ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเรื่องเด่นเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ความ เฉียบคม

เมื่อเครื่องมือ โฆษณาชวนเชื่อของจีนพัฒนาขึ้น อินโดแปซิฟิกจำเป็นต้องมีศูนย์กลาง เพื่อต่อต้านภัยคุกคามแบบผสมผสาน

ดร. เจค วอลลิส/สถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย

ภายใต้การปกครองของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ผู้มีความแน่วแน่ สาธารณรัฐประชาชนจีนกําลังสร้างระบบการโฆษณาชวนเชื่อทั่วโลกที่มุ่งสร้างระเบียบระหว่างประเทศขึ้นใหม่

สิ่งนี้ถือเป็นความท้าทายด้านข้อมูลที่ซับซ้อนมากกว่าความท้าทายที่ประเทศเผด็จการอื่น ๆ สร้างขึ้น และซับซ้อนยิ่งกว่าที่รัสเซียให้ข้อมูลที่บิดเบือนเกี่ยวกับการแทรกแซงและการโค่นล้มจากต่างประเทศที่นำไปสู่ความวุ่นวาย ทั้งนี้เนื่องจากจีนภายใต้การปกครองของนายสีมีความทะเยอทะยานมากขึ้นกว่าเดิมอย่างยิ่ง และการแสดงอำนาจของจีนก็มีน้ำหนักมากกว่ามหาอำนาจลัทธิแก้อื่น ๆ จีนสามารถใช้ยุทธศาสตร์การปกครองประเทศแบบบีบบังคับเพื่อแสดงอํานาจทางการเมืองและทำให้ประเทศอื่น ๆ เผชิญกับผลกระทบ จีนได้แสดงการใช้ยุทธศาสตร์การปกครองนี้กับคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์ในลักษณะที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น จีนได้ระดมผู้บริโภคเพื่อคว่ำบาตรบริษัทตะวันตกผ่านการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐเพื่อปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นต่าง ๆ เช่น การละเมิดสิทธิมนุษยชนในซินเจียงหรือฮ่องกง

หลังจากนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียในสมัยนั้น ได้เสนอให้ดำเนินการสอบสวนระดับนานาชาติเพื่อหาที่มาของโควิด-19 ออสเตรเลียต้องเผชิญกับปัญหาภาษีศุลกากรทางการค้า ซึ่งนายเฉิง จิงเย่ อดีตเอกอัครราชทูตจีนประจําออสเตรเลีย กล่าวว่านี่เป็นการแสดงออกถึงความโกรธแค้นของชาวจีน เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลียและจีนอยู่ในช่วงที่ตกต่ำ นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนในสมัยนั้น ได้โพสต์ภาพปลอมของทหารออสเตรเลียที่เชือดคอเด็กชาวอัฟกันลงบนทวิตเตอร์ ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อเอ็กซ์ ภาพที่ปลอมแปลงขึ้นนี้ได้รับการเผยแพร่ครั้งแรกบนสื่อสังคมออนไลน์ของจีนและใช้เป็นหลักฐานการสอบสวนกองทัพออสเตรเลียในข้อหาอาชญากรรมสงครามในอัฟกานิสถาน

ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากมีการโพสต์ภาพลงทวิตเตอร์ นาย
มอร์ริสันก็จัดแถลงข่าวเพื่อตอบโต้ นอกจากนี้ นายมอร์ริสันยังได้ออกแถลงการณ์ผ่านวีแชท ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของจีนว่า ในฐานะประเทศประชาธิปไตย ออสเตรเลียพร้อมที่จะพิจารณาถึงข้อบกพร่องของตนเอง ไม่กี่นาทีหลังจากโพสต์ข้อความออกไป บัญชีวีแชทของเขาก็ถูกระงับ การโต้ตอบนี้แสดงให้เห็นวิธีการที่จีนใช้ขอบเขตข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง โดยการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อบนสื่อสังคมออนไลน์ของตะวันตก ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออกได้รับการคุ้มครอง อีกทั้งยังเซ็นเซอร์ข้อมูลที่มุ่งเป้าไปที่ชาวจีน

เส้นทางของปฏิบัติการทางข้อมูลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแสดงให้เห็นว่าความพยายามที่ครั้งหนึ่งไร้ซึ่งความรอบคอบกําลังซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการลงทุนอย่างต่อเนื่องของจีน ยิ่งไปกว่านั้น การชุมนุมและการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางในฮ่องกงได้กระตุ้นให้จีนกล้าเสี่ยงมากขึ้น

จุดสนใจของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เปลี่ยนจากความสนใจในเรื่องต่าง ๆ เช่น การประท้วงในฮ่องกง การเลือกตั้งประธานาธิบดีไต้หวันใน พ.ศ. 2563 และที่มาของโควิด-19 ไปสู่การแทรกแซงการเมืองภายในของสหรัฐอเมริกาจากต่างประเทศ เครื่องมือที่ใช้สำหรับปฏิบัติการทางข้อมูลที่เคยมุ่งเน้นไปที่การประท้วงในฮ่องกงก็นำมาใช้ประโยชน์จากการประท้วงภายในสหรัฐฯ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคนิคที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ได้เติบโตอย่างรวดเร็วจากความพยายามในการแทรกแซงการเลือกตั้งของไต้หวันในช่วงต้น รวมถึงข้อผิดพลาดทางภาษาเมื่อพยายามเขียนโพสต์ในภาษาจีนดั้งเดิมเพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในไต้หวัน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเริ่มมุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ ปฏิบัติการทางข้อมูลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนอาจครอบงําการป้องกันอัลกอริทึมรวมถึงการป้องกันด้วยตนเองบนแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ส่วนใหญ่ เช่น สแปมมูฟลาจดรากอน ซึ่งเป็นเครื่องมือของพรรคคอมมิวนิสต์จีน สามารถแพร่กระจายข้อมูลเท็จไปยังแพลตฟอร์มชั้นนำในสหรัฐฯ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงเฟซบุ๊ก เอ็กซ์ และยูทูบ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้เพิ่มขีดความสามารถด้วยการทดลองปัญญาประดิษฐ์เพื่อแปลเนื้อหาวิดีโอโดยอัตโนมัติ สร้างรูปโปรไฟล์สําหรับบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม และพัฒนาวิดีโอปลอมแปลงอัตลักษณ์บุคคล

เมื่อวิเคราะห์ปฏิบัติการทางข้อมูลของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ ความท้าทายที่ต้องเผชิญคือการทำให้ปฏิบัติการดังกล่าวอยู่ในบริบทเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีนพยายามปรับใช้หลักการของนายสีและคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งคอยกำหนดแนวทางของพรรค ภายใต้การปกครองของนายสี พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีความมุ่งมั่นมากขึ้น การโฆษณาชวนเชื่อเป็นเครื่องมือสงครามทางการเมืองที่สามารถรวมเข้ากับยุทธศาสตร์การปกครองประเทศแบบบังคับอื่น ๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์

ประเทศประชาธิปไตยเชื่อว่าความเป็นโลกาภิวัตน์และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจจะดึงจีนเข้าสู่ระเบียบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา โดยคาดไม่ถึงว่าจีนจะจงใจใช้การพึ่งพาอาศัยกันเป็นเครื่องมือ ด้วยการใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ชุมชนผู้พลัดถิ่น และการเข้าถึงสภาพแวดล้อมด้านข้อมูลของระบอบประชาธิปไตยที่เปิดกว้างและไม่มีต้นแบบแน่นอน ประเทศทางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียอย่างปาปัวนิวกินีและหมู่เกาะโซโลมอน ได้ลงนามในข้อตกลงโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน และหมู่เกาะโซโลมอนยังได้ลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงกับรัฐบาลจีน จึงทำให้เสรีภาพในการซ้อมรบของออสเตรเลียถูกจำกัด

จากซ้าย นายแอนโธนี อัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร หารือกันเกี่ยวกับความร่วมมือไตรภาคีของทั้งสามประเทศ ณ ฐานทัพเรือสหรัฐฯ พอยต์โลมาในซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

แม้ว่าการสํารวจความคิดเห็นของชาวตะวันตกแสดงให้เห็นว่าผู้คนมีความกังวลมากขึ้นว่าจีนเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง แต่โฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนกลับผลิดอกออกผลในภูมิภาคอื่น ๆ ในบางภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากร โฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้รับความสนใจมากขึ้น ในแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และลาตินอเมริกา พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถต่อต้านค่านิยมหลักได้ เช่น สิทธิมนุษยชนและการพัฒนาเศรษฐกิจ และเสนอรูปแบบการปกครองที่แตกต่างออกไป

ในการต่อต้านโฆษณาชวนเชื่อ การบิดเบือนข้อมูลและสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อินโดแปซิฟิกซึ่งกลายเป็นจุดสนใจของการแข่งขันระหว่างประเทศมหาอํานาจมากขึ้นเรื่อย ๆ ควรพัฒนาความสามารถในการต่อต้านภัยคุกคามแบบผสมผสาน ภูมิภาคนี้ประกอบด้วยระบบการเมืองและประเทศที่หลากหลาย ซึ่งอยู่ในระยะการพัฒนาเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ประชาธิปไตยก็มีการถดถอยบ้าง โครงสร้างความมั่นคงไม่ได้แสดงความเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ประเทศในยุโรปแสดงให้เห็นในการตอบโต้การรุกรานยูเครนของรัสเซีย ประเทศในยุโรปมีรูปแบบบางอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ สหภาพยุโรปและนาโตได้ให้ทุนสนับสนุนศูนย์ความเป็นเลิศด้านการตอบโต้ภัยคุกคามแบบผสมผสานในยุโรป ซึ่งมีสํานักงานใหญ่ในเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ แม้ว่าโครงสร้างความมั่นคงในอินโดแปซิฟิกจะมีความซับซ้อน แต่ประเทศต่าง ๆ ก็สนใจสร้างความร่วมมือระหว่างพันธมิตรมากขึ้น ทั้งพันธมิตรแบบดั้งเดิมและพันธมิตรที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อรักษาสมดุลด้านยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ปัญหาต่าง ๆ เช่น การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ การแทรกแซงจากต่างประเทศ การบีบบังคับทางทะเล และการรุกล้ำทางไซเบอร์ได้สร้างแรงกดดันทางการเมืองต่อประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นภัยต่อความเจริญรุ่งเรืองที่เพิ่มขึ้นจากการค้าเสรีและเปิดกว้าง

อินโดแปซิฟิก โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวและมีประชากรกลุ่มคนยุคใหม่มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกและมีการศึกษาที่ดี ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง อินโดแปซิฟิกคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลก และจะเป็นภูมิภาคสำหรับสมาชิกใหม่ของชนชั้นกลางทั่วโลก 2.4 พันล้านคนภายใน พ.ศ. 2573 หุ้นส่วนระดับภูมิภาคตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนช่วยสร้างความเจริญรุ่งเรืองของโลก แคนาดา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ต่างก็มีกลยุทธ์สำหรับอินโดแปซิฟิก ความร่วมมือใหม่ ๆ เช่น ความร่วมมือระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ รวมถึงความร่วมมือของกลุ่มควอดกับออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อยับยั้งความขัดแย้งในอินโดแปซิฟิกที่เป็นภัยต่อระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา ศูนย์รับมือภัยคุกคามแบบผสมผสานที่มุ่งเน้นไปที่อินโดแปซิฟิกจะช่วยพัฒนาความพร้อมรับมือของสังคมในการตอบโต้ภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศที่ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธร้ายแรง ซึ่งได้แก่ การบิดเบือนข้อมูล การแทรกแซงจากต่างประเทศ การล้มล้าง การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และการรุกล้ำทางไซเบอร์

จีนไม่จําเป็นต้องใช้กําลังเพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการครอบครองดินแดนของภูมิภาคนี้ แม้จะมีมูลให้เกิดความกังวลอย่างมากว่านายสีอาจสั่งให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนโจมตีไต้หวันที่ปกครองตนเอง แต่จีนอาจยังคงพยายามลดความมุ่งมั่นของชาวไต้หวันผ่านการแทรกแซงทางการเมืองและการล้มล้าง การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ และการกดดันทางทหารที่ไม่ถึงขั้นใช้อาวุธร้ายแรง ยุทธศาสตร์การปกครองประเทศแบบบีบบังคับเหล่านี้เป็นภัยต่อความสมดุลทางยุทธศาสตร์ระหว่างไต้หวันและภูมิภาคนี้ ยุทธศาสตร์เหล่านี้เป็นการขู่ว่ารัฐบาลจีนจะใช้อํานาจอย่างแข็งขันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนในประเทศอื่น ๆ ไม่ว่ายุทธศาสตร์การปกครองประเทศที่เฉียบคมนี้จะมุ่งเป้าไปที่สหรัฐฯ หรือพันธมิตร ยุทธศาสตร์นี้จะจํากัดความคล่องตัวทางการเมือง การทูต เศรษฐกิจ และการทหารของหุ้นส่วนที่เป็นประเทศประชาธิปไตยในภูมิภาค และทําให้เครื่องมือของยุทธศาสตร์การปกครองประเทศแบบประชาธิปไตยอ่อนแอลง

แนวทางด้านความมั่นคงร่วมกันในยุโรปช่วยให้สหภาพยุโรปและนาโต รวมทั้งประเทศหุ้นส่วนหลากหลายประเทศสามารถให้ทุนสนับสนุนศูนย์รับมือภัยคุกคามแบบผสมผสาน ซึ่งดำเนินโครงการวิจัยและเสริมสร้างขีดความสามารถเพื่อปรับปรุงความสามารถในการตอบโต้ของประเทศสมาชิก อินโดแปซิฟิกเองก็อาจได้รับประโยชน์จากการมีแนวทางที่คล้ายกันนี้ ภูมิภาคนี้ยังคงมีความซับซ้อนในด้านความสัมพันธ์ ความร่วมมือ ผลประโยชน์ที่แข่งขันกัน และโครงสร้างความมั่นคง ทว่าการป้องปรามก็มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อการโน้มน้าวให้จีนที่มีท่าทีก้าวร้าวให้เชื่อมั่นว่าระเบียบระหว่างประเทศสามารถรักษาให้คงอยู่ได้ การป้องปรามนี้สามารถทําได้โดยร่วมมือกันเท่านั้น และจะเป็นการดีกว่าหากภูมิภาคแห่งนี้ร่วมกันตอบโต้การบีบบังคับเสียตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่าปล่อยให้อินโดแปซิฟิกต้องตกอยู่ในสถานการณ์การนองเลือดที่ปกคลุมไปทั่วยูเครน

บทความนี้อ้างอิงจากรายงานของสถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย “การต่อต้านไฮดร้า: ข้อเสนอสำหรับศูนย์รับมือภัยคุกคามแบบผสมผสานในอินโดแปซิฟิก” ซึ่งเผยแพร่ครั้งแรกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 บนเว็บไซต์สถาบันนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ออสเตรเลีย อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่
https://www.aspi.org.au/report/countering-hydra

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button