การสอดแนมของจีนและบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลดีเอ็นเอแสดงให้เห็นถึงอันตรายของยุทธศาสตร์แบบผสมผสานระหว่างทหารและพลเรือนของนายสี

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ว่าจ้างให้บริษัทหนึ่งเฝ้าสังเกตการณ์ผู้กล่าวร้ายต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่อยู่ในต่างประเทศ และทำการขโมยข้อมูลของประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในสื่อสังคมออนไลน์ ตามรายงานข่าวในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567
พรรคคอมมิวนิสต์จีนทำสัญญากับบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ของจีนที่ชื่อ ไอ-ซูน เพื่อทำการเจาะระบบเครือข่ายทั่วทั้งเอเชียกลางและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกง และไต้หวัน เพื่อช่วยให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุมผู้เห็นต่างและกดขี่ชนกลุ่มน้อย ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส
ไอ-ซูนยังอ้างว่าได้ทำการเจาะระบบหน่วยงานของรัฐบาลหลายสิบแห่งในมาเลเซีย มองโกเลีย และไทยให้กับลูกค้าของตนเอง ซึ่งประกอบไปด้วยหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่นและระดับมณฑลของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และรวมถึงกองทัพปลดปล่อยประชาชนด้วย ตามรายงานของเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลได้ทำการตรวจสอบเอกสารที่รั่วไหลออกมาจากไอ-ซูน ซึ่งพบว่าเป็นหนึ่งในหลาย ๆ บริษัทเอกชนที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้เพื่อดำเนินปฏิบัติการสอดแนมระดับโลกของตนมากยิ่งขึ้นไปอีก
นักวิเคราะห์กล่าวว่าการเปิดโปงธุรกิจการเจาะระบบเช่นนี้ เป็นการแสดงให้เห็นถึงรากฐานที่ไร้หลักศีลธรรมของยุทธศาสตร์แบบผสมผสานระหว่างทหารและพลเรือนของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
“แฮกเกอร์ได้มุ่งเน้นไปที่ภัยคุกคามภายในประเทศที่ขยายออกไปยังต่างประเทศ” นาย ดรูว์ ทอมป์สัน นักวิจัยอาวุโสที่สถาบันนโยบายสาธารณะ ลี กวน ยู ในสิงคโปร์ กล่าวกับเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล “ลูกค้าของบริษัทเหล่านี้ต้องการข้อมูลจากหน่วยงานราชการ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และสายการบิน เพื่อที่จะสามารถติดตามข้อมูลและเข้าถึงอีเมลของบุคคล โทรศัพท์ และติดตามผู้เห็นต่างที่อยู่ในต่างประเทศได้” นายทอมป์สัน อดีตเจ้าหน้าที่อาวุโสที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา กล่าว
ยุทธศาสตร์แบบผสมผสานระหว่างทหารและพลเรือนเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่ได้รับการส่งเสริมโดยนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนกลายเป็นกองทัพที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดในโลกภายใน พ.ศ. 2592 ในฐานะประธานของคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลางและคณะกรรมการกลางเพื่อการพัฒนาการผสมผสานระหว่างทหารและพลเรือนของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2560 นายสีเป็นผู้ดูแลการดำเนินยุทธศาสตร์ ซึ่งประกอบไปด้วยแนวทางหลากหลายประการในการผสานองค์ประกอบทางทหารเข้ากับกิจกรรมพลเรือนที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย ตามข้อมูลจากรายงานอำนาจของกองทัพจีน พ.ศ. 2566 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
มีหลายประเทศที่พยายามใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีของพลเรือนและกองทัพร่วมกันทั้งสองภาคส่วน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์มากขึ้นต่อทั้งสองภาคส่วน อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายการถ่ายโอนเทคโนโลยีดังกล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เพิกเฉยต่อมาตรฐานและบรรทัดฐานทางจริยธรรมระดับนานาชาติอยู่เป็นประจำ ซึ่งทำให้หลายประเทศเกิดความหวาดกลัว ในทางตรงกันข้าม เมื่อรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำสัญญากับบริษัทเอกชน กฎหมายกำหนดให้จำเป็นต้องมีการแสดงความโปร่งใส ซึ่งเป็นการกระทำที่ได้กลายเป็นแบบอย่างให้กับประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันทั่วโลก
การเก็บรวบรวมข้อมูลทางพันธุกรรมทั่วโลกอย่างต่อเนื่องของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นที่น่าจับตามองของยุทธศาสตร์แบบผสมผสานระหว่างทหารและพลเรือนของนายสี ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการใช้งานเพื่อจุดประสงค์ที่ชั่วร้าย ผู้เชี่ยวชาญเป็นกังวลว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจใช้ฐานข้อมูลพันธุกรรมที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ ของตนเพื่อควบคุมหรือคุกคามประชาชนในจีนหรือต่างประเทศ แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะปฏิเสธว่าตนไม่มีเจตนาดังกล่าวก็ตาม
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายใต้หน้ากากของการให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพ พรรคคอมมิวนิสต์จีนฉวยโอกาสจากการขยายการเข้าถึงไปยังต่างประเทศของตนเพื่อเพิ่มข้อมูลให้กับฐานข้อมูลดีเอ็นเอมนุษย์ขนาดใหญ่ของตน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2566 จีนได้แจกจ่ายอุปกรณ์การหาลำดับยีน และจัดทำ “ความร่วมมือ” สำหรับการวิจัยทางพันธุกรรมในประเทศที่ต้องการเข้าถึงประชาชนมากขึ้น
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เก็บรวบรวมข้อมูลทางพันธุกรรมมานานกว่าทศวรรษ โดยใช้ยุทธวิธีหลากหลายรูปแบบ เช่น การเข้าครอบครองบริษัทพันธุศาสตร์ของสหรัฐฯ และการดำเนินการเจาะระบบหลายชั้น ตามรายงานของเดอะวอชิงตันโพสต์
ไฟร์แล็บส์เป็นบริษัทจีนที่ผลิตอุปกรณ์การหาลำดับยีน ซึ่งมีบริษัทของกองทัพจีนอย่างบีจีไอเป็นเจ้าของ โดยที่บริษัทบีจีไอเองก็ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลทางพันธุกรรมจากชุดทดสอบก่อนคลอดที่จำหน่ายทั่วโลกด้วย ตามรายงานของรอยเตอร์
องค์กรสิทธิมนุษยชนได้เปิดเผยโครงการของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดี ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อบังคับให้เก็บรวบรวมข้อมูลชีวมิติจากภูมิภาคต่าง ๆ ในจีนที่มีประชากรชนกลุ่มน้อยจำนวนมาก ฮิวแมนไรท์วอทช์ได้จดบันทึกความพยายามของตำรวจจีนที่เริ่มต้นขึ้นใน พ.ศ. 2560 ที่จำเป็นต้องทำการเก็บตัวอย่างเลือด ลายนิ้วมือ และการสแกนม่านตาจากผู้ใหญ่ทุกคนในมณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชาวอุยกูร์ประมาณ 12 ล้านคน หน่วยงานต่าง ๆ ได้ริเริ่มความพยายามที่คล้ายกันในทิเบตที่ควบคุมโดยจีนใน พ.ศ. 2563 ตามรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์
สหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทในเครือของบีจีไอที่ทำการช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการวิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรม ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อผลักดันการปราบปรามชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนา ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สั่งห้ามบริษัทสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับบริษัทในเครือของบีจีไอขนาดใหญ่สองแห่ง ซึ่งอ้างถึงความเสี่ยงของ “การเบี่ยงเบนไปยังโครงการทางทหารของจีน”
“นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์การทหารของจีนยังได้รับความสนใจจากการอภิปรายถึงความเป็นไปได้ในการสร้างอาวุธชีวภาพที่ในวันหนึ่งอาจกำหนดเป้าหมายไปที่ประชากรตามยีนของพวกเขา” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์
แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานที่เปิดเผยต่อสาธารณะว่าบริษัทจีนได้ใช้ดีเอ็นเอจากต่างประเทศสำหรับกิจกรรมนอกการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ แต่ผู้สังเกตการณ์หลายคนก็หวาดกลัวว่าการปฏิบัติดังกล่าวอาจทำให้จีนมีความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ทั้งทางเศรษฐกิจและทางทหาร ตามรายงานของเดอะวอชิงตันโพสต์
“เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการทำความเข้าใจไขความลับของยีน” นางแอนนา พูกลีซี อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ สำหรับเอเชียตะวันออก กล่าวกับเดอะวอชิงตันโพสต์ “ใครก็ตามที่ไปถึงเป้าหมายนั้นได้ก่อนก็จะสามารถควบคุมสิ่งที่น่าทึ่งได้มากมาย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะนำไปใช้ในทางที่ผิด” นางพูกลีซี นักวิจัยอาวุโสที่ศูนย์ความมั่นคงและเทคโนโลยีใหม่ของมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าว