ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดเรื่องเด่นเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

การปราบปราม ข้ามชาติ

การตำรวจที่มีลักษณะแอบแฝงและบ่อยครั้งผิดกฎหมาย ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในต่างประเทศ นำมาซึ่งการถูกประณามจากนานาชาติ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติในเรื่องการละเมิดอธิปไตยของประเทศต่าง ๆ
ทั่วโลกผ่าน “สถานีบริการตำรวจในต่างประเทศ” ซึ่งเป็นสำนักงานลับที่จัดตั้งขึ้นในหลายกรณีโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากประเทศเจ้าบ้าน หรือโดยที่ประเทศเจ้าบ้านไม่ได้รับรู้ว่าตนกลายเป็นเจ้าบ้านให้แขกเหล่านี้โดยไม่รู้ตัว นักรณรงค์สิทธิกล่าวว่าสถานีตำรวจดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ติดตามและคุกคามผู้เห็นต่างที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ผลการสืบสวนเหล่านี้ได้จุดชนวนให้เกิดการสอบสวนตั้งแต่ยุโรปไปยังอินโดแปซิฟิกจนถึงอเมริกาเหนือ ซึ่งการค้นพบดังกล่าวก่อให้เกิดข้อหาทางอาญา

เซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ ซึ่งเป็นองค์การนอกภาครัฐที่ตั้งอยู่ในสเปนได้เผยว่ามีด่านตำรวจ 102 แห่งใน 53 ประเทศ การวิจัยของกลุ่มสิทธิมนุษยชนชี้ชัดให้เห็นถึงรายงานสาธารณะของจีนที่ระบุถึงการมีอยู่ของสถานีตำรวจดังกล่าวในทุกทวีปยกเว้นแอนตาร์กติกา และองค์การนอกภาครัฐก็ได้กล่าวว่าสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างประเทศที่คล้ายกันซึ่งมักเรียกว่า “ศูนย์บริการ” ในการรายงานของจีนก็มีส่วนเชื่อมโยงกับตำรวจในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในขณะที่ดูเหมือนว่าจีนจะมีการจัดทำข้อตกลงด้านการตำรวจกับประเทศจำนวนหนึ่ง รายงานจากสื่อสิบกว่าประเทศระบุว่า สำนักงานเหล่านั้นเปิดทำการอย่างลับ ๆ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศที่เป็นเจ้าบ้านให้กับหน่วยงานลักษณะดังกล่าวโดยไม่รู้ตัวมองว่าสำนักงานเช่นนี้ผิดกฎหมาย

พรรคคอมมิวนิสต์จีนยืนยันว่าสำนักงานเหล่านั้นให้บริการด้านการบริหารแก่พลเมืองจีนในต่างประเทศ เช่น การต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งหยุดชะงักไปเนื่องจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม รายงานจากทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน รวมถึงสื่อของรัฐและฝ่ายต่าง ๆ ชี้ให้เห็นว่าสำนักงานเหล่านี้มีมาก่อนภาวะการระบาดใหญ่แล้ว โดย “สำนักงานความมั่นคงสาธารณะ” ของสาธารณรัฐ-ประชาชนจีนได้เริ่มทำงานในด่านต่าง ๆ ตั้งแต่ต้น พ.ศ. 2559ตามรายงานของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้ระบุว่าชาวจีน 230,000 คน “ถูกเกลี้ยกล่อมให้กลับประเทศ” เพื่อรับข้อหาฉ้อโกงในคดีอาญาในจีน ในช่วงเวลาเพียงตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ถึงกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ในการทำความเข้าใจการรณรงค์เหล่านั้น กลุ่มสิทธิมนุษยชนได้วิเคราะห์ยุทธวิธีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งเป็นวิธีที่นักวิจัยพบหลักฐานเกี่ยวกับสถานีตำรวจลับนั้นเป็นครั้งแรกนางลอร่า ฮาร์ธ ผู้อำนวยการฝ่ายการรณรงค์ของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์กล่าวกับคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรแห่งแคนาดาในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2566 ทางกลุ่มสิทธิมนุษยชนระบุว่า “การกลับประเทศ” ที่จีนเรียกนั้นถือเป็น “วิธีการบังคับรูปแบบใหม่ให้ผู้คนกลับไปยังจีนอย่างไม่เต็มใจ และบ่อยครั้งก็ผิดกฎหมาย ซึ่งคนที่ถูกเรียกกลับไปส่วนใหญ่มักจะต้องเผชิญกับโทษจำคุก” ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าศาลจีนมีอัตราการพิพากษาลงโทษมากกว่าร้อยละ 99

นางลอร่า ฮาร์ธ ผู้อำนวยการฝ่ายการรณรงค์ของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ กล่าวว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้การขู่กรรโชก การดักจับ และการลักพาตัวในการส่งชาวจีน
กลับประเทศ ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

การตำรวจในต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นค่อนข้างมีปัญหา โดยส่วนหนึ่งเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานที่ยึดถือกันอย่างแพร่หลาย เช่น ความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม วิธีการเกลี้ยกล่อมของประเทศเผด็จการอย่างจีนนั้นยังรวมไปถึงการข่มขู่ กรรโชก และคุกคามเป้าหมายในต่างประเทศ ตลอดจนการกักขังญาติของพวกเขาที่อยู่ในจีน ตามรายงานของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ ในชื่อ “110 ต่างประเทศ: การตำรวจข้ามชาติของจีนที่บ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ”ซึ่งเกี่ยวกับ “สถานีบริการตำรวจ” ของจีนในต่างประเทศ ที่บางครั้งเรียกว่า “110 ต่างประเทศ” ตามหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของตำรวจแห่งชาติ องค์การนอกภาครัฐระบุว่า วิธีการเดียวกันนี้เป็นส่วนสำคัญของปฏิบัติการฟ็อกซ์ฮันท์และสกายเน็ตที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างแพร่หลายของพรรคคอมมิวนิสต์-จีนโดยเป็นโครงการระดับโลกในการจับกุมผู้ลี้ภัยชาวจีนที่ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าละเมิดกฎหมายของประเทศอธิปไตยและละเมิดสิทธิมนุษยชน

เป้าหมายคือเจ้าหน้าที่ของรัฐและนักธุรกิจที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต “แต่เป้าหมายเหล่านี้บางคนก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาถูกตั้งข้อหา” นายจอห์น เดเมอร์ส อดีตหัวหน้าแผนกความมั่นคงแห่งชาติที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวกับองค์กรข่าวโปรพับลิกาใน พ.ศ. 2564 “และเรายังทราบอีกด้วยว่า รัฐบาลจีนได้ใช้การรณรงค์ต่อต้านการทุจริตอย่างแพร่หลายมากขึ้นภายในประเทศโดยมีวัตถุประสงค์ทางการเมือง” นักวิจัยรายงานว่า ปฏิบัติการฟ็อกซ์ฮันท์มีความคาบเกี่ยวกับสถานีตำรวจในต่างประเทศที่ผิดกฎหมายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

“อบรม” และ “เกลี้ยกล่อม”

เซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับปฏิบัติการ “การเกลี้ยกล่อมให้กลับประเทศ” จำนวนมากที่มีส่วนเชื่อมโยงกับสถานีตำรวจของจีน:

• ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งกลับไปยังจีนหลังจากได้รับการ “อบรม” จากเจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงมาดริด ประเทศสเปนซึ่งทำงานร่วมกับตำรวจในเมืองชิงเทียน มณฑลเจ้อเจียงของจีนโดยตรง ตามรายงานของสื่อจีน

• เจ้าหน้าที่ที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบียที่ดำเนินการโดยตำรวจของเมืองชิงเทียนได้ติดต่อกับชาวจีนที่ถูกกล่าวหาว่าทำการโจรกรรม และได้ใช้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์วีแชทเพื่อการ “เกลี้ยกล่อม” ตามรายงานของสถานีวิทยุและโทรทัศน์อินเทอร์เน็ตเจ้อเจียงใน พ.ศ. 2562

• หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในปารีสที่ก่อตั้งโดยทางการเจ้อเจียงกล่าวกับสื่อจีนใน พ.ศ. 2564 ว่าเขา “ได้รับความไว้วางใจจากองค์การความมั่นคงสาธารณะภายในประเทศให้ช่วยเกลี้ยกล่อมอาชญากรที่หลบหนีเข้าไปยังฝรั่งเศสเป็นเวลาหลายปีให้กลับไปยังจีน โดยการไปเยือนหลายครั้ง”

• ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ตำรวจในมณฑลเจียงซูของจีนกล่าวว่า “สถานีตำรวจและสถานีการเชื่อมโยงในต่างประเทศ” ของจีนช่วยเหลือในด้านการจับกุมหรือเกลี้ยกล่อม“ผู้ต้องสงสัยคดีอาญา” 80 คนให้กลับไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนแม้รายงานจะไม่ได้ระบุว่าปฏิบัติการเหล่านั้นเกิดขึ้นที่ใดก็ตาม

การคุกคามข้ามชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนไม่ได้มีส่วนเชื่อมโยงกับด่านตำรวจที่ผิดกฎหมายไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายและนักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนได้บันทึกตัวอย่างอื่น ๆ ของการบีบบังคับในต่างประเทศ รายงานชื่อ “การกลับประเทศโดยไม่สมัครใจ”ประจำ พ.ศ. 2565 ของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ ได้รายงานถึงกรณีที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย แคนาดา เอเชียตะวันออก-เฉียงใต้ สหรัฐอเมริกา และที่อื่น ๆ โดยละเอียด โดยได้กล่าวกับแคนาเดียนบรอดแคสติง คอร์ปอเรชัน ว่าพบผู้ต้องสงสัยเจ็ดรายที่อาศัยอยู่ในแคนาดาซึ่งตกเป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยในหมู่คนเหล่านั้นยังรวมถึงอดีตผู้พิพากษาจีนที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริตหลังจากวิพากษ์วิจารณ์ระบบอาชญากรรมของจีน รายงานขององค์การนอกภาครัฐกล่าวว่า ตำรวจในจีนพยายามบังคับให้อดีตผู้พิพากษาคนดังกล่าวกลับประเทศด้วยการจับกุมตัวพี่สาวและลูกชายของเขาไว้

ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหาทางอาญากับพลเมืองจีนอย่างน้อย 51 คนและผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเชื่อมโยงกับจีนอีกสิบกว่าคน หลังจากที่เจ้าหน้าที่สืบสวนพบหลักฐานของขบวนการบังคับส่งกลับประเทศ การเฝ้าสังเกตการณ์ การคุกคาม และความพยายามที่จะบีบบังคับชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ โดยผู้ถูกกล่าวหาประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 40 คนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจีนเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นอีกอย่างน้อยหนึ่งคน และเจ้าหน้าที่ศาลในจีนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนหนึ่ง ได้แก่ พลเมืองสหรัฐฯ จากการแปลงสัญชาติซึ่งช่วยเป็นผู้นำในการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยใน พ.ศ. 2532 ที่กรุงปักกิ่ง ศิลปินและพลเมืองจีนที่วิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน และชาวอเมริกาเชื้อสายจีนที่เป็นผู้พักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรมทางการเงินในจีน

สำหรับในประเทศอื่น ๆ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ทำการลักพาตัวเป้าหมาย กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตที่ดำเนินการโดยจีนอนุญาตให้มี “มาตรการแบบใหม่” อย่างชัดเจน เช่น การลักพาตัวและการล่อให้กระทำผิด “พวกเขาอาจใช้การล่อจับหรือดักจับเป้าหมาย”นางฮาร์ธกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น “ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่ง่าย … ต่อการนำพาเป้าหมายเหล่านั้นกลับไปยังประเทศจีน เนื่องจากการคุ้มครองในกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้น ๆ มีอยู่อย่างตื้นเขิน ถึงกระนั้น พวกเขาก็อาจถึงขั้นใช้การลักพาตัว … ทางการจีนกล่าวอย่างชัดเจนว่า การลักพาตัวเป็นวิธีการที่ชอบ
ด้วยกฎหมายในการนำบุคคลกลับประเทศ”

องค์กรสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าได้ค้นพบสถานีตำรวจที่ผิดกฎหมายซึ่งมีส่วนเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีนในย่านแห่งนี้ของลอนดอน สถานเอกอัครราชทูตจีน
อ้างว่าได้ปิดสถานีตำรวจดังกล่าวในสหราชอาณาจักรทั้งหมดแล้ว เก็ตตี้อิมเมจ

การขยายการเข้าถึง

การขยายการเข้าถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนยอมรับว่าต้องการมีอำนาจเหนือบรรทัดฐานความมั่นคงทั่วโลกมากขึ้น และเชื่อว่ากระทรวงความมั่นคงสาธารณะของตนนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ได้มาซึ่งอำนาจ ศูนย์เพื่อความก้าวหน้าของอเมริกา ซึ่งเป็นสถาบันนโยบายที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ ระบุในรายงาน พ.ศ. 2565 เรื่อง “การขยายการเข้าถึงระหว่างประเทศของตำรวจจีน”
โดยระบุถึงการประชุมครั้งหนึ่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายได้รับการส่งเสริมให้ “เข้าใจลักษณะใหม่ของการปรับให้เป็นสากลของงานด้านความมั่นคงสาธารณะ” และอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งที่เรียกร้องให้มี “ระบบงานความร่วมมือระหว่างประเทศด้านความมั่นคงสาธารณะใหม่” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

รัฐบาลจีนมีข้อตกลงทางการตำรวจกับหลายประเทศ และมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงานของตำรวจนอกสาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างไรก็ตามปฏิบัติการลับของจีนนี้ดูเหมือนจะพุ่งเป้าไปยังการหลีกเลี่ยงกฎหมายและบรรทัดฐานทางประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันก็พยายามส่งออกระบอบ “การจัดการทางสังคม” ของจีนไปด้วย ยุทธศาสตร์ดังกล่าวขัดแย้งกับคำกล่าวซ้ำ ๆ ของจีนเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตยของตน “จีนถือเป็นผู้เชี่ยวชาญในการอ้างอำนาจอธิปไตยในดินแดน”นางฮาร์ธกล่าวกับซีเอ็นเอ็น “โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการอ้างอำนาจอธิปไตยเมื่อวิพากษ์วิจารณ์ผู้คนที่พูดถึงประวัติด้านสิทธิ-มนุษยชนของจีน”

การปฏิเสธพรรคคอมมิวนิสต์จีน

ในขณะเดียวกัน จีนก็ได้รับการปฏิเสธจากประเทศต่าง ๆ ที่จีนเสนอให้ขยายบทบาทการบังคับใช้กฎหมายอย่างเปิดเผย โดยหนึ่งในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกได้ขอย้อนกลับมาตั้งข้อพิจารณาสนธิสัญญาทางการตำรวจอีกครั้ง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 นายซิติเวนี ราบูกา นายกรัฐมนตรีฟิจิ ตั้งคำถามอย่างเปิดเผยถึงตรรกะในการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของจีน กองกำลังตำรวจฟิจิและกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของพรรคคอมมิวนิสต์จีนทำข้อตกลงร่วมกันเมื่อ พ.ศ. 2554 ว่าด้วยเจ้าหน้าที่ของฟิจิจะเข้ารับการฝึกอบรมในจีน ซึ่งจีนจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังฟิจิในโครงการที่ใช้เวลาสามถึงหกเดือน นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานตำรวจที่จะประจำการอยู่ในฟิจิอีกด้วย “เราไม่มีความจำเป็นที่จะดำเนินการข้อตกลงดังกล่าวต่อ” นายราบูกากล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะ ฟิจิ ไทมส์ ในช่วงต้น พ.ศ. 2566 “ระบบประชาธิปไตยและกระบวนการยุติธรรมของทั้งสองประเทศนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นเราจะกลับไปยึดมั่นกับประเทศที่มีระบบคล้ายกันกับเรา” เจ้าหน้าที่จากประเทศต่าง ๆ รวมถึงออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จะยังอยู่ในฟิจิ นายราบูกากล่าว นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังมุ่งมั่นที่จะขยายโครงการฝึกอบรมและเสริมสร้างขีดความสามารถในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ตามรายงานของกองกำลังตำรวจฟิจิในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ไม่นานหลังจากลงนามข้อตกลงด้านความมั่นคงที่เป็นความลับซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันกับหมู่เกาะโซโลมอนใน พ.ศ. 2565 รัฐบาลจีนก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมให้ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกจำนวนมากขึ้นลงนามในข้อตกลงระดับภูมิภาคที่จะครอบคลุมด้านการตำรวจ ความมั่นคงและความร่วมมืออื่น ๆ สองประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกที่ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลจีนหันมาขยายการเตรียมการด้านความปลอดภัยกับออสเตรเลียนับตั้งแต่นั้นมา วานูอาตูจะร่วมมือกับรัฐบาลออสเตรเลียในด้านการตำรวจ การบรรเทาภัยพิบัติ กลาโหม และการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งประกาศในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 เจ้าหน้าที่ระบุว่า สนธิสัญญาระหว่างออสเตรเลียกับปาปัวนิวกินีจะช่วยสร้างขีดความสามารถให้แก่ปาปัวนิวกินีในด้านต่าง ๆ เช่น การตำรวจ ความมั่นคงด้านสุขภาพ และการรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพ ไม่เพียงแค่นั้น ปาปัวนิวกินีและสหรัฐฯ ยังได้ทำข้อตกลงด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศในช่วงกลาง พ.ศ. 2566 เพื่อปกป้องเศรษฐกิจของปาปัวนิวกินีจากการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
จัดหาอุปกรณ์ป้องกัน และแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติตามรายงานของรอยเตอร์

นักวิจัยของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ กล่าวในช่วงปลาย พ.ศ. 2565 ว่ามีตำรวจจีนดำเนินการในสถานีลับในเมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ซึ่งได้ปิดตัวลงหลังจากนั้น ทางการสหราชอาณาจักรกล่าว เก็ตตี้อิมเมจ

การส่งเสียงของนานาชาติ

นางฮาร์ธแห่งเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ กล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรแห่งแคนาดาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ว่าประเทศที่ได้รับผลกระทบควรประณามการปราบปรามข้ามชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่อสาธารณะ เซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ เรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบกิจกรรมทางการตำรวจในต่างประเทศที่มีส่วนเชื่อมโยงกับพรรค-คอมมิวนิสต์จีน กำหนดกลไกการรายงานและการคุ้มครองสำหรับชุมชนที่มีความเสี่ยง รวมถึงประสานงานด้านการแบ่งปันข้อมูลระหว่างประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกัน นอกจากนี้ เซฟการ์ดดีเฟนเดอร์ ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาล “ทบทวนอย่างเร่งด่วนและอาจระงับ” ข้อตกลงด้านความร่วมมือทางการตำรวจกับจีนโดยหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกได้ลงมือดำเนินการ ดังนี้

• ตำรวจม้าของแคนาดายืนยันในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ว่ากำลังตรวจสอบสถานีตำรวจที่ดำเนินการโดยจีนห้าแห่ง
ทั่วประเทศ และชาวจีนที่อาศัยอยู่ในแคนาดาตกเป็นเหยื่อของกิจกรรมที่อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับศูนย์ดังกล่าว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เลอเจอร์นัลเดอมอนทรีออล

• ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 นายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่าญี่ปุ่น “จะดำเนินการตามขั้นตอน
ที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อชี้แจงสถานการณ์ดังกล่าว” หลังจากเกิดข้อกล่าวหาเกี่ยวกับด่านตำรวจของจีนในโตเกียว นายมัตสึโนะ
กล่าวว่า ญี่ปุ่นได้แจ้งทางการจีนว่ากิจกรรมใด ๆ ที่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่ “ไม่อาจยอมรับได้”ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์

• ทางการนิวซีแลนด์ได้ตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสถานีตำรวจของจีนแห่งหนึ่งที่ผิดกฎหมาย ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 โฆษกของพรรคกรีนกล่าวกับหนังสือพิมพ์นิวซีแลนด์เฮอรัลด์ว่าชาวนิวซีแลนด์เชื้อสายจีนได้รับคำเตือนว่ารัฐบาลจีนกำลังดำเนินการเฝ้าสังเกตการณ์ที่ด่านตำรวจลับ

• เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในเกาหลีใต้ รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบรายงานของสถานีตำรวจของจีนที่ถูกกล่าวหาว่าเข้ามาแอบแฝงในกรุงโซล ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป

• สหราชอาณาจักร “บอกกับสถานเอกอัครราชทูตจีนว่าหน้าที่ใด ๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ “สถานีบริการตำรวจ” ในสหราชอาณาจักรเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และต้องไม่มีการดำเนินการไม่ว่าจะในรูปแบบใด ๆ”นายทอม ทูเกนดัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งสหราช-อาณาจักร กล่าวในแถลงการณ์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566นายทูเกนดัตกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตจีนได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าสถานีตำรวจแห่งต่าง ๆ ได้ปิดทำการไปแล้ว

• ในสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ เอฟบีไอ ได้ยึดสิ่งของจากสถานีตำรวจของจีนที่ต้องสงสัยในนครนิวยอร์ก และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ได้ตั้งข้อหากับชายสองคนที่สมคบคิดเพื่อทำหน้าที่เป็นสายลับของรัฐบาลจีนที่เกี่ยวข้องกับการเปิดและปฏิบัติการของสถานีตำรวจที่ผิดกฎหมาย สำนักงานดังกล่าวปิดตัวลงในช่วงปลาย พ.ศ. 2565 หลังจากที่กลุ่มผู้ปฏิบัติการรับรู้เกี่ยวกับการสอบสวนตามรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ทางการออสเตรีย ชิลี สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกส สเปน และสวีเดนได้สืบสวนสถานีตำรวจอันต้องสงสัยของจีนที่ตั้งอยู่ในประเทศของตน นางฮาร์ธแห่งเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ กล่าวว่า มาตรการเหล่านั้นเป็นก้าวแรกที่ดี “ประการแรกคือการออกมาแสดงจุดยืนต่อทางการจีนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำ … แสดงให้ชัดเจนว่าเราคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดำเนินการอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ นี่เป็นสิ่งผิดกฎหมาย นี่เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของชาติและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างไร้ยางอาย” นางฮาร์ธกล่าวกับซีเอ็นเอ็น “ประการที่สองคือการสร้างแนวร่วม แบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด แบ่งปันข้อมูล และแบ่งปันข่าวกรอง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศประชาธิปไตยที่จะทำงานร่วมกันอย่างแท้จริง การบังคับใช้กฎหมายที่จะทำงานร่วมกัน และมารวมตัวกันในเรื่องนี้”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button