ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมฉบับใหม่สนับสนุนให้สหรัฐฯ ร่วมมือกับพันธมิตร

กองบัญชาการยุทธศาสตร์สหรัฐอเมริกา

ระบบนิเวศอุตสาหกรรมกลาโหมที่แข็งแกร่งในศตวรรษที่ 21 ต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างสหรัฐอเมริการวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วน กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในรายงานฉบับใหม่

ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งเผยแพร่ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 เป็นยุทธศาสตร์แรกที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาจัดทำขึ้น และจะเป็นแนวทางในการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความทันสมัยให้กับฐานอุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ นางเคทลีน ฮิกส์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ ยุทธศาสตร์นี้ “จะช่วยให้มั่นใจว่าเราจะสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมและนวัตกรรมกลาโหมสมัยใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น” ต่อการปกป้องสหรัฐฯ พันธมิตรและหุ้นส่วน รวมถึงผลประโยชน์ร่วมกันในศตวรรษที่ 21

ยุทธศาสตร์นี้อาศัยต้นแบบจากยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 และระบุความเสี่ยงต่อฐานอุตสาหกรรมกลาโหมและแนะนำแนวทางแก้ไข ยุทธศาสตร์นี้สนับสนุนให้มีการปรับปรุงระยะยาวในสี่ด้านหลัก ได้แก่ ความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ความพร้อมด้านแรงงาน การจัดซื้อที่ยืดหยุ่น และการป้องปรามทางเศรษฐกิจ

ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น

ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมแห่งชาติสนับสนุนให้มีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกในการพัฒนา “สายการผลิตที่ซ้ำซ้อนหลายสายทั่วทั้งกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน” เพื่อลดความเสี่ยงของการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกายังแสวงหาความสามารถในการทำงานร่วมกันมากขึ้นในหมู่ผู้ผลิตและระบบ ซึ่งรวมถึงเมื่อทำงานระหว่างกองกำลังตลอดจนกับพันธมิตรและหุ้นส่วน แผนนี้ยังสนับสนุนให้ปรับปรุงกระบวนการขายทางทหารของต่างประเทศ โดยลดระยะเวลาการผลิตและเร่งกระบวนการตรวจสอบและการจัดซื้อ

ความพร้อมด้านแรงงาน

กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาจะทำงานร่วมกับหุ้นส่วนระหว่างประเทศเพื่อแบ่งปันบทเรียนการฝึกอบรมและการจัดการแรงงาน รวมถึงระบุโอกาสในการทำงานร่วมกันเพิ่มขึ้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกามีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพโครงการสรรหาและฝึกอบรมทักษะทางกลาโหมที่สำคัญในด้านการผลิต วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ โดยมุ่งเน้นไปที่ประชากรกลุ่มใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึงผู้หญิงและชนกลุ่มน้อย

การจัดซื้อที่ยืดหยุ่น

ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมแห่งชาติสนับสนุนให้มีกลยุทธ์การจัดซื้อที่จะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนา เพิ่มความสามารถในการขยายตัว และปรับปรุงความสามารถในการทำงานร่วมกัน หากเป็นไปได้ โครงการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาจะใช้ขีดความสามารถที่มีอยู่แล้วในเชิงพาณิชย์ เช่น เสาอากาศและโดรนป้องกันสัญญาณรบกวน แทนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ หากจำเป็นต้องใช้ขีดความสามารถที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ กระทรวงกลาโหมจะทำงานร่วมกับภาคการพาณิชย์และฐานอุตสาหกรรมของตนเอง ซึ่งรวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วน เพื่อเพิ่มการใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมมากกว่ามาตรฐานที่เฉพาะเจาะจงกับแพลตฟอร์ม

การป้องปรามทางเศรษฐกิจ

กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาพยายามตอบโต้ความพยายามของสาธารณรัฐประชาชนจีนและศัตรูอื่น ๆ ที่จะควบคุมตลาด ซึ่งรวมถึงการจำกัดการเข้าถึงสินค้าและวัสดุที่สำคัญต่อฐานอุตสาหกรรมกลาโหม ยุทธศาสตร์นี้สนับสนุนให้สหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรและหุ้นส่วนอำนวยความสะดวกแก่ระบบนิเวศอุตสาหกรรมกลาโหม ซึ่งป้องกันการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมและขจัดการพึ่งพาการจัดหาส่วนประกอบจากประเทศที่เป็นศัตรู ยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมแห่งชาติยังสนับสนุนให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาและหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ๆ กระชับความสัมพันธ์กับพันธมิตรเพื่อแบ่งปันความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มความมั่นคงทางไซเบอร์ และป้องปรามไม่ให้ศัตรูครอบครองสินทรัพย์ของสหรัฐฯ และพันธมิตร

ผู้นำกลาโหมจากทั่วโลกได้ประชุมกันเมื่อไม่นานมานี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมกลาโหมแห่งชาติ การประชุมเชิงปฏิบัติการดังกล่าวซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์เอเชียแปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงในฮาวาย มุ่งเน้นไปที่การสร้างความยืดหยุ่นในอุตสาหกรรมกลาโหมและมีตัวแทนจากออสเตรเลีย เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ

“เรากำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหุ้นส่วนทั่วทั้งอินโดแปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อสร้างฐานอุตสาหกรรมกลาโหมที่มีพลวัต นวัตกรรม ความยืดหยุ่น และประสิทธิผลมากขึ้น” นายเจด รอยัล รองผู้ช่วยเลขานุการด้านความมั่นคงอินโดแปซิฟิกของสหรัฐฯ กล่าว “ความร่วมมือด้านฐานอุตสาหกรรมกลาโหมเป็นส่วนสำคัญในวิสัยทัศน์ระดับภูมิภาคร่วมกันของเรามากกว่าที่เคยเป็นมา โดยมีเป้าหมายคือสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”