รายงาน: เรือประมงจีนมีการบังคับใช้แรงงานอันดับต้น ๆ
เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศที่มีการบังคับใช้แรงงานบนเรือประมงอันดับต้น ๆ ของโลก ตามข้อมูลจากการศึกษาครั้งใหม่
รายงานดังกล่าวที่มีชื่อว่า “เครือข่ายมืด: การเปิดโปงผู้ที่อยู่เบื้องหลังการบังคับใช้แรงงานในกองเรือประมงพาณิชย์” โดยแนวร่วมความโปร่งใสทางการเงินแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มุ่งเน้นศึกษาเรือที่ปฏิบัติการในทะเลหลวงหรือภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะ 200 ไมล์ทะเลของประเทศอื่น รายงานดังกล่าวซึ่งออกมาในพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 พบว่าหนึ่งในสี่ของเรือประมงพาณิชย์ที่ต้องสงสัยว่าใช้แรงงานในทางที่ผิดเป็นเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน
องค์การแรงงานระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติประมาณการว่าชาวประมง 128,000 คนทั่วโลกถูกบีบบังคับให้ใช้แรงงานบนเรือ ตามรายงานเรื่อง “การประมาณการค้าทาสยุคใหม่ทั่วโลก” ใน พ.ศ. 2565 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าว “มีแนวโน้มว่าจะสะท้อนภาพปัญหาดังกล่าวได้น้อยกว่าความเป็นจริงอย่างมาก เนื่องด้วยสถานที่ทำงานที่แยกจากส่วนอื่น ๆ ทำให้การเข้าถึงชาวประมงที่ได้รับผลกระทบเป็นเรื่องยาก ในขณะที่ความเปราะบางอย่างมากที่มาพร้อมกับการทำงานในทะเล ตลอดจนความเสี่ยงของผลกระทบอาจทำให้ชาวประมงรู้สึกไม่เต็มใจที่จะรายงานและหารือเกี่ยวกับการละเมิด” รายงานดังกล่าวระบุ
เรือที่ติดธงจีนเป็นผู้กระทำผิดรายสำคัญของการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ตามรายงานของหน่วยจัดการทรัพยากรทางน้ำโพไซดอนและโครงการริเริ่มระดับโลกเพื่อต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางอาหาร เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และระบบนิเวศทางทะเลทั่วโลก
การปล้นทรัพยากรปะการัง หอย และปลาโดยจีนคือ “การโจรกรรมในระดับใหญ่และการทำสงครามที่ไร้ขีดจำกัดกับทรัพยากรธรรมชาติ” นายเควิน อีดีส นักวิเคราะห์ความมั่นคงทางทะเลของซีไลท์ ซึ่งเป็นโครงการของศูนย์นวัตกรรมความมั่นคงแห่งชาติ กอร์เดียน น็อต ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด เขียนไว้บนเว็บไซต์ของซีไลท์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 นายอีดีสตั้งข้อสังเกตว่า พล.ร.อ. ลินดา ฟาแกน ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาชายฝั่งของสหรัฐอเมริกา เรียกการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมของจีนว่าเป็น “การโจรกรรมทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ”
การทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุมมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับกองเรือประมงสากลที่ปฏิบัติงานในน่านน้ำสากลหรือน่านน้ำของประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงกองเรือของจีนซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เรือที่เกี่ยวข้องกับการประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม รับสมัครแรงงานจากประชากรกลุ่มที่เปราะบางและด้อยโอกาส ซึ่งอาจนำไปสู่การค้ามนุษย์และความรุนแรง รวมถึงการละเมิดสิทธิ์แรงงาน
แนวร่วมความโปร่งใสทางการเงินพบเรือ 475 ลำที่ต้องสงสัยว่ามีการบังคับใช้แรงงานตั้งแต่ พ.ศ. 2553 แม้ว่าจะไม่ทราบประเทศที่แน่นอนของเรือเหล่านั้นประมาณครึ่งหนึ่งเนื่องจากขาดความโปร่งใสและการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ
รายงานดังกล่าวระบุว่าบริษัท 77 แห่งที่ดำเนินธุรกิจเรือประมงพาณิชย์ภายใต้ธงจีนมีการบังคับใช้แรงงาน โดยระบุว่าบริษัทจีนสองแห่ง คือ บริษัท เจ้อเจียงไห่หรงโอเชียนฟิชเชอรี จำกัด และบริษัทผิงตันมารีนเอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นผู้กระทำผิดอันดับต้น ๆ เมื่อนับรวมกัน ทั้งสองบริษัทเป็นเจ้าของเรือที่ถูกกล่าวหาว่าพึ่งพาการบังคับใช้แรงงานทั้งสิ้น 17 ลำ
“เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นความเป็นจริงที่น่าใจหายของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเรือประมงพาณิชย์บางลำที่ออกทะเล และนี่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้เลย” นางเบธ โลเวลล์ รองประธานของกลุ่มอนุรักษ์โอเชียนาประจำสหรัฐฯ กล่าวกับดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส “อาหารทะเลมื้อค่ำไม่ควรแลกมาด้วยการบังคับใช้แรงงานและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบอื่น ๆ”