ความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสิงคโปร์และเวียดนามเฟื่องฟูขึ้นตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา
ทอม แอบกี
ทางการรายงานว่า ความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างสิงคโปร์และเวียดนามมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ยั่งยืน อีกทั้งยังเสริมสร้างความไว้วางใจและความมุ่งมั่นต่อกันในการรักษาเสถียรภาพระดับภูมิภาคให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สิงคโปร์และเวียดนามรำลึกครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตและความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่มีมานานนับทศวรรษ
ในการแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในรอบ 50 ปี พ.อ. เบอร์นาร์ด อึ้ง หยู่ หลง ผู้ช่วยทูต ฝ่ายกลาโหมของสิงคโปร์ประจำเวียดนาม ได้เน้นย้ำถึงพัฒนาการของความสัมพันธ์ด้านกลาโหมของทั้งสองประเทศ “เราเป็นมิตรกันมายาวนานและเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดในหลายด้านทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ซึ่งนี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร้แบบแผน ทว่าเป็นผลลัพธ์ของการคงไว้ซึ่งการแลกเปลี่ยนกันในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับรัฐบาลและธุรกิจไปจนถึงระดับประชาชน” พ.อ. เบอร์นาร์ดกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการบ่มเพาะความไว้วางใจระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับความท้าทายที่มีร่วมกัน ท่ามกลางสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้จากทั่วโลก
พ.อ. เบอร์นาร์ดแสดงความคิดเห็นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ จะไปเยือนเวียดนามเป็นเวลาสามวัน ซึ่งนายลีได้เข้าพบกับนายฝั่ม มิญ จิ๊ญ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ รวมถึงเป็นสักขีพยานในการลงนามในข้อตกลงด้านความร่วมมือ ตามรายงานข่าว
ทางการระบุว่า ความร่วมมือทวิภาคีเฟื่องฟูขึ้นผ่านกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุม โดยมีความสัมพันธ์ด้านกลาโหมเป็นเสาหลักที่ขาดไม่ได้ ความสำเร็จที่สำคัญของการทำงานร่วมกัน ได้แก่ การแลกเปลี่ยนคณะผู้แทน การฝึกอบรมด้านทรัพยากรมนุษย์ และการเจรจาพูดคุยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สิงคโปร์และเวียดนามยังมีส่วนร่วมในกลไกความร่วมมือด้านกลาโหมระดับภูมิภาค เช่น การประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
กระทรวงกลาโหมของสิงคโปร์ระบุว่า สิงคโปร์และเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นกรอบการทำงานสำหรับยกระดับความร่วมมือและการเสริมสร้างความมุ่งมั่นที่มีร่วมกัน รวมถึงปูทางสำหรับความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พล.อ. ฝ่าน แวน เกียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเวียดนาม และนายอึ้ง เอ็ง เฮ็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสิงคโปร์ ได้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของประเทศต่าง ๆ ที่มีต่อความร่วมมือของทั้งสองประเทศ
ในการเจรจานโยบายกลาโหมระหว่างสิงคโปร์และเวียดนามครั้งที่ 13 เมื่อปลาย พ.ศ. 2565 เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงจากแต่ละประเทศได้สรุปแผนการที่ครอบคลุมไปจนถึง พ.ศ. 2568 เพื่อขยายความร่วมมือในพื้นที่สำคัญต่าง ๆ เช่น การฝึกอบรม การฝึกร่วมของกองทัพเรือ และประสานงานการตอบสนองต่อความท้าทายที่เกิดขึ้น
ในฐานะรัฐที่อยู่ติดทะเลที่พึ่งพาการค้าและทรัพยากรทางทะเล เวียดนามและสิงคโปร์จึงมีผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ร่วมกันในการรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและการบินผ่านน่านฟ้าในทะเลจีนใต้ ตามรายงานของสถาบันเอเชียอาคเนย์ศึกษา ยูซุฟ อิซฮัก ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์ นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังตั้งมั่นที่จะรับประกันว่า ประเทศต่าง ๆ จะปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศในน่านน้ำที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล
การรำลึกถึงความสัมพันธ์ทางการทูตในช่วงครึ่งศตวรรษของทั้งสองประเทศนั้นประกอบด้วยการมาเยือนของเรือ อาร์เอสเอส เพอร์ซิสเทนซ์ ของกองทัพเรือสิงคโปร์ ที่จังหวัดคั้ญฮหว่า ประเทศเวียดนาม เพื่อทำการฝึกในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 และการมีส่วนร่วมของเรือฟริเกต เจิ่นฮึงเดา ของกองทัพเรือเวียดนาม ในการฝึกทางทะเลระหว่างประเทศในอาเซียนและอินเดีย รวมถึงนิทรรศการและการประชุมการป้องกันทางทะเลในในสิงคโปร์เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566
ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์