ความร่วมมือระหว่างเกาหลีเหนือและจีนก่อร่างขึ้นบนรากฐานที่สั่นคลอน

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
แม้ว่าเกาหลีเหนือและสาธารณรัฐประชาชนจีนประกาศว่า พ.ศ. 2567 จะเป็นปีแห่งมิตรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ แต่ด้วยพฤติกรรมที่ไม่อยู่กับร่องกับรอยของรัฐบาลเกาหลีเหนือ ประกอบกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ถูกสั่งห้ามและความสัมพันธ์กับรัสเซียที่เติบโตขึ้น ทำให้ความสัมพันธ์ของเกาหลีเหนือกับรัฐบาลจีนขุ่นมัวลง
นักวิเคราะห์กล่าวว่ารัฐบาลรัสเซียและเกาหลีเหนือมีแนวโน้มจะว่าดำเนินการโดยไร้ซึ่งการมีส่วนร่วมจากจีนในการแลกเปลี่ยนอาวุธของเกาหลีเหนือกับเทคโนโลยีทางทหารของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่รัสเซียและจีนลงคะแนนเสียงสนับสนุนให้ดำเนินการ
“ตอนนี้เมื่อรัสเซียยินดีจะมอบผลประโยชน์ที่จีนไม่อาจจะมอบให้ได้ รัฐบาลเกาหลีเหนือจึงกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซียมากขึ้น และรัฐบาลจีนก็สูญเสียอำนาจต่อรองไปอย่างมาก” นางโอเรียนา สกายลาร์ มาสโทร ผู้แต่งหนังสือที่กำลังจะวางจำหน่ายในชื่อ “ผู้ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่: วิธีการที่จีนกลายเป็นมหาอำนาจ” เขียนลงในนิตยสารฟอร์เรียน อัฟแฟร์ส
แม้ว่ารัฐบาลของนายคิม จองอึน ต้องอาศัยจีนเพื่อการนำเข้าและส่งออกของประเทศตนเองมากกว่าร้อยละ 90 แต่นายคิมนั้นมีประวัติเรื่องการเพิกเฉยต่อความต้องการของผู้ที่มีบุญคุณกับตนเอง นางมาสโทรระบุ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ การเพิกเฉยต่อความต้องการของจีนที่ต้องการให้นายคิมระงับการทดสอบอาวุธที่เป็นการเพิ่มความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี
“การสนับสนุนของรัสเซียช่วยให้รัฐบาลเกาหลีเหนือมีอำนาจที่เข้มแข็งขึ้นในการลงมือทำสิ่งที่อาจกีดขวางความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคและทั่วโลกของรัฐบาลจีน” นางมาสโทรเขียนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
จีนนำเสนอตัวเองว่าเป็นกองกำลังเพื่อเสถียรภาพ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศจีนได้กล่าวไว้ในการประชุมด้านความมั่นคงประจำปีที่นครมิวนิกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 ว่ารัฐบาลจีนเป็น “ประเทศมหาอำนาจผู้มีความรับผิดชอบ” ซึ่งมีบทบาทเชิงพัฒนาในโลกที่มีความวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียทำให้นายคิมมีความอาจหาญ ซึ่งทำให้จีนไม่สามารถโน้มน้าวรัฐบาลเกาหลีเหนือผู้กระหายสงครามนี้ให้กลับมาทำการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์หรือยุติการทดสอบอาวุธเชิงยั่วยุได้
เกาหลีเหนือยังเป็นหนามยอกอกด้านความมั่นคงสำหรับรัฐบาลจีนอีกด้วย ล่าสุดในปี พ.ศ. 2560 จีนได้ตอบโต้การยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและภัยคุกคามจากการพัฒนาอาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปด้วยการระงับการส่งออกถ่านหิน ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติในขณะนั้น รัฐบาลเกาหลีเหนือตอบสนองด้วยการวิพากษ์วิจารณ์จีนทางสาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
ในด้านการฝึกทางทหาร เกาหลีเหนือยังได้ยิงขีปนาวุธสี่ลูกใส่ทะเลญี่ปุ่นในช่วงการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นการยั่วโมโหผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ดร. บรูซ เบนเน็ต นักวิจัยด้านกลาโหมของแรนด์คอร์ปอเรชัน ได้กล่าวว่าการยิงขีปนาวุธดังกล่าวมีความหมายโดยนัยที่สื่อว่าเกาหลีเหนือมีความสามารถในการคุกคามจีน
จีนได้ใช้งานระบบป้องกันขีปนาวุธและเรดาร์เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากคาบสมุทรเกาหลี ดร. เบนเน็ตกล่าว “ณ เวลานี้ จะมีประเทศใดนอกจากเกาหลีเหนืออีกบ้างที่สามารถยิงขีปนาวุธทิ้งตัวได้จน … จำเป็นต้องใช้ระบบป้องกันดังกล่าวในตะวันออกเฉียงเหนือของจีน” ดร. เบนเน็ตถาม
ในปีเดียวกันนั้น หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส ซึ่งเป็นสื่อโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้กล่าวเตือนว่า แม้ว่าจะมีการลงนามในสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันใน พ.ศ. 2504 แต่จีนจะไม่ให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือหากการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือกระตุ้นให้สหรัฐฯ ทำการตอบโต้
ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและจีนยังถูกรังควานจากข้อพิพาททางดินแดน ซึ่งเป็นข้อพิพาทที่รัฐบาลจีนมีกับประเทศเพื่อนบ้านเกือบทุกประเทศ ข้อตกลงเขตแดน พ.ศ. 2505 ของเกาหลีเหนือและจีนล้มเหลวในการกำหนดเส้นเขตแดนอย่างชัดเจน นาย เจ. เบิร์กไชร์ มิลเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการระหว่างประเทศเขียนให้กับนิตยสารเดอะ ดิโพลแมต ภูเขาเพ็กตูเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่คร่อมอาณาเขตชายแดนและถือว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั่วคาบสมุทรเกาหลีและในหมู่ประชากรจีน ซึ่งการก่อสร้างของจีนบนภูเขาแห่งนี้ได้ก่อให้เกิดการร้องเรียนว่ารัฐบาลจีนมีจุดประสงค์ที่จะขยายการอ้างสิทธิ์ในดินแดนในภูมิภาคนี้ นายมิลเลอร์กล่าว
อีกทั้งยังมีความตึงเครียดอยู่ในชายแดนทางเหนือสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นจุดที่ตัดขาดจีนออกจากทะเลญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือยังได้สั่งห้ามไม่ให้เรือรบของจีนเข้ามาจอดเทียบท่าในบริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออกที่เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ของตน ตามรายงานของนิตยสารข่าวนิกเคอิ เอเชีย
สำหรับรัฐบาลจีนและรัฐบาลเกาหลีเหนือแล้ว โอกาสที่จะมีปีแห่งมิตรภาพหลังจากเกิดความไม่ไว้วางใจมานานหลายสิบปีนั้นมีเพียงน้อยนิด