จีนยังคงแกล้งถ่วงเวลาในเรื่องหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ความพยายามที่ยาวนานนับทศวรรษในการสร้างหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าจีนยังคงดื้อรั้นและเจรจาด้วยได้ยาก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอาเซียนกล่าวว่า ข้อตกลงล่าสุดได้กำหนดแนวทางเพื่อเร่งการเจรจาเรื่องหลักปฏิบัติ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อตกลงใด ๆ ที่อาจช่วยลดความตึงเครียดหรือเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแห่งนี้ หลักปฏิบัติที่อาเซียนได้ผลักดันมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 (พ.ศ. 2533 – 2542) จะสร้าง”กฎข้อบังคับด้านความปลอดภัย” สําหรับการแก้ไขข้อพิพาทด้านดินแดนในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักสำหรับการค้าโลก เป็นแหล่งทำประมงที่ทำกำไรได้สูง และเป็นแหล่งน้ำมันจำนวนมาก
นักวิเคราะห์เตือนว่าจีนตั้งใจที่จะถ่วงเวลาเนื่องจากจีนพยายามที่จะแสวงหาผลประโยชน์ในภูมิภาค ก่อนที่จะยินยอมให้จัดทำกรอบการทำงานเพื่อเสถียรภาพในภูมิภาค นายประชันต์ ปรเมศวรัน นักวิจัยระดับโลกของโครงการเอเชียของศูนย์วิจัยวิลสันในสหรัฐอเมริการะบุว่า “จีนได้ถ่วงเวลาในข้อตกลงที่จะจํากัดเสรีภาพในการเคลื่อนไหวของตน” และใช้ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของตนในการอ้างสิทธิ์อย่างในพื้นที่อย่างกว้างขวาง
ประเด็นที่น่าสนใจในการอภิปรายคือการที่จีนคุกคามประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่องในน่านน้ำที่มีข้อพิพาท จีนอ้างสิทธิ์ในทะเลเกือบทั้งหมด แม้ว่าศาลระหว่างประเทศได้ตัดสินใน พ.ศ. 2559 ว่าการอ้างสิทธิ์นี้ไม่สอดคล้องกับหลักการทางกฎหมาย รัฐบาลจีนเพิกเฉยต่อคําตัดสินนี้ และทำการสกัดกั้นเรือประมงเป็นประจำ และพยายามปิดกั้นกิจกรรมทางทหารและการสํารวจโดย “การลาดตระเวน” เกือบทุกวันในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซียฟิลิปปินส์ และเวียดนามต่างมีการอ้างสิทธิ์ทางทะเลที่ทับซ้อนกันกับจีนในบริเวณดังกล่าว
การรุกรานของจีนต่อผู้อ้างสิทธิ์ที่เป็นคู่แข่งกันในทะเลจีนใต้ยังคงดําเนินต่อไปนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2523 – 2532) เฉพาะในปีที่ผ่านมา ฟิลิปปินส์เปิดเผยว่าเรือของกองทัพปลดปล่อยประชาชนลําหนึ่งได้ยิงเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานทางทหารไปยังเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้ลูกเรือสูญเสียทัศนวิสัยชั่วขณะ กองทัพปลดปล่อยประชาชนยังได้ยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงไปยังเรือฟิลิปปินส์ที่ขนส่งเสบียงให้กับทหารที่สันดอนโทมัสที่สอง และมีรายงานว่าชาวประมงเวียดนามได้รับบาดเจ็บหลังเกิดเหตุยิงปืนฉีดน้ำแรงดันสูงของกองทัพปลดปล่อยประชาชน
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2556 จีนได้สร้างเกาะเทียมในทะเลขึ้นมาเพื่อช่วยเสริมน้ำหนักให้กับการอ้างสิทธิ์อย่างกว้างขวางของตน ซึ่งเป็นการสร้างพื้นที่ใหม่ขึ้นมาอย่างน้อย 3,200 เอเคอร์ ตามรายงานของโครงการเพื่อความโปร่งใสทางทะเลในเอเชีย แม้ว่านายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เสริมกำลังทหารที่ด่านทหารชั้นนอก แต่ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นถึงระบบขีปนาวุธที่นำไปใช้ในหมู่เกาะสแปรตลีและหมู่เกาะพาราเซลที่เป็นข้อพิพาท ตามรายงานของเรดิโอฟรีเอเชียเมื่อต้น พ.ศ. 2566
สหรัฐฯ รักษาเสรีภาพในการเดินเรือในน่านน้ำสากลของทะเลจีนใต้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ สามารถบินเดินเรือ และปฏิบัติการผ่านพื้นที่ใดก็ตามโดยใช้สิทธิภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยสหรัฐฯ พันธมิตร และหุ้นส่วนรับรองถึงความเจริญรุ่งเรืองด้านเศรษฐกิจผ่านเส้นทางในทะเลที่ปลอดภัยและมั่นคง
ในขณะเดียวกัน ข้อเรียกร้องของจีนทำให้การเจรจาเรื่องหลักปฏิบัติดำเนินการช้าลง รัฐบาลจีนยืนยันว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่มีผลผูกพัน ซึ่งไม่อาจไม่เพียงพอต่อการรับประกันว่าจีนจะปฏิบัติตามหลักปฏิบัติ ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวเมดคอมดอทไอดีของอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ กลุ่มผู้เจรจาของจีนยังเรียกร้องให้มีมาตรการที่อนุญาตให้ผู้ลงนามในหลักปฏิบัติสามารถคัดค้านการฝึกซ้อมทางทะเลกับผู้ที่ไม่ได้ลงนาม ตามรายงานของนิตยสารเดอะ ดิโพลแมต ทว่าประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศก็ปฏิเสธที่จะยอมรับข้อกำหนดนี้ เนื่องจากจะต้องพึ่งพาหุ้นส่วนอย่างสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างระเบียบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาในอินโดแปซิฟิก
เหตุการณ์สำคัญในการผลักดันให้เกิดการจัดทำหลักปฏิบัติของอาเซียน:
พ.ศ. 2535: อาเซียนออกปฏิญญาว่าด้วยทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเอกสารฉบับแรกที่กล่าวถึงปฏิบัติการในน่านน้ำ
พ.ศ. 2539: อาเซียนเสนอให้มีหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ต่อจีน
มีนาคม พ.ศ. 2545: เริ่มมีการเจรจาเรื่องหลักปฏิบัติ
พฤศจิกายน พ.ศ. 2545: อาเซียนและจีนเห็นชอบในปฏิญญาว่าด้วยการดำเนินการของภาคีในทะเลจีนใต้ ซึ่งตัดโอกาสในการจัดทำหลักปฏิบัติอย่างเป็นทางการ ทุกฝ่ายให้คำมั่นว่าจะแก้ไขข้อโต้แย้งอย่างสันติและใช้ความยับยั้งชั่งใจ
มกราคม พ.ศ. 2556: ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้องจีนภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล รัฐบาลฟิลิปปินส์ขอให้ศาลระหว่างประเทศตัดสินว่ารัฐบาลจีนละเมิดสิทธิในดินแดนของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้หรือไม่
กันยายน พ.ศ. 2556: การหารือระหว่างอาเซียนและจีนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับหลักปฏิบัติได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
พ.ศ. 2558: นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะเสริมกำลังทหารบนเกาะเทียมในทะเลในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท
กรกฎาคม พ.ศ. 2559: ศาลระหว่างประเทศตัดสินให้การอ้างสิทธิ์ของจีนในพื้นที่ทะเลจีนใต้ร้อยละ 90 เป็นโมฆะ
พฤศจิกายน พ.ศ. 2559: ภาพถ่ายจากดาวเทียมแสดงให้เห็นระบบขีปนาวุธและอาวุธต่อสู้อากาศยานของกองทัพปลดปล่อยประชาชนบนเกาะเทียม ภายใน พ.ศ. 2566 ภาพดังกล่าวจะแสดงให้เห็นว่าจีนได้เสริมกำลังทหารในหมู่เกาะพาราเซลและหมู่เกาะสแปรตลีที่เป็นข้อพิพาท
พ.ศ. 2560: อาเซียนและจีนประกาศ “กรอบการทำงานฉบับร่างเรื่องหลักปฏิบัติ”
พ.ศ. 2561: อาเซียนและจีนเผยแพร่ “วาระแรกของร่างข้อความเจรจา” นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนในสมัยนั้น ให้คำมั่นว่าหลักปฏิบัติดังกล่าวจะเสร็จสมบูรณ์ภายในสามปี
พ.ศ. 2564: เนื่องจากการเจรจาเรื่องหลักปฏิบัติหยุดชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จีนจึงผ่านกฎหมายที่อนุญาตให้ใช้กำลังกับผู้ละเมิดอธิปไตยทางทะเลที่รัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์
พ.ศ. 2566: อาเซียนและจีนเห็นพ้องกันเกี่ยวกับแนวทางใหม่ในการเร่งการเจรจา ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายที่จะจัดทำหลักปฏิบัติให้เสร็จสมบูรณ์ภายในสามปี ตามรายงานของแอนทารานิวส์ของอินโดนีเซีย