กิจกรรมที่ผิดกฎหมายความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเรื่องเด่น

ความเปลี่ยนแปลง ด้านนิวเคลียร์

การเปลี่ยนแปลงผู้นำของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนทำให้เกิดข้อกังวลด้านความมั่นคง

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กำลังพลของกองพลขีปนาวุธต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า โดยประกาศใช้งานขีปนาวุธที่สามารถยิงหัวรบทั่วไปและหัวรบนิวเคลียร์ได้ และยังมีเทคโนโลยีหลอกล่อเพื่อหลบเลี่ยงการป้องกันขีปนาวุธ

“เทคโนโลยีและรูปแบบการใช้อาวุธเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้ที่สําคัญสํา หรับทิศทางสถานการณ์ของกองทัพจีน” ตามรายงานเรื่อง “คําสั่งการสู้รบของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน พ.ศ. 2566” ที่ตีพิมพ์โดยศูนย์เจมส์ มาร์ตินเพื่อการศึกษาการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ของสถาบันการศึกษานานาชาติมิดเดิลเบอรีที่มอนเทอเรย์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย “สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถทางทหารของจีนเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความน่ากังวลและแนวคิดของจีนเกี่ยวกับสงครามที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในภูมิภาคนี้”

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สัญญาณอีกอย่างหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไปของจีนอย่างน้อยในด้านของนิวเคลียร์ คือ การเปลี่ยนแปลงผู้นำของกองกำลังจรวดที่เปิดเผยในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 เมื่อนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้เปลี่ยนตัวเจ้าหน้าที่อาวุโสสูงสุด 2 คนของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนอย่างกะทันหัน บางคนมองว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำทหารครั้งใหญ่ที่สุดของรัฐบาลจีนในรอบหลายปี

การปรับเปลี่ยนนี้อาจแบ่งออกเป็นสองด้าน ประการแรก นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยนายสีเพื่อหันไปใช้นิวเคลียร์สามเหล่าทัพ ซึ่งสามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้จากทางอากาศ ภาคพื้นดิน หรือทะเล ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ประการที่สอง นี่เป็นการส่งสัญญาณถึงความพยายามของนายสีในการกำจัดผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตจากกลุ่มผู้นำของตนเอง และรายล้อมตัวเองไปด้วยคนผู้จงรักภักดีที่อำมหิต ผู้ที่จะยินดีทำทุกอย่างที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งให้ทำโดยไม่ตั้งคำถามใด ๆ ซึ่งนี่รวมไปถึงกลุ่มผู้นำที่ยินดีจะใช้กำลังทหารเพื่อผนวกไต้หวันที่ปกครองตนเองเข้าด้วยกัน หากว่านายสีสั่งการ

“การกวาดล้างครั้งล่าสุดนี้มีความสำคัญ เนื่องจากจีนกำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงในด้านยุทธศาสตร์นิวเคลียร์อย่างลึกซึ้งที่สุดในรอบหลายทศวรรษ” นายไลล์ มอร์ริส นักวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศและความมั่นคงระดับชาติที่สถาบันนโยบายสังคมแห่งเอเชีย กล่าวกับบีบีซี “นายสีควบรวมอำนาจการควบคุมของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการดำเนินการนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นายสียังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับการทุจริตในกลุ่มผู้นำของตน และได้ส่งสัญญาณบ่งบอกว่ายังไม่บรรลุเป้าหมายการจงรักภักดีอย่างแท้จริงต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน”

พล.อ. ฝาง เฟิงฮุย (ขวา) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกองทัพปลดปล่อยประชาชนในตอนนั้น กำลังรอนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน อยู่ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 พล.อ. ฝาง ได้รับโทษให้จำคุกตลอดชีวิตในข้อหาทุจริตใน พ.ศ. 2562 รอยเตอร์

ความขัดแย้งในกลุ่มผู้นำ?

นายสีดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมการทหารกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน จึงได้เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนทุกเหล่าทัพ นายสีต้องการความจงรักภักดีอย่างแท้จริง และได้ปราบปรามสิ่งที่เชื่อว่าเป็นการทุจริตทั่วทั้งกองทัพนับตั้งแต่นายสีกลับมาดำรงตำแหน่งใน พ.ศ. 2555 จึงเป็นผลให้นายสีได้ทำการกวาดล้างผู้นำระดับสูงคนอื่น ๆ รวมถึง พล.อ. ฝาง เฟิงฮุย อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ร่วมกองทัพปลดปล่อยประชาชน พล.อ. ฝาง ได้รับโทษให้จำคุกตลอดชีวิตในข้อหาทุจริตใน พ.ศ. 2562 ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์

ยังมีรายงานว่าผู้นำกองกำลังจรวดทั้งสองคนที่ถูกปลดถูกสอบสวนโดยหน่วยต่อต้านการทุจริตของกองทัพปลดปล่อยประชาชน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทำข้อมูลลับทางทหารรั่วไหล ไม่มีใครพบเห็น พล.อ. หลี่ ยูจ้าว อดีตผู้นำกองกำลังจรวด และผู้ช่วยของเขาและผู้ตรวจการทางการเมืองของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน พล.ท. หลี่ กวงปิน เป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่ทั้งสองจะถูกปลด และสื่อของรัฐบาลจีนไม่มีคำอธิบายใด ๆ เกี่ยวกับที่อยู่หรือเหตุผลที่ทั้งสองถูกปลดออก

“การขาดความโปร่งใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอธิบายอย่างตรงไปตรงมาโดยโฆษกของรัฐบาล เป็นอันตรายต่อความน่าเชื่อถือของจีนในหลายระดับ และทำให้นักวิเคราะห์คาดเดากันถึงเรื่องต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงเหตุผลสำหรับการเปลี่ยนแปลงบุคลากรเหล่านี้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงขอบเขตและระดับของสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย” นายดรูว์ ทอมป์สัน
นักวิจัยอาคันตุกะอาวุโสที่วิทยาลัยนโยบายสาธารณะลีกวนยู มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เขียนไว้ในการวิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงผู้นำกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชน “สัญชาตญาณของผมบอกว่านี่ไม่ใช่กรณีของการต่อต้านการทุจริต แต่เป็นความพยายามทางการเมืองในการปลดและเกษียณอายุราชการเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งเป็นบุคคลที่นายสีมองว่ามีความเสี่ยงทางการเมืองต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน เจ้าหน้าที่เหล่านี้อาจถูกตัดสินว่าไม่จงรักภักดีหรือไม่ได้จงรักภักดีอย่างแท้จริงต่อนายสีและพรรคคอมมิวนิสต์จีน”

ผู้ที่เข้ามาแทนที่ พล.อ. หลี่ ในฐานะผู้นำคนใหม่ของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนคือ พล.อ. หวัง โหปิน อดีตรองผู้บัญชาการของกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชน ผู้ที่เข้ามาแทนที่ พล.ท. หลี่ ในฐานะผู้ตรวจการทางการเมืองคือ พล.ท. สู สีเฉิง การเข้ามาดำรงตำแหน่งในกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนของทั้งสองคนเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ใช้วิธีการเลื่อนตำแหน่งบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยอยู่ก่อนแล้ว

พ.ท. เหยา เชง อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชน ซึ่งได้หลบหนีไปยังสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ. 2559 ได้กล่าวกับวอยซ์ออฟอเมริกาว่านายสีสูญเสียการควบคุมกองกำลังจรวดไปแล้ว และยืนยันว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนมีความไม่เต็มใจที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งยังกล่าวถึง พล.อ. หวัง ที่ตนเคยรับใช้ในกองทัพเรือว่าเป็นผู้นำที่ “ไร้ความสามารถ”

“เขาเป็นคนที่เชื่อฟังและทำตามคำสั่งของเจ้านาย” พ.ท. เหยากล่าวกับวอยซ์ออฟอเมริกา “จุดอ่อนของเขาคือการที่เขาปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ทหารมาเป็นเวลานาน แต่ไม่เคยเป็นผู้นำกองกำลังและยังขาดความชำนาญพิเศษ เขาไม่สามารถบริหารกองกำลังจรวดได้ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่คนไม่มีฝีมือที่กองกำลังระดับสูงไม่เชื่อฟังและดูถูก”

แม้ว่ารายละเอียดหลายอย่างเกี่ยวกับการสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่กองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจะยังคงเป็นปริศนา แต่นักวิเคราะห์ก็กล่าวกับเดอะไชน่าโปรเจกต์ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน นั่นคือ “เป็นเรื่องยากมากที่จะกำจัดการทุจริต แม้ว่าจะเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากอย่างนายสีก็ตาม” นายนีล โทมัส นักวิจัยด้านการเมืองจีนที่สถาบันนโยบายทางสังคมของเอเชียแห่งศูนย์เพื่อการวิเคราะห์จีน กล่าว “การที่ยังคงมีการทุจริตในจีนหลังจากที่นายสีเริ่มการรณรงค์ต่อต้านการทุจริตของตนไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ”

สิ่งที่ทำให้เกิดการคาดเดาเกี่ยวกับการความไม่ลงรอยกันในกลุ่มผู้นำเพิ่มมากขึ้นคือคำถามที่เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 เกี่ยวกับสถานะของ พล.อ. หลี่ ซ่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีนในตอนนั้น ผู้ที่นายราห์ม เอมานูเอล เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่าไม่มีการพบเห็นในที่สาธารณะมานานหลายสัปดาห์แล้ว

“ตอนนี้รายชื่อคณะรัฐมนตรีของนายสีดูคล้ายกับนิยายของอกาธา คริสตีที่มีชื่อว่า ‘จนศพสุดท้าย’ ตอนแรก นายฉิน กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหายตัวไป จากนั้น ผู้บัญชาการกองกำลังจรวดก็หายตัวไป และตอนนี้ พล.อ. หลี่ ซ่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ไม่มีการพบเห็นในที่สาธารณะมานานสองสัปดาห์แล้ว ใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันการปลดจากตำแหน่งนี้กัน? เยาวชนของจีนหรือคณะรัฐมนตรีของนายสี? #ปริศนาในตึกรัฐบาลจีน” นายเอมานูเอลโพสต์บนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์เอ็กซ์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน

หนึ่งสัปดาห์ถัดมา รายงานข่าวยืนยันว่าทางการจีนได้นำตัว พล.อ. หลี่ไปทำการสอบสวนในข้อหาที่ไม่มีการระบุ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดหาอุปกรณ์ทางทหาร ตามรายงานของรอยเตอร์

“รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่างก็เป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับตัวแทนเจรจากับประชาคมนานาชาติ พวกเขาอาจถูกปลดออกโดยไม่มีคำอธิบายหรือการพิจารณาถึงมุมมองจากนานาชาติ” นายทอมป์สันกล่าวกับซีเอ็นเอ็น “นี่เป็นชนวนเหตุให้เกิดวิกฤตความเชื่อมั่นในจีน นี่เป็นการตอกย้ำถึงการขาดความโปร่งใสและลักษณะการตัดสินใจที่คลุมเครือโดยสมบูรณ์ในจีน”

ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2566 รายงานข่าวได้เปิดเผยว่า พล.อ. หลี่ถูกไล่ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ถูกปลดออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการทหารกลาง และถูกปลดออกจากหนึ่งในห้ามนตรีแห่งรัฐของจีน ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับอาวุโสในคณะรัฐมนตรีที่อยู่สูงกว่ารัฐมนตรีทั่วไป ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น ก่อนที่ พล.อ. หลี่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 เขาได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้นำของแผนกพัฒนายุทโธปกรณ์ของคณะกรรมการทหารกลาง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาอาวุธ สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตร พล.อ. หลี่ใน พ.ศ. 2561 ข้อหาที่จีนทำการซื้ออาวุธจากรัสเซีย ตามรายงานของซีเอ็นเอ็น

รายงานยังเปิดเผยด้วยว่า นายฉินอยู่ภายใต้การสอบสวนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับ “ปัญหาวิถีชีวิต” ซึ่งเป็นวลีที่โดยปกติแล้วหมายถึงการประพฤติผิดทางเพศ ตามรายงานของฟอร์บส์ แหล่งข่าวหลายที่รายงานว่านายฉินถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาว และมีบุตรอยู่ในสหรัฐฯ

พล.อ. หลี่ ซ่างฝู อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน หายตัวไปจากสาธารณะหลายสัปดาห์ ก่อนที่จะมีรายงานข่าวในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 ที่เปิดเผยว่าทางการพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องการบริหารการจัดซื้ออาวุธของเขา ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ผลกระทบด้านความมั่นคง

ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงผู้นำของกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนที่มีต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคยังคงไม่เป็นที่แน่ชัด อย่างไรก็ตาม การกระทำของนายสีก่อให้เกิดการสนทนาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของนิวเคลียร์สามเหล่าทัพที่จะช่วยเสริมความเข้มแข็งให้กับขีดความสามารถในการป้องปรามนิวเคลียร์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชน

กองทัพปลดปล่อยประชาชน “จะผสานรวมขีดความสามารถด้านการป้องกันและจู่โจมด้วยนิวเคลียร์ของกองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้าด้วยกันในท้ายที่สุด นี่เป็นแนวโน้มที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง” นายฉาง ชิง นักวิจัยที่สมาคมเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ในไทเป กล่าวกับวอยซ์ออฟอเมริกา “ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธนิวเคลียร์จากทั้งกองทัพเรือและกองทัพอากาศเคยปฏิบัติหน้าที่ในกองกำลังจรวดมาก่อนแล้วก่อนที่จะมีการสับเปลี่ยนผู้นำ ในที่สุดจีนก็เดินหน้าเข้าสู่กองกำลังนิวเคลียร์โดยมีโครงสร้างการบัญชาการเป็นหนึ่งเดียว”

นายฉางกล่าวว่าบางคนได้ตั้งคำถามว่า พล.อ. หวัง ผู้นำกองกำลังจรวดคนใหม่ เคยทำงานในหน่วยนิวเคลียร์ของกองทัพเรือกองทัพปลดปล่อยประชาชนหรือไม่ หรือผู้ช่วยคนใหม่ของเขาอย่าง พล.ท. สู เคยมีประสบการณ์กับหน่วยเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพอากาศมาก่อนหรือไม่ หากว่าทั้งสองเคย นั่นก็คงจะเป็นการเสริมแนวคิดเรื่องนิวเคลียร์สามเหล่าทัพ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประมาณการไว้ว่ารัฐบาลจีนได้สั่งสมหัวรบนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นอีก 400 หัวรบ เนื่องจากจีนดำเนินการยกระดับเพื่อใช้งานหัวรบเหล่านี้ทางอากาศ ภาคพื้นดิน หรือทะเล ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าจีนจะมีหัวรบมากกว่า 1,000 หัวรบภายในสิ้นสุดทศวรรษนี้ พล.อ. แอนโทนี คอตตอน ผู้บัญชาการกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ กล่าวกับคณะกรรมาธิการกิจการทหารของรัฐสภาสหรัฐฯ ว่าด้วยกองกำลังยุทธศาสตร์ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566

เมื่อไม่ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดของสนธิสัญญาควบคุมอาวุธ พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้ใช้งานขีปนาวุธเคลื่อนที่รุ่นใหม่ พร้อมกับพาหนะนำกลับสู่ชั้นบรรยากาศแบบกำหนดเป้าหมายอิสระหลายลำ และขีดความสามารถในการสนับสนุนการเจาะทะลวง ตามคำกล่าวของ พล.อ. คอตตอน

ขีดความสามารถด้านนิวเคลียร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมากเกินกว่าที่ตนอ้างไว้ว่าจำเป็นต้องมีเพื่อ “การป้องปรามขั้นต่ำ” ตามนโยบายที่มีมายาวนานของตน พล.อ. คอตตอนกล่าว และขีดความสามารถของกองทัพปลดปล่อยประชาชนก็เติบโตขึ้นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ รัฐบาลจีนลงทุน “อย่างมาก” เพื่อขยายคลังแสงของช่องทางการยิงนิวเคลียร์ทั้งทางอากาศ ภาคพื้นดิน หรือทะเล และกำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการขยายกองกำลังนิวเคลียร์ของตนเป็นจำนวนมาก

“ทิศทางของความก้าวหน้าทางนิวเคลียร์ของจีนบ่งชี้ไปที่คลังแสงนิวเคลียร์ขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายพร้อมกับขีดความสามารถในการชิงโจมตีก่อน และความทนทาน ความน่าเชื่อถือ และประสิทธิภาพในระดับสูง” พล.อ. คอตตอนกล่าว “เมื่อพิจารณาในบริบทของการลงทุนจำนวนมากในการบัญชาการ การควบคุม และการสื่อสารปฏิบัติการองค์กรเกี่ยวกับนิวเคลียร์ ตลอดจนความพร้อมที่เพิ่มขึ้น การปรับปรุงความทันสมัยทางนิวเคลียร์ของจีนเน้นชัดให้เห็นถึงขีดความสามารถที่เกิดขึ้นใหม่ที่อาจทำให้จีนมีตัวเลือกการชิงโจมตีก่อน ทั้งในช่วงก่อนและระหว่างวิกฤตหรือในความขัดแย้งทั่วไป จีนอาจเชื่อว่าอาวุธนิวเคลียร์แสดงถึงองค์ประกอบที่สำคัญของยุทธศาสตร์การต่อต้านการแทรกแซงของตน และอาจใช้อาวุธเหล่านี้ในเชิงบีบบังคับต่อประเทศ พันธมิตร และหุ้นส่วนของเรา”

การปรับปรุงความทันสมัยด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

เช่นเดียวกับกองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐฯ กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นตอนเหนือเองก็มองว่าการที่จีนยังคงทำการปรับปรุงความทันสมัยต่อไปนี้เป็นความเร็วที่น่าตกใจ

“เราคงจะมีความคิดที่ตื้นเขินเกินไปหากจะคิดว่าการที่จีนเร่งรัดพัฒนาเครื่องมือไซเบอร์ขั้นสูง ขีดความสามารถทางทะเล และเทคโนโลยีความเร็วเหนือเสียงจะมีผลกระทบเพียงแค่ในระดับภูมิภาคเท่านั้น ในขณะที่จีนยังคงเดินหน้าพัฒนาขีดความสามารถตามแบบและเชิงยุทธศาสตร์ระยะไกลขั้นสูง และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการแสดงแสนยานุภาพทางทหารในระยะที่ไกลขึ้น” พล.อ. เกลน ดี. แวนเฮิร์ก ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นตอนเหนือ กล่าวกับคณะกรรมาธิการกิจการทหารของรัฐสภาสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 “คาดว่าการเติบโตนี้จะเป็นการเติบโตที่รวดเร็วจนทำให้จีนขยายคลังนิวเคลียร์ของตนเพิ่มขึ้นไปอีก จากที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ คาดการณ์ไว้ว่ามีอยู่ประมาณ 400 หัวรบในปัจจุบันจะเป็น 1,500 หัวรบภายใน พ.ศ. 2578”

การวิเคราะห์แบบเปิดกว้างช่วยมอบเบาะแสเกี่ยวกับแรงจูงใจในการปรับปรุงความทันสมัยให้กับนิวเคลียร์ของรัฐบาลจีน แต่ยังจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อเปิดเผยถึงความสำคัญของแผนการของนายสี

“การวิเคราะห์เพียงแค่ขีดความสามารถที่จีนกำลังพัฒนาอยู่ก็ทำให้เกิดคำถามมากมายไม่รู้จบ” นางฟิโอนา คันนิงแฮม ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียและนักวิชาการที่ไม่ใช่ผู้พักอาศัยในโครงการนโยบายนิวเคลียร์ที่กองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ เขียนไว้ในรายงานเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 เรื่อง “เรื่องเร้นลับเกี่ยวกับโครงการปรับปรุงความทันสมัยของจีน” ตีพิมพ์โดยสมาคมควบคุมอาวุธในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. “จีนกำลังสร้างขีดความสามารถที่จะปรับปรุงความสามารถของตนเองในการตอบโต้หลังจากการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ และความสามารถในการคุกคามด้วยการชิงโจมตีก่อนด้วยนิวเคลียร์เพื่อใช้เป็นวิธีการบีบบังคับในกรณีที่เกิดความขัดแย้งทั่วไปขึ้น ตอนนี้จีนสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่อาจทำได้ในอดีตด้วยกองกำลังนิวเคลียร์”

นางคันนิงแฮมยืนยันว่า ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายความเชื่อมั่นที่ผู้กำหนดนโยบายและนักวิเคราะห์เคยเชื่อว่านายสีจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ก็ต่อเมื่อเข้าตาจนจริง ๆ เท่านั้น

“เพราะอะไรจีนต้องรอจนถึงตอนนี้เพื่อสร้างขีดความสามารถในการโต้กลับที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น? เพราะอะไรจีนจึงลงทุนในฐานปล่อยนิวเคลียร์หลังจากใช้เวลากว่าสองทศวรรษในการแสวงหานิวเคลียร์แบบเคลื่อนที่เพื่อเพิ่มความทนทานของคลังแสงของตน? จีนกำลังพัฒนาขีดความสามารถที่อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ท่าทีการพร้อมชิงโจมตีก่อนในอนาคตเพื่อการระมัดระวังไว้ก่อน หรือด้วยเหตุผลอื่น?” นางคันนิงแฮม
เขียน “มีปัจจัยที่เป็นไปได้มากมายที่ผลักดันการปรับปรุงความทันสมัยของนิวเคลียร์ของจีน งานวิจัยใหม่บ่งชี้ว่าการพัฒนาขีดความสามารถของสหรัฐฯ เป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การตอบสนองของจีนต่อการพัฒนาดังกล่าวก็มีมากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งบ่งชี้ว่าน่าจะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลด้วย”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button