ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ร่วมมือกันพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง

ฟีลิกซ์ คิม
ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาได้เริ่มการลงทุนร่วมเพื่อต่อต้านภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงจากประเทศต่าง ๆ เช่น เกาหลีเหนือ สาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซีย ความพยายามร่วมกันนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบขีปนาวุธที่สามารถสกัดกั้นอาวุธความเร็วเหนือเสียงในระยะร่อน ซึ่งแสดงถึงการรุดหน้าที่สำคัญของเทคโนโลยีด้านกลาโหม
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เปิดตัวโครงการพัฒนาความร่วมมือระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อน เมื่อช่วงกลางเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 หลังจากการหารือระหว่างการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของพันธมิตร (2+2) เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566
การอุบัติขึ้นของขีดความสามารถเหนือเสียงที่ใช้เพื่อการโจมตี ถือเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค
ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงซึ่งสามารถเดินทางได้เร็วกว่าเสียงถึงห้าเท่า หรือเร็วกว่า 6,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สร้างความท้าทายให้แก่ระบบป้องกันขีปนาวุธทั่วไป ด้วยความเร็วสูง ความคล่องตัว และแนวโคจรในระดับต่ำ ทำให้ขีปนาวุธยากต่อการติดตามและสกัดกั้นด้วยระบบเรดาร์แบบดั้งเดิม โครงการระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนได้รับการออกแบบมาเพื่อทำลายขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงขณะอยู่ในระยะร่อน ซึ่งเป็นระยะการโคจรตั้งแต่การยิงจนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ และเป็นระยะที่ขีปนาวุธถูกทำลายได้ง่ายที่สุด
ความร่วมมือพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนของรัฐบาลญี่ปุ่นและรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธซ้ำแล้วซ้ำเล่าของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีขีปนาวุธ ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่น กิจกรรมทางทหารที่เข้มข้นขึ้นของจีนในอินโดแปซิฟิก รวมถึงการซ้อมรบร่วมกับรัสเซียได้สร้างความตื่นตัวเช่นกัน
โครงการระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนเป็นการพัฒนาขีปนาวุธสกัดกั้นร่วมกันครั้งที่สองของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากขีปนาวุธมาตรฐาน (เอสเอ็ม)-3 บล็อก 2เอ ที่เป็นรุ่นถัดมาจาก เอสเอ็ม-3 บล็อก 1เอ ซึ่งพัฒนาโดยสหรัฐฯ แต่เพียงผู้เดียว
ในขั้นต้นญี่ปุ่นได้พิจารณายกระดับระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่เพื่อจัดการกับภัยคุกคามที่เกิดจากอาวุธความเร็วเหนือเสียง เช่น ขีปนาวุธนำวิถีพิสัยกลางจากพื้นดินสู่อากาศประเภท-03 ของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น และระบบสกัดกั้นขีปนาวุธมาตรฐาน-6 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น ตามรายงานของสำนักข่าวเกียวโด ส่วนใหญ่แล้วระบบเหล่านั้นมุ่งเน้นที่การสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะสุดท้าย อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถในการยิงขีปนาวุธให้ตกในระยะร่อน
นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังกำลังพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธแบบยิงจากเรือพิฆาตเอจิส เพื่อต่อต้านอาวุธความเร็วเหนือเสียงในระยะร่อน ซึ่งอาจนำมาประสานกับโครงการพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนนี้ได้
โครงการพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนนี้สอดคล้องกับบันทึกความเข้าใจระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น พ.ศ. 2566 เกี่ยวกับโครงการวิจัย พัฒนา ทดสอบ และประเมินผล ซึ่งพยายามเพิ่มขีดความสามารถในการป้องปรามของพันธมิตร ตามรายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา
หน่วยงานป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ เป็นผู้นำโครงการพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนร่วมกับบริษัทด้านกลาโหม เช่น เรย์ธีออนและนอร์ทรอป กรัมแมน
“การพัฒนาขีดความสามารถในการต่อต้านอาวุธความเร็วเหนือเสียงเป็นความจำเป็นเร่งด่วนสำหรับทั้งสองประเทศ เพื่อรับมือกับความท้าทายในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการอุบัติขึ้นของขีดความสามารถเหนือเสียงที่ใช้เพื่อการโจมตีและขีปนาวุธที่ซับซ้อนอื่น ๆ สำหรับการกระทำที่อาจเป็นการบีบบังคับ” กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริการะบุ “การร่วมกันพัฒนาระบบสกัดกั้นขีปนาวุธในระยะร่อนจะเป็นการต่อยอดจากความร่วมมือด้านการป้องกันขีปนาวุธระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นที่มีมายาวนาน และเสริมความแข็งแกร่งให้จุดยืนการป้องปรามของพันธมิตร”
ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวของ ฟอรัม ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้