อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อาเซียนแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันขณะที่จีนยังคงถ่วงเวลาในเรื่องหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

สมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน กำลังเสริมสร้างความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพในทะเลจีนใต้ ความพยายามด้านการทูตเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งก้าวร้าวมากขึ้นอ้างว่า การเจรจาที่ยาวนานหลายทศวรรษเกี่ยวกับหลักปฏิบัติในเส้นทางน้ำที่สำคัญนี้ “เป็นไปอย่างราบรื่น”

นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (ซ้าย) และนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ได้พบปะกันในกรุงมะนิลาเมื่อต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานและด้านกลาโหม รวมถึงการพัฒนาทะเลจีนใต้และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ในเส้นทางน้ำเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นแหล่งทำประมงที่ทำกำไรได้สูงและเป็นแหล่งน้ำมัน และเป็นช่องทางการค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านล้านบาท (ประมาณ 3 ล้านล้านดอลลาร์) แม้จะมีคำวินิจฉัยของศาลระหว่างประเทศใน พ.ศ. 2559 ว่าการอ้างสิทธิ์ของจีนไม่สอดคล้องกับหลักการทางกฎหมายก็ตาม ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา จีนได้เพิ่มกลยุทธ์ต่อต้านในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์ รวมถึงการยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือของฟิลิปปินส์ ชนเรือ และติดตั้งสิ่งกีดขวางเพื่อขัดขวางการทําประมง

เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงใส่เรือของฟิลิปปินส์ใกล้กับสันดอนสกาโบโรห์ ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566
วิดีโอจาก: ไวรัลเพรสผ่านทางรอยเตอร์

นายวิโดโดได้กล่าวถึงความตึงเครียดทางทะเลอีกครั้งในการเจรจาการค้าและการลงทุนเมื่อเดือนมกราคมที่กรุงฮานอย นายวิโดโดและนายหวอ วัน เถือง ประธานาธิบดีเวียดนาม “ได้ย้ำถึงความสําคัญของสันติภาพ เสถียรภาพ ความปลอดภัย ความมั่นคง ตลอดจนเสรีภาพในการเดินเรือและการบินข้ามน่านฟ้า” ในทะเลจีนใต้ ตามรายงานของเบนาร์นิวส์

นอกจากนี้ เหล่าผู้นำอาเซียนยังได้ออกแถลงการณ์ในช่วงปลาย พ.ศ. 2566 และแสดงความกังวลเกี่ยวกับ “สถานการณ์ความเป็นไปในทะเลจีนใต้ที่อาจบ่อนทำลายสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค”

พวกเขา “ได้แสดงให้เห็นถึง ‘ความสามัคคี’ และ ‘ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน’ ต่อฟิลิปปินส์ผ่านสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียนเรียกว่า “ขอบเขตทางทะเลของเรา” ซึ่งนั่นเป็นการปฏิเสธโดยอ้อมต่อข้อเสนอแนะใด ๆ ที่ว่าจีนหรือมหาอํานาจใด ๆ ควรครองลุ่มน้ำทะเลจีนใต้” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เอเชียไทมส์

อาเซียนได้ติดต่อกับรัฐบาลจีนเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2539 เรื่องหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้เพื่อแก้ไขข้อพิพาทด้านดินแดน จากนั้นการเจรจาอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2545 แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าจีนได้ถ่วงเวลาในข้อตกลงที่อาจจำกัดความพยายามในการบังคับใช้สิทธิ์เรียกร้องทางทะเลจำนวนมาก ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 มกราคม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า “การปรึกษาหารือดําเนินไปอย่างราบรื่น” และจีนหวังว่าจะ “นำหลักปฏิบัติมาใช้โดยเร็วที่สุด”

จีนได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลใน พ.ศ. 2539 ซึ่งอนุญาตให้ทุกฝ่ายอ้างสิทธิ์เหนือเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ขยายออกไป 200 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งของดินแดนที่เป็นที่อยู่อาศัยซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม การอ้างสิทธิ์ของจีนในทะเลจีนใต้ได้ขยายออกไปไกลจากจีนแผ่นดินใหญ่ 800 ไมล์ทะเล โดยไม่คำนึงถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเลรวมทั้งคําตัดสินของศาลระหว่างประเทศที่สนับสนุนบทบัญญัติในอนุสัญญา ดินแดนทางทะเลที่รัฐบาลจีนพยายามใช้อํานาจอธิปไตยขยายไปถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษของบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

ในปฏิญญาว่าด้วยการดำเนินการของภาคีในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ไม่มีผลผูกมัดระหว่างอาเซียนและจีนใน พ.ศ. 2545 ผู้นําของประเทศต่าง ๆ ได้ให้คํามั่นว่าจะใช้ “หลักการทางกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับ” เพื่อจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและระงับข้อพิพาทด้านดินแดน “ด้วยสันติวิธีโดยไม่ใช้การคุกคามหรือการใช้กําลัง”

กว่า 20 ปีต่อมา ทะเลจีนใต้ “อยู่ภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่องและมีการใช้กําลังเป็นครั้งคราว” นายเรย์มอนด์ พาวเวลล์ ผู้อํานวยการโครงการความโปร่งใสทางทะเลซีไลท์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในแคลิฟอร์เนีย เขียนไว้ในนิตยสารเดอะดิโพลแมต “ในสถานที่แห่งนี้ ข้อพิพาทมากมายไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสันติ แต่ได้รับการแก้ไขผ่านการใช้ความรุนแรงและการคุกคามของจีน”

นายพาวเวลล์ได้กล่าวถึงความพยายามของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนในการใช้อํานาจในแหล่งก๊าซของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงการปิดล้อมและการรุกรานอื่น ๆ ในน่านน้ำฟิลิปปินส์

จีนอาจใช้การเจรจาเรื่องหลักปฏิบัติที่ยืดเยื้อเป็นฉากบังหน้าทางการเมืองพร้อมกับพยายามควบคุมพื้นที่กว้างใหญ่ที่ตนอ้างสิทธิ์ นายพาวเวลล์กล่าวเตือน

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button