ความร่วมมือทรัพยากรส่วนรวมของโลก

เพกัซ 23 สนับสนุนบทบาทของฝรั่งเศสในอินโดแปซิฟิก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

มีสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อเวลาพลบค่ำของวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 เรือท่องเที่ยวจับสัตว์น้ำที่มีคนอยู่บนเรือ 11 คนลอยอยู่ในทะเลที่มีคลื่นลมแรงทางตะวันตกของโรตา ซึ่งเป็นเกาะที่อยู่ห่างจากกวมไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเบนเหนือประมาณ 74 กิโลเมตร

ลูกเรือของกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศสกำลังอยู่ในช่วงเสร็จสิ้นการฝึกอบรมโมบิลิตี้การ์เดียน 23 กับลูกเรือจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ การฝึกซ้อมในกวมได้ให้การสนับสนุนเพกัซ 23 ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นภารกิจระยะเวลาเกือบหกสัปดาห์ที่มุ่งแสดงและปรับปรุงความสามารถของประเทศในยุโรปในการปกป้องดินแดนและพลเมืองในอินโดแปซิฟิกที่กว้างใหญ่

ทหารอากาศฝรั่งเศสได้ตอบสนองต่อการส่งสัญญาณฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว และนำเครื่องบินขนส่งแอร์บัส เอ400เอ็ม ขึ้นบินในทันที ในอีก 20 นาทีต่อมา พวกเขาได้พบเรือยาว 21 ฟุตที่กําลังประสบภัย และคอยให้การสื่อสารในระยะที่มองเห็นได้ประมาณห้าชั่วโมง จนกระทั่งเครื่องบินของกองทัพอากาศแคนาดาได้ช่วยชีวิตลูกเรือประมาณช่วงเที่ยงคืน จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้ช่วยชีวิตลูกเรือเหล่านี้ในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา

“เราดำเนินการฝึกซ้อมร่วมกับหุ้นส่วนของเรา และสุดท้ายเราก็ได้ให้การช่วยเหลือผู้คนจริง ๆ” นักบินของ เอ400เอ็ม กล่าว

การช่วยเหลือในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าจดจำของเพกัซ 23 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สี่นับตั้งแต่ พ.ศ. 2561 เครื่องบินของฝรั่งเศสสิบเก้าลำ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ราฟาลสิบลำ เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง/ขนส่ง เอ330 เอ็มอาร์ทีที ห้าลำ และเครื่องบิน เอ400เอ็ม สี่ลำ พร้อมด้วยทหารอากาศทั้งชายและหญิง 320 คนได้เข้าร่วมในภารกิจประจำ พ.ศ. 2566 นี้ เครื่องบินของฝรั่งเศสเหล่านี้ได้เดินทางไปเยือนประเทศต่าง ๆ 10 ประเทศเพื่อพัฒนาความสามารถในการทำงานร่วมกันกับกองทัพอากาศต่างประเทศ 14 แห่ง ภารกิจนี้ยังรวมถึงการเข้าร่วมการฝึกซ้อมโมบิลิตี้การ์เดียน นอร์ทเทิร์นเอดจ์ และทาลิสมันเซเบอร์

“เครื่องบินของฝรั่งเศสทั้งสามรุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการปฏิบัติงานแบบอเนกประสงค์และยังส่งเสริมกันและกัน” พล.จ. มาร์ค เลอ บัวล์ ผู้บัญชาการภารกิจเพกัซ 23 กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ของกองบัญชาการกองทัพอากาศพันธมิตรนาโต “ในขณะที่เครื่องบินราฟาลมีแสนยานุภาพทางอากาศที่รวดเร็ว แข็งแกร่ง และพิสัยไกล เครื่องบินเอ็มอาร์ทีทีก็ขยายขอบเขตและความครอบคลุมของสินทรัพย์ของเรามากขึ้น และเครื่องบิน เอ400เอ็ม ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นและเป็นอิสระของกองกำลัง”

เครื่องบินรบของฝรั่งเศส ราฟาล (ซ้าย) และเครื่องบินแอร์บัส เอ400เอ็ม เดินทางมาถึงฐานทัพอากาศจาการ์ตาเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเพกัซ 23 ภาพจาก: รอยเตอร์

ภารกิจเพกัซ 23 มีจุดแวะพักที่จิบูตี กวม ฮาวาย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย กาตาร์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเฟรนช์โปลินีเซียและนิวแคลิโดเนีย ที่เป็นดินแดนของฝรั่งเศส ตามรายงานของนิตยสารเอเชียนดีเฟนส์เจอร์นัล

“ภารกิจเพกัซ พ.ศ. 2566 แสดงให้เห็นถึงความสามารถของกองทัพฝรั่งเศสในการส่งกองกำลังทางอากาศที่แข็งแกร่งจากฝรั่งเศสไปยังอินโดแปซิฟิกภายในเวลาน้อยกว่า 30 ชั่วโมง” นางมินห์ดิ ถัง เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสิงคโปร์ กล่าว ตามรายงานของมิลิทารีเอวิเอชันโฟโทกราฟฟีสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม “นี่เป็นการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือของเราในฐานะหุ้นส่วน ตลอดจนขีดความสามารถของเราในการปกป้องดินแดนโพ้นทะเลของเราในมหาสมุทรแปซิฟิก”

ฝรั่งเศสมีบทบาทที่มั่นคงในอินโดแปซิฟิก นอกจากดินแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษมากมายที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 8 ล้านตารางกิโลเมตรแล้ว ยังมีพลเมืองชาวฝรั่งเศสประมาณ 550,000 คนอาศัยอยู่ในดินแดนของฝรั่งเศสในภูมิภาคนี้ กองกำลังทหารฝรั่งเศสกว่า 6,000 นายประจำการอยู่ในอินโดแปซิฟิก นายแอมานุเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งได้เดินทางไปเยือนภูมิภาคนี้เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2566 ได้กล่าวว่าฝรั่งเศสเป็นมหาอำนาจในอินโดแปซิฟิก

ภารกิจเพกัซ 23 เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนถึง 3 สิงหาคมโดยแบ่งเป็น 3 ระยะหลัก กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสระบุ

  • ระยะที่ 1: หลังจากแวะพักที่ฐานทัพอากาศอัลดาฟราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เครื่องบินของฝรั่งเศสได้แยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบินไปมาเลเซียและอีกกลุ่มบินไปสิงคโปร์
  • ระยะที่ 2: เครื่องบินและลูกเรือพร้อมด้วยพันธมิตรระดับภูมิภาค เข้าร่วมการฝึกซ้อมขนาดใหญ่ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ได้แก่ โมบิลิตี้การ์เดียน พ.ศ. 2566 และนอร์ทเทิร์นเอดจ์ 23-2 โดยมีสถานที่ฝึกซ้อมทั่วอินโดแปซิฟิก รวมทั้งเกาะกวมและปาเลา ในขณะเดียวกัน มีการส่งฝูงบินของฝรั่งเศสบางส่วนไปประจำการที่เฟรนช์โปลินีเซียและนิวแคลิโดเนีย
  • ระยะที่สาม: เครื่องบินของฝรั่งเศสแวะพักที่อินโดนีเซียในช่วงการฝึกซ้อมทาลิสมันเซเบอร์ พ.ศ. 2566 จากนั้นจึงแวะพักที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก่อนที่จะเดินทางกลับไปยังฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ผ่านจิบูตีและกาตาร์

โดยมีการฝึกอบรมร่วมกับกองกำลังพันธมิตรทุกครั้งที่แวะพัก “เรามีความร่วมมือทางทหารระหว่างกองกำลังทางอากาศและอวกาศในการปฏิบัติภารกิจเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ การปฏิบัติการทางอากาศร่วมกันระหว่างเครื่องบินรบ และการซ่อมบำรุงข้ามฝ่ายในเครื่องบินรุ่นต่าง ๆ ของเรา” พล.จ. เลอ บัวล์กล่าว ตามรายงานของมิลิทารีเอวิเอชันโฟโทกราฟฟีสิงคโปร์ “ประเด็นที่สอง เรามีการประชุมโต๊ะกลมรวมถึงการหารือ และประเด็นสุดท้ายในแง่ของความร่วมมือ ผมจะขอให้มีการแลกเปลี่ยนในด้านอื่น ๆ เช่น สถาบันวิจัย เพื่อแสดงมุมมองของเราและเข้าใจวิธีที่ผู้คนในอินโดแปซิฟิกต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกัน”

ภารกิจเพกัซ 23 เกิดขึ้นหลังจากการฝึกซ้อมครัวซ์ดูซุด 23 ที่นำโดยฝรั่งเศสในนิวแคลิโดเนีย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารมากกว่า 3,000 คนจาก 19 ประเทศเข้าร่วมการฝึกอบรมการเอาชีวิตรอด การต่อสู้ ตลอดจนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการรับมือภัยพิบัติเป็นระยะเวลาสองสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนเมษายนและต้นเดือนพฤษภาคม

ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศในยุโรปที่หันมาให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้มากขึ้น “ยุโรปและอินโดแปซิฟิกมีความคล้ายคลึงกันหลายประการท่ามกลางความท้าทายที่เราเผชิญ” สหภาพยุโรประบุเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 “ห่วงโซ่อุปทานตึงตัว อัตราเงินเฟ้อไร้เสถียรภาพ ความไม่มั่นคงด้านพลังงาน การแข่งขันทางเทคโนโลยี การแพร่กระจายของการบิดเบือนข้อมูล และการคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ กล่าวคือ อนาคตของยุโรปและอินโดแปซิฟิกนั้นเชื่อมโยงกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และผลประโยชน์ของเราก็สอดคล้องกันในหลาย ๆ ด้าน”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button