยที่เป็นข้อพิพาทกับอินเดียในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 หลายวันหลังจากการปะทะกันระหว่างจีนและอินเดีย ทำให้ทหารอินเดีย 20 นายและทหารจีนอย่างน้อย 4 นายเสียชีวิต รอยเตอร์

ความคล้ายคลึงและความแตกต่าง

ทั้งสมุดปกขาวของกระทรวงการต่างประเทศจีนและแถลงการณ์ของนายสีเป็นสิ่งที่ทำให้เข้าใจถึงบริบทของโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความหวัง ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 นายสีได้ปราศรัยที่การประชุมเอเชียโป๋อ่าว โดยกล่าวว่า “ความเปลี่ยนแปลงของโลก ของช่วงเวลาของเรา และของประวัติศาสตร์กำลังเกิดขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศจีน นายสีกล่าวว่าประชาคมโลกจำเป็นต้องรักษาสันติภาพและเสถียรภาพ และยังกล่าวว่าโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้น

เอกสารของกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุถึงหลักการที่เป็นหัวใจของโครงการริเริ่มความมั่นคงสากล และข้อผูกพันสนับสนุน 6 ประการ ซึ่งประกอบไปด้วย การรักษาความมั่นคงโดยไม่แบ่งแยก การสร้างสถาปัตยกรรมความมั่นคงที่สมดุลและยั่งยืน การต่อต้านการยกระดับความมั่นคงของชาติโดยการใช้ประโยชน์จากความไม่มั่นคงของประเทศอื่น ๆ การส่งเสริมการพัฒนาและความมั่นคงร่วมกันผ่านความร่วมมือ การผลักดันการเจรจาและการปรึกษาเพื่อแก้ไขข้อพิพาท และการปรับปรุงการประสานงานและความร่วมมือด้านการกำกับดูแลความมั่นคงทั่วโลก

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลสอดคล้องกับแนวคิดด้านความมั่นคงที่มีอยู่แล้วของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเสริมรากฐานโลกทัศน์ของนายสีให้มั่นคง จุดมุ่งเน้นหลักของแต่ละองค์ประกอบคือการเสริมความมั่นคงให้ตำแหน่งของนายสีในพรรค นายสียืนกรานว่ามีเพียงแค่ผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเท่านั้นที่จะสามารถรับรองถึงพัฒนาการภายในประเทศที่มีระบบสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์แบบจีน พร้อมกับขยายอิทธิพลระดับโลกของจีนผ่านการเติบโตทางเศรษฐกิจ นโยบายต่างประเทศเชิงรุก และการปฏิเสธค่านิยมตะวันตก

พัฒนาการของแนวคิดด้านความมั่นคงของจีนตั้งแต่ระดับประเทศไปจนถึงระดับภูมิภาคและระดับโลกเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความมั่นใจของจีน และแสดงถึงเจตนาในการแสวงหาสถานะความเป็นมหาอำนาจ เป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการส่งเสริมระบบความมั่นคงสากลของตนเองนั้นยังคาดการณ์ถึงการแข่งขันอย่างรุนแรงกับประเทศฝั่งตะวันตกไว้ด้วย

พรรคคอมมิวนิสต์จีนวางแผนที่จะขยายโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลออกไปให้เป็นส่วนหนึ่งของการก้าวไปสู่การมีอำนาจในระดับโลก อนึ่ง การจะเป็นมหาอำนาจระดับโลก จีนต้องไปให้ไกลเกินกว่าทวีปเอเชียแผ่นดินใหญ่โดยเข้าสู่ประเทศหมู่เกาะนอกชายฝั่งตะวันออกและใต้ เพื่อขยายอิทธิพลของตนและแสดงอำนาจไปยังแปซิฟิกตะวันตกและที่อื่น ๆ

ในการขยายผลประโยชน์และค่านิยมของตนเองออกไป ในทางทฤษฎีแล้วพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะต้องขยายแนวคิดด้านความมั่นคงระดับภูมิภาคไปสู่สถาปัตยกรรมความมั่นคงทั่วโลกโดยการปกป้องอธิปไตย ส่งเสริมการไม่แทรกแซง สนับสนุนการมีหลายขั้วอำนาจ และต่อต้านระเบียบระหว่างประเทศและสนธิสัญญาพหุภาคีที่นำโดยสหรัฐฯ โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลพยายามที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับกิจกรรมในระดับโลกของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในขณะที่จีนยังคงสร้างแรงกดดันให้กับไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการในการสร้างความโดดเดี่ยวทางการทูตและทางทหารให้กับเกาะที่ปกครองตนเองแห่งนี้ และเพิ่มโอกาสในการผนวกรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลจีน

เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนแล่นเข้าหาเรือของฟิลิปปินส์ก่อนที่เรือทั้งสองลำจะชนกันในทะเลจีนใต้ในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ในขณะที่อ้างว่าตนเองเป็นผู้สนับสนุนระดับแนวหน้าเพื่อความมั่นคงและสันติภาพทั่วโลก กองทัพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนกลับแสดงความก้าวร้าวอย่างต่อเนื่อง กองกำลังรักษาชายฝั่งจีน/รอยเตอร์

พูดอย่างหนึ่ง ทำอีกอย่างหนึ่ง

เอกสารของโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลประกอบไปด้วยคำศัพท์ที่ดูคลุมเครือและเป็นนามธรรม พร้อมด้วยคำมั่นสัญญาที่ฟังดูยุติธรรมและมีความถูกต้อง เมื่อคำนึงถึงบริบททางประวัติศาสตร์ของนโยบายต่างประเทศของจีนและการดำเนินการแล้ว ก็มีข้อกังวลที่เด่นชัดเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนมักจะพูดอย่างหนึ่งแต่ทำอีกอย่างหนึ่ง นักวิเคราะห์บางคนสังเกตเห็นว่า ภายใต้การปกครองของนายสี พฤติกรรมในระดับนานาชาติที่ก้าวร้าวของพรรคคอมมิวนิสต์จีนขัดแย้งกับหลักการที่ระบุไว้ในโครงการริเริ่มความมั่นคงสากล

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลอ้างว่ายึดมั่นใน “หลักการของความมั่นคงที่ไม่แบ่งแยก” แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้แสวงหาผลประโยชน์บนความสูญเสียของผู้อื่น เช่น การสร้างและจัดกำลังทหารในแนวปะการังเทียม และภูมิประเทศทางทะเลอื่น ๆ ในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ และการปฏิเสธคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ที่ตัดสินสนับสนุนสิทธิทางทะเลของฟิลิปปินส์ในพื้นที่ทะเลดังกล่าว โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลสนับสนุน “การเจรจาและการปรึกษา” เพื่อแก้ไขข้อพิพาทและความขัดแย้ง แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้การบีบบังคับและคว่ำบาตรเพื่อลงโทษประเทศที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของตน เช่น การกำหนดข้อจำกัดทางการค้าต่อออสเตรเลียหลังจากเรียกร้องให้มีการสอบสวนข้อถกเถียงที่ระบุว่าโควิด-19 เริ่มระบาดมาจากประเทศจีน และการควบคุมตัวพลเมืองแคนาดาเพื่อตอบโต้รัฐบาลแคนาดาที่ทำการจับกุมผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีจีน

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากล “ปฏิเสธแนวคิดสงครามเย็น” แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนมองว่าสหรัฐฯ เป็นปรปักษ์มาตั้งแต่ยุคสมัยของนายเหมา โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลสนับสนุน “ความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์” และ “หลักการเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียม และผลประโยชน์ร่วมกัน” ในการจัดการกับความท้าทายด้านความมั่นคงใหม่ ๆ แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนปฏิเสธคำขอขององค์การอนามัยโลกในการตรวจสอบต้นตอของโควิด-19 แม้ว่าโครงการริเริ่มความมั่นคงสากล “ยึดมั่นในการไม่แทรกแซงกิจการภายใน” และสนับสนุน “ทางเลือกที่เป็นอิสระของเส้นทางการพัฒนาและระบบสังคมที่สร้างขึ้นโดยผู้คนในประเทศต่าง ๆ” พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้จัดตั้งสถานีตำรวจลับมากกว่า 100 แห่งเพื่อดำเนินการขยายขอบเขตอำนาจศาลในกว่า 50 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศฝั่งตะวันตก และพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังสนับสนุนรัฐบาลในประเทศที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จและเป็นเผด็จการในการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล ในขณะที่ปกป้องการละเมิดสิทธิ
มนุษยชนอย่างกว้างขวางของตนเอง

พรรคคอมมิวนิสต์จีนแสดงให้เห็นว่าตนเองเป็นผู้สร้างสันติภาพ แต่กลับเพิ่มแรงกดดันทางทหารต่อประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่งผลให้เกิดการปะทะกับอินเดียตามแนวชายแดนที่เป็นข้อพิพาท และการปะทะกับฟิลิปปินส์ในน่านน้ำที่โต้แย้งกัน ท่าทีของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่มีต่อช่องแคบไต้หวันนั้นห่างไกลกับคำว่าสันติภาพอย่างยิ่ง การรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อขนาดใหญ่และการฝึกซ้อมทางทหารเชิงยั่วยุรอบไต้หวันเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ก้าวร้าว แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหาอย่างสันติที่จีนสนับสนุนให้ภายนอกเห็น

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลปฏิเสธที่จะรับรู้ว่ารัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้ทำการประเมินความโหดร้ายของรัสเซียอย่างเป็นกลาง แนวทางการแก้ไขวิกฤตที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอนั้นคือการสนับสนุนให้ยูเครนยอมสูญเสียดินแดนของตนไปเพื่อแลกกับสันติภาพ และเตือนไม่ให้องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เข้ามาปกป้องประเทศใดก็ตามที่รัสเซียเลือกที่จะรุกราน ข้อเสนอเพื่อสันติภาพของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าข้างรัสเซีย และทำให้ยูเครนกลายเป็นเหยื่อมากยิ่งขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่นายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยินดีรับข้อเสนอการยุติอย่างสันติดังกล่าว ในขณะที่ยูเครนปฏิเสธ

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลแสดงให้เห็นว่าจีนเป็นผู้แก้ปัญหา ในขณะที่ทำให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างปัญหา เอกสารโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลที่มีความตลบตะแลงนี้เต็มไปด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนเป็นกลางและยอมรับได้ แต่กลับไม่ได้แสดงถึงสถานการณ์จริงหรือบ่งชี้ว่าโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลจะแก้ไขความขัดแย้งในกลุ่มประเทศที่มีผลประโยชน์แตกต่างกันได้อย่างไร โครงการนี้ขาดทั้งสาระสำคัญและความเป็นไปได้

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าสถานีตำรวจลับของจีนปฏิบัติการจากในอาคารสำนักงานแห่งนี้ในละแวกไชน่าทาวน์ของนครนิวยอร์ก รอยเตอร์

เสือกระดาษ แต่กัดถึงฆาต

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลมุ่งเน้นไปที่เอเชียเพราะในมุมมองของนายสีนั้น ภูมิภาคนี้จะเป็น “เสาหลักแห่งสันติภาพโลก เป็นขุมกำลังสำคัญสำหรับการเติบโตของโลก และเป็นผู้นำรายใหม่ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายสีและโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเชิญชวนให้ประเทศในอินโดแปซิฟิกร่วมมือและใช้ประโยชน์จากบทบาทขององค์กรและการรวมกลุ่มระดับภูมิภาค เช่น องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ การรวมกลุ่มเศรษฐกิจบริกส์ หรือ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ การประชุมสุดยอดจีนและเอเชียกลาง และกลไกของความร่วมมือในเอเชียตะวันออก นายสีต้องการทำให้วิสัยทัศน์ของตนที่ว่าประเทศในเอเชียจัดการกับกิจการด้านความมั่นคงของเอเชียเองโดยไม่มีการแทรกแซงจากภายนอกกลายเป็นจริงขึ้นมา ด้วยความคิดนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ใช้หลักการทางทหารของจีนแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า “การป้องกันด้วยการจู่โจม” ด้วยท่าทีเชิงรุก โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลมุ่งที่จะบรรลุวัตถุประสงค์เชิงป้องกัน และเสริมความเข้มแข็งให้กับจุดยืนที่แสดงอำนาจเหนือผู้อื่นในเอเชีย ในขณะที่ลดอิทธิพลของประเทศฝั่งตะวันตกลง การไม่สามารถทำความเข้าใจแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้อาจหมายความว่าสหรัฐฯ อ่อนกำลังลงในด้านการจัดสรรทรัพยากรทั่วโลก และอาจสูญเสียการป้องปรามในอินโดแปซิฟิกลง ซึ่งถือเป็นแนวหน้าของการแข่งขันกันของมหาอำนาจ

ในฉากหน้านั้น โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลไม่ได้เป็นภัยคุกคามในทันทีต่อสหรัฐฯ พันธมิตร และหุ้นส่วน แต่เจตนาเบื้องหลังโครงการนั้นเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างร้ายแรง สิ่งหนึ่งที่ควรรู้คือจุดประสงค์ของแนวคิดด้านความมั่นคงในเอเชียของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นแตกต่างจากแนวคิดของประเทศและองค์กรอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน สนับสนุนสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือในกลุ่มประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศ แนวคิดเรื่องอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างของญี่ปุ่นสนับสนุนระเบียบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา ความเคารพในกฎหมายระหว่างประเทศ เสรีภาพในการเดินเรือ และระบบเศรษฐกิจที่เปิดกว้างและโปร่งใส โครงการริเริ่มความมั่นคงและการเติบโตสำหรับทุกฝ่ายในภูมิภาคของอินเดียมุ่งเน้นไปที่ความมั่นคงทางทะเล การเชื่อมต่อ การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างประเทศในมหาสมุทรอินเดีย

ในขณะเดียวกัน โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลก็เสนอวิสัยทัศน์ด้านความมั่นคงให้กับพื้นที่อื่น ๆ ในโลก โดยเชิญชวนให้มีการสนับสนุนประเทศในแอฟริกา แคริบเบียน และลาตินอเมริกา และส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง เห็นได้ชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความกระหายที่จะรับบทบาทสำคัญนอกเหนือพรมแดนจีน โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลมอบแพลตฟอร์มเชิงยุทธศาสตร์เพื่อให้จีนพัฒนาความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงกับประเทศต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งอิทธิพล

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลมีเป้าหมายเพื่อช่วยพรรคคอมมิวนิสต์จีนขยายความทะเยอทะยานทั่วโลกออกไปผ่านแพลตฟอร์มและกลไกต่าง ๆ เช่น แผนโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ เวทีการประชุมความร่วมมือจีนและแอฟริกา รวมถึงบริกส์ พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้บริกส์ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย เพื่อส่งเสริมให้ใช้สกุลเงินของจีนมากกว่าดอลลาร์สหรัฐ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้กระจายเงิน 5.82 แสนล้านหยวน (ประมาณ 8.17 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ไปในกว่า 40 ประเทศและภูมิภาค มีประเทศมากกว่า 25 ประเทศวางแผนที่จะเข้าร่วมบริกส์ และมี 30 ประเทศที่กล่าวว่าจะยอมรับการใช้สกุลเงินบริกส์ที่เสนอ แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ได้สูญเสียสถานะสกุลเงินสำรองโลกของตนไปในชั่วข้ามคืน แต่พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มุ่งที่จะบ่อนทำลายความยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ

โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเป็นสิ่งที่ท้าทายพันธมิตรด้านความมั่นคงและความร่วมมือในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองด้วยการพยายามสร้างการแบ่งแยกในกลุ่มประเทศต่าง ๆ ในการเลือกวิธีการรับมือกับจีน ในขณะที่ผู้นำของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติประชุมกันในเมืองฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 เพื่อหารือกันเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนและความตึงเครียดในไต้หวัน นายสีได้จัดการประชุมสุดยอดจีนและเอเชียกลาง และมอบเงินกู้และเงินให้เปล่าจำนวน 2.6 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 3.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับประเทศผู้เข้าร่วมอื่น ๆ ห้าประเทศ

เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนเคลื่อนที่อยู่ด้านหน้าของเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์นอกสันดอนโทมัสที่สองในทะเลจีนใต้ที่เป็นข้อพิพาท ศาลระหว่างประเทศปฏิเสธการอ้างสิทธิ์ของจีนในพื้นที่ดังกล่าว เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ

การตอบโต้โครงการริเริ่มความมั่นคงสากล

การตรวจสอบเจตนาและบริบทในอดีตของโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลอย่างใกล้ชิด ตลอดจนความแตกต่างระหว่างคำพูดและการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เผยให้เห็นถึงความท้าทายและผลลัพธ์เชิงลบที่อาจเกิดขึ้น โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเสนอกรอบการทำงานด้านความมั่นคงในระดับนานาชาติที่แสดงภาพลักษณ์ในเชิงบวกของจีน แต่การใช้คำและภาษาทางการทูตกลับปิดบังเป้าหมายในการแสดงให้เห็นว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้จัดหามาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดของโลก ในขณะที่โครงการริเริ่มความมั่นคงสากลเป็นเสือกระดาษ แต่ก็เป็นสิ่งที่พยายามทำให้วิสัยทัศน์ประเทศจีนของนายสีไปสู่ระดับโลกด้วยความสูญเสียของสหรัฐฯ ประเทศที่ตั้งคำถามถึงแรงจูงใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนควรตอบสนอง อย่างไรก็ตาม การตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพมีอะไรมากกว่าเพียงการวิพากษ์วิจารณ์วิสัยทัศน์ของนายสี จำเป็นต้องมีการทำความเข้าใจโครงการริเริ่มความมั่นคงสากล ตลอดจนมาตรการอำนาจแข็งและอำนาจอ่อน เพื่อตอบโต้วาระด้านความมั่นคงทั้งในประเทศและนานาชาติ

พรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ พันธมิตร และหุ้นส่วน และอาจเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพโลก เราคงจะไร้เดียงสาเกินไปหากจะเชื่อว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปฏิบัติตามอย่างสอดคล้องกับประเทศอื่น ๆ ที่ปฏิบัติตามระเบียบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาสากล ถึงเวลาที่ต้องละทิ้งภาพลวงตาเช่นนั้นเกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน และดำเนินการอย่างเป็นเอกภาพร่วมกัน เราจำเป็นต้องมีโครงการริเริ่มความมั่นคงสากลที่ทัดเทียมกันซึ่งมีรากฐานมาจากนโยบายที่มั่นคงและสอดคล้องกัน เพื่อตอบโต้อิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในอินโดแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ ที่กล่าวถึงไว้อย่างชัดเจนในโครงการริเริ่มความมั่นคงสากล นั่นคือ แอฟริกา ลาติน อเมริกา และตะวันออกกลาง หน้าที่ส่วนกลางในการพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อการรับมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนในบริบทของปัจจัยความมั่นคงสากลใหม่ต้องเป็นสิ่งที่ได้รับความสำคัญมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button