สงคราม ทางการเมือง ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
การต่อสู้แบบอัตถิภาวนิยมของมนุษย์สำหรับพันธมิตร หุ้นส่วน และประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกัน

ศาสตราจารย์ เคอร์รี่ เค. เกอร์ชาเน็ก
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนกำลังทำสงครามแบบอัตถิภาวนิยมกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นสงครามเพื่อที่จะควบคุมอำนาจทั่วโลก และพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนปรารถนาที่จะได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องต่อสู้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้อย่างรุนแรงครั้งใหญ่นั้น
กุญแจสำคัญในยุทธศาสตร์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน คือการทำให้แน่ใจว่าประเทศเป้าหมายจะไม่ตอบโต้กลับหรือไม่สามารถโต้กลับได้
ด้วยเหตุนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนจึงมีส่วนร่วมในสงครามทางการเมืองทั่วโลกเพื่อกำหนดเรื่องราว การรับรู้ และนโยบายในการปกป้องอำนาจของพรรค ตลอดจนเพื่อให้บรรลุความทะเยอทะยานทางภูมิรัฐศาสตร์และการมีอำนาจครอบงำ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนใช้สงครามทางการเมืองกับทุกประเทศในอินโดแปซิฟิก รวมไปถึงทั่วทั้งยุโรป แอฟริกา และอเมริกา อีกทั้งยังได้ต่อสู้ผ่านสงครามดังกล่าวนี้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยใช้วิธีการหลอกลวงต่าง ๆ นานา ซึ่งยากต่อการตรวจจับ
หัวใจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนคือการทำลายอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพทางการเมืองของประเทศอื่น ๆ โดยได้พยายามที่จะปฏิบัติตามความมุ่งมั่นในการควบคุมความคิดและพฤติกรรมที่ผู้นำเผด็จการยุคแรกสุดของจีนและพวกเผด็จการที่รุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 20 ใฝ่ฝันไว้ ความรุนแรงและการข่มขู่นับเป็นกุญแจสำคัญของสงครามทางการเมืองนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านการปราบปรามอย่างโหดร้ายต่อการชุมนุมประท้วงด้วยความสงบทั่วประเทศจีนเกี่ยวกับนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และการประท้วงเพื่อประชาธิปไตยของฮ่องกง ตลอดจนการเผชิญหน้าเพื่อต่อสู้ของกองกำลังพลเรือนติดอาวุธทางทะเลของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและกองกำลังติดอาวุธอื่น ๆ กับประเทศและดินแดนต่าง ๆ เพื่อยืนกรานต่อการควบคุมน่านน้ำและน่านฟ้าระหว่างประเทศ
ณ การประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้รวบรวมอำนาจของตนอย่างเต็มที่ ในการกล่าวสุนทรพจน์ในตอนท้าย นายสีได้ระบุอย่างชัดเจนว่าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนมีความตั้งใจที่จะเร่งรัดให้เกิดสงครามที่ตึงเครียดนี้อยู่แล้ว เพื่อให้บรรลุ “ความฝันของจีน” ที่ต้องการแผ่ขยายออกไปเพื่อฟื้นฟูประเทศภายใต้เงื่อนไขเผด็จการของเขา
อันตรายที่เกิดจากการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ประเทศเป้าหมาย โดยเฉพาะสหรัฐอเมริการวมถึงประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วน จะต้องเข้าใจลักษณะและขอบเขตของการทำสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเพื่อที่จะตรวจจับ ป้องปราม ตอบโต้ และเอาชนะให้ได้ หากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ก็จะนับเป็นภัยพิบัติซึ่งส่งผลให้เกิดการสูญเสียอำนาจอธิปไตย ทรัพยากร และเสรีภาพ

สงครามทางการเมืองที่เป็นการปราบปรามภายประเทศ
ในการปราบปรามภายในอย่างโหดร้ายเป็นรูปแบบหนึ่งของสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ซึ่งรวมไปถึงการกดขี่ทางศาสนาและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในภูมิภาคซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนกำลังพยายามที่จะทำลายวัฒนธรรมอุยกูร์ โดยส่วนหนึ่งได้ทำการกักขังชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยมุสลิมมากถึง 3 ล้านคนในค่ายปรับทัศนคติ
นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังสั่งจำคุกผู้ประกอบศาสนกิจหลายหมื่นคนเพื่อปรับให้สังคมกลายเป็นจีน หลายคนถูกทรมานและเสียชีวิตจากการทารุณ การผ่าตัดนำอวัยวะออก หรือการทารุณกรรมอื่น ๆ ผู้คนอีกนับล้านที่ไม่ถูกคุมขังยังคงเผชิญกับการข่มเหงอย่างไม่ลดละ เช่น การทรมานด้วยการช็อตไฟฟ้าและการเฆี่ยนตีในบ้าน การสูญเสียทรัพย์สิน และการปลูกฝังความเชื่อแบบบีบบังคับเพื่อเป็นการลงโทษ “ภัยคุกคามร้ายแรงที่สุดต่ออนาคตของเสรีภาพในการนับถือศาสนาคือสงครามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนต่อผู้คนจากทุกศาสนาไม่ว่าจะเป็น ชาวมุสลิม ชาวพุทธ ชาวคริสต์ และกลุ่มฝ่าหลุนกง” นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวระหว่างปราศรัยในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564
การเปิดเผย “ไชน่า เคเบิลส์” ที่เป็นความลับของสาธารณรัฐประชาชนจีนใน พ.ศ. 2562 และ “แฟ้มตำรวจซินเจียง” ใน พ.ศ. 2563 พิสูจน์ให้เห็นถึงความโหดร้ายทารุณต่อชาวอุยกูร์ อาทิ การข่มขืน การบังคับทำหมันและการทำแท้ง การทรมานทางร่างกายและจิตใจ ตลอดจนการเข่นฆ่า เอกสารที่รั่วไหลดังกล่าว ซึ่งอธิบายถึงการทำงานภายในของค่ายกักกัน ยังชี้ให้เห็นถึงบทบาทของนายสีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในการกำหนดนโยบายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
อย่างไรก็ตาม การกระทำเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ชื่อว่ากดขี่ข่มเหงชาวจีนอย่างโหดเหี้ยมมานานนับศตวรรษ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนมีส่วนรับผิดชอบต่อยุคสมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว โดยเริ่มจากการพิชิตจีนใน พ.ศ. 2492 การใช้นโยบายก้าวกระโดดครั้งใหญ่ (พ.ศ. 2501 – 2505) การปฏิวัติทางวัฒนธรรม (พ.ศ. 2509 – 2519) และความโหดร้ายอื่น ๆ เช่น โศกนาฏกรรมที่จัตุรัสเทียนอันเหมินใน พ.ศ. 2532 เมื่อกองทัพปลดปล่อยประชาชนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนสังหารหมู่พลเรือนหลังจากนักศึกษาออกมาเรียกร้องเสรีภาพ นักประวัติศาสตร์คาดการณ์ว่าชาวจีนมากถึง 100 ล้านคนเสียชีวิตจากการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังได้ดำเนินการกลืนกลายทางวัฒนธรรมของทิเบตมานานกว่าศตวรรษ ภายใต้การนำของนายสี พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้รื้อฟื้นการรณรงค์ด้วยการใช้กฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่มุ่งหมายให้ประชากรชาวทิเบตค่อย ๆ กลายเป็นชาวฮั่น ตลอดจนการบ่อนทำลายวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของทิเบต กิจกรรมล่าสุดของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในการลิดรอนการศึกษา วัฒนธรรม และภาษามองโกเลียแบบดั้งเดิมในมองโกเลียชั้นใน ถือเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความพยายามของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในการบังคับกลืนกลายวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติการก่อการร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในประเทศจีน ในเอกสารอ้างอิงถูกเซ็นเซอร์ออกเป็นจำนวนมาก และผู้คนเสี่ยงต่อการถูกจำคุกแม้กระทั่งเพียงพูดถึงเรื่องดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน ภายนอกประเทศจีน พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อไปทั่วโลก โดยอ้างว่าข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการประหัตประหารนั้นเป็น “คำโกหกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษ” และสะท้อนให้เห็นถึง “ความเห็นแก่ตัวและอคติที่ฝังรากลึกต่อจีน” ของประเทศทางตะวันตก
การเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อจำนวนมาก และการปลูกฝังอย่างไม่ลดละ เป็นดั่งห้องสะท้อนเสียงที่ร้ายกาจสำหรับชาวจีน ซึ่งหลายคนยอมรับแนวทางการศึกษาด้านความรักชาติ ซึ่งปลูกฝังความเกลียดชังและความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ ผลลัพธ์ประการหนึ่งคือการที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนใช้นักเรียนที่มีแนวคิดชาตินิยมจำนวนมากเป็นอาวุธโดยการส่งนักเรียนเหล่านั้นไปยังมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ซึ่งมีการเผยแพร่เรื่องเล่าของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนและพยายามที่จะสกัดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์จีน

การใช้นิติสงครามเป็นอาวุธ
กฎหมายสงครามหรือนิติสงครามเป็นอีกหนึ่งอาวุธสำคัญในคลังแสงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ใน พ.ศ. 2558 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้จับกุมและคุมขังทนายความ ผู้ช่วยกฎหมาย และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ยึดถือกฎเกณฑ์ของจีน ตลอดจนพยายามใช้ระบบกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิที่ได้รับการรับรองเพียงในนาม ข้อหาดังกล่าวยังรวมไปถึงความผิดที่คลุมเครือ เช่น “การยุยงให้เกิดการทะเลาะวิวาท” หลายคนยังคงถูกคุมขังอยู่
เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 2563 ที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ในการปราบปรามเสรีภาพของฮ่องกง และการคัดค้านที่อาจเกิดขึ้นกับพรรค นักข่าว อดีตฝ่ายนิติบัญญัติ และนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย เป็นส่วนหนึ่งของผู้ที่ถูกจับกุมและถูกคุมขัง นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังพยายามใช้นิติสงครามเพื่อบ่อนทำลายระบบการเลือกตั้งของฮ่องกง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้โน้มน้าวให้เกิดการปราบปรามโดยใช้นิติสงครามทั้งภายในและทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบทางจิตวิทยาอย่างมากต่อประชาชนชาวจีน ชาวจีนพลัดถิ่น และประชาชนชาวไต้หวัน รวมถึงชนชาติอื่น ๆ
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังได้จัดตั้งสถานีตำรวจมากกว่า 100 แห่งในประเทศอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตจากประเทศนั้น ๆ ก็ตาม ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ของจีน เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนประจำสถานีตำรวจดังกล่าวได้ทำการเฝ้าติดตาม ก่อกวน รวมถึงในบางกรณีก็บังคับให้ส่งผู้ต่อต้านชาวจีนและผู้ลี้ภัยอื่น ๆ กลับประเทศ การกระทำดังกล่าว ได้แก่ ปฏิบัติการฟ็อกซ์ ฮันท์ และปฏิบัติการสกายเน็ต ซึ่งเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของจีนได้บุกเข้าไปในต่างประเทศเพื่อจับกุมเจ้าหน้าที่จีนที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต อย่างไรก็ตาม ปฏิบัติการเหล่านั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับการต่อสู้กับการทุจริตมากนัก แต่เกี่ยวข้องกับการที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนปราบปรามคู่แข่งและผู้ต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายของปฏิบัติการ ฟ็อกซ์ ฮันท์ บางคนที่อาศัยอยู่ในแคนาดา ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตัดสินใจหลักของพรรคและรู้ถึงความลับที่พรรคต้องการปกปิดไว้
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนอ้างว่าสถานีตำรวจดังกล่าว ซึ่งยังได้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อของพรรคด้วยนั้น นับเป็นศูนย์กลางการบริหารเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนชาวจีนในการทำงานต่าง ๆ เช่น การต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ นอกจากนี้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังได้ปฏิเสธข้อกังวลเกี่ยวกับกองกำลังตำรวจนอกเขตแดนที่ปฏิบัติการในพื้นที่อธิปไตย และโฆษกของจีนได้เรียกร้องให้ “ฝ่ายสหรัฐฯ ควรหยุดยั้งเผยแพร่ประเด็นนี้อย่างไม่มีมูลความจริง”
สงครามทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจครอบงำโลก
ในขณะที่ทำสงครามทางการเมืองไปทั่วโลก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ใช้อาวุธหลากหลายชนิดเพื่อเกลี้ยกล่อม ปราบปราม แทรกซึม และบีบบังคับ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนซุกซ่อนท่าทีแสนร้ายกาจไว้เบื้องหลังชื่อเรียกที่ดูไม่มีพิษมีภัย พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ปรับปรุงโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางใหม่ เป็นโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ความแตกต่างคือโครงการโครงสร้างพื้นฐานหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางอาจฟังดูน่าดึงดูด แต่แฝงไปด้วยการส่งเสริมนโยบายบีบบังคับ ซึ่งได้แก่ เส้นทางสายไหมทางดิจิทัลและเส้นทางสายไหมขั้วโลก
อาวุธทางการเมืองอื่น ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้แก่ การพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ในประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก แอฟริกา และอินโดแปซิฟิก โดยพยายามที่จะปิดปากนักวิจารณ์ในออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ อีกทั้งยังพยายามแทรกแซงการเลือกตั้งในมัลดีฟส์ เกาหลีใต้ และไต้หวัน
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้พยายามที่จะทำให้ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกหลายประเทศสูญเสียขวัญกําลังใจและไร้เสถียรภาพด้วยความพยายามในการฉ้อราษฎร์บังหลวงและสร้างความแตกแยกในสังคม ปาเลาและซามัวได้ปฏิเสธความก้าวหน้าทางอาณานิคมรูปแบบใหม่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในแปซิฟิกใต้ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนใช้สินบนและสิ่งจูงใจทางการเงินอื่น ๆ กับประเทศเหล่านี้และประเทศต่าง ๆ อีกหลายประเทศผ่านกรมงานแนวร่วมและหน่วยข่าวกรองเพื่อโจมตีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง โดยหวังว่าจะบ่อนทำลายประชาธิปไตยและอธิปไตยของประเทศเหล่านั้น ผู้ที่ถูกจับกุมบางรายได้ลงนามในข้อตกลงด้านความมั่นคงและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เปิดทางให้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนแสวงหาประโยชน์ในด้านการประมงและทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ของประเทศตน รวมถึงการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านท่าเรือและการบินของกองทัพปลดปล่อยประชาชน
ตามข้อมูลจากหน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงของประเทศ ในแคนาดานั้น สงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ได้แก่ การชำระเงินผ่านคนกลางให้กับผู้สมัครที่สังกัดพรรค ซึ่งอาจทำให้ตัวแทนคนนั้นมีอิทธิพลต่อนโยบายระดับชาติ ตลอดจนการแสวงหาความร่วมมือและการทุจริตของอดีตเจ้าหน้าที่แคนาดา และดำเนินการรณรงค์เชิงรุกเพื่อลงโทษนักการเมืองแคนาดาที่ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน พรรคได้ใช้กลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกันในออสเตรเลีย อินเดีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ รวมถึงในประเทศที่เข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
เช่นเดียวกับในแคนาดาและประเทศอื่น ๆ กรมงานแนวร่วมในญี่ปุ่นมีหน้าที่รับผิดชอบในปฏิบัติการจับกุมชนชั้นนำระดับสูงสุด กรมงานแนวร่วมบริหารการองค์กรต่าง ๆ เช่น สภาจีนที่มีหน่วยงานในญี่ปุ่น สำหรับการส่งเสริมการรวมชาติอย่างสันติเพื่อดำเนินการสร้างอิทธิพล หนึ่งในองค์กรดังกล่าว คือ สมาคมกระชับมิตรระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน ซึ่งมุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่ของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นเช่นเดียวกับที่ทำในประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม สมาคมกระชับมิตรระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนในญี่ปุ่น ยังมีส่วนร่วมกับอีกหลายภาคส่วนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรทางพระพุทธศาสนา สถาปนิก สมาคมการเขียนพู่กัน หรือแม้แต่กลุ่มผู้เล่นหมากล้อมของญี่ปุ่น นอกจากนี้ กรมงานแนวร่วมยังได้บริหารสถาบันขงจื๊อ หรือที่นับเป็น “ศูนย์กลางทางวัฒนธรรม” ของจีนอีกอย่างน้อย 15 แห่ง ซึ่งรวมถึงสมาคมมิตรภาพในญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลต่อชนชั้นนำและการเลือกตั้งของญี่ปุ่น ถือเป็นเรื่องดีที่ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มการดำเนินการเพื่อปกป้องความมั่นคงและอธิปไตยของตนให้เข้มงวดขึ้น
นายคริสโตเฟอร์ เรย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง ระบุว่า สงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนรูปแบบอื่น ๆ ในสหรัฐฯ ได้แก่ การแบล็กเมล์ การข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรง การสะกดรอยตาม และการลักพาตัวผู้ที่มีเชื้อสายจีน ในอังกฤษ ได้มีการบันทึกวิดีโอเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนที่กำลังทุบตีประชาชนที่ประท้วงอย่างสันติบนถนนสาธารณะ และในไต้หวัน กลุ่มที่อยู่ฝ่ายเดียวกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ทุบตีนักศึกษาที่ทำการประท้วงกฎหมายที่ให้การสนับสนุนจีนในที่สาธารณะ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในสงครามทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ให้การสนับสนุนสงครามผ่านตัวแทน เช่น เจ้าหน้าที่อินเดียกล่าวหาว่าพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อการร้ายเพื่อการแบ่งแยกดินแดนในบริเวณพื้นที่ชายแดนที่มีข้อพิพาทของประเทศต่าง ๆ การสนับสนุนและการฝึกอบรมกองทัพขุนศึกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเพื่อบีบบังคับรัฐบาลเมียนมา ยังได้รับการบันทึกเป็นเอกสารไว้อย่างดี

การใช้ประโยชน์จากความกดดันจำนวนมาก
อินโดนีเซียถือเป็นอีกหนึ่งในเป้าหมายในการทำสงครามสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และจากประสบการณ์ที่ประสบนี้ยังบ่งชี้ไปถึงประเทศอื่น ๆ เช่น ฟิลิปปินส์ และไทยอีกด้วย พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้แผ่ขยายอิทธิพลของสื่อในอินโดนีเซียออกไปอย่างกว้างขวาง ผ่านการแบ่งปันเนื้อหา ความร่วมมือของสื่อ และการฝึกอบรมนักข่าว นอกจากนี้ สื่อที่ดำเนินการโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนอย่างสำนักข่าวซินหัว และไฮ อินโด! ของบริษัทไชน่า อิน
เตอร์เนชันแนล เทเลวิชัน คอร์ปอเรชัน ช่องรายการสำหรับคนหนุ่มสาว ยังได้จัดตั้งสำนักงานย่อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยรับสมัครนักข่าวและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่เป็นชาวอินโดนีเซีย ผลตอบแทนจากการลงทุนของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนคือการได้เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อและความสามารถในการเซ็นเซอร์นักวิจารณ์และเนื้อหาต่าง ๆ จากกรณีหนึ่งของ ไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของจีน ได้จัดการกับแอปฯ รวบรวมข่าวยอดนิยมของอินโดนีเซียอย่าง บาคา เบอริต้า เพื่อเซ็นเซอร์บทความที่วิพากษ์วิจารณ์ระบอบการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และเอกสารอ้างอิงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับความตึงเครียดระหว่างอินโดนีเซียกับจีนในทะเลจีนใต้
แนวทางทางการทูตที่เรียกว่ากองพันหมาป่า ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนในการทำสงครามทางการเมืองเพื่อการบีบบังคับ ซึ่งการกระหายในสงครามอย่างไม่ลดละนี้ ทำให้นักการทูตของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนต้องมีส่วนร่วมในการโจมตีทางคำพูด และบางครั้งก็ใช้กำลังโจมตี เช่น ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 นักการทูตจีนถูกกล่าวหาว่าจับและทุบตีผู้ประท้วงนอกสถานกงสุลจีนในแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ตามรายงานข่าว เมื่อ พ.ศ. 2561 ในระหว่างการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกในปาปัวนิวกินี นักการทูตจีนได้บุกเข้าไปในสำนักงานรัฐมนตรีต่างประเทศของปาปัวนิวกินี เพื่อเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนถ้อยคำในแถลงการณ์ฉบับสุดท้ายของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก และเมื่อ พ.ศ. 2563 นักการทูตจีนได้เข้าทำร้ายบรรณารักษ์ประจำสำนักงานการค้าของไต้หวันในฟิจิ โดยเหยื่อได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ตามรายงานของสื่อ
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนยังประสบความสำเร็จในการใช้กิจกรรมที่ดูไม่เป็นพิษเป็นภัยจำนวนมากมาเป็นอาวุธในการทำสงครามทางการเมือง กิจกรรมที่ถูกนำไปใช้เป็นอาวุธ ได้แก่ การปฏิบัติศาสนกิจ การท่องเที่ยวในประเทศเป้าหมาย การเข้ามาศึกษาในประเทศ การก่อตั้งสมาคมมิตรภาพและองค์กรบ้านพี่เมืองน้อง ตลอดจนการซื้อที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานและบริษัทที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
ตัวอย่างหนึ่งของการใช้ศาสนาเป็นอาวุธ คือ การที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนพยายามใช้ประโยชน์จากพุทธศาสนาเป็นช่องทางในการสร้างอิทธิพลพิเศษ การบังคับใช้และการจัดการกับศาสนาอยู่ในความดูแลของกรมงานแนวร่วม ภายใต้การกำกับดูแลดังกล่าว องค์การบริหารแห่งรัฐด้านกิจการศาสนาและสมาคมพุทธศาสนาแห่งประเทศจีนได้พยายามประสานงานร่วมกับชาวพุทธทั่วโลกเพื่อสนับสนุนเป้าหมายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน เจ้าหน้าที่ขององค์การบริหารแห่งรัฐด้านกิจการศาสนา สมาคมชาวพุทธแห่งประเทศจีน และกองทัพปลดปล่อยประชาชนดำเนินปฏิบัติการอย่างกว้างขวางเพื่อโน้มน้าวชาวพุทธ เช่น ในมองโกเลียที่พวกเขาพยายามปลูกฝังให้ผู้นำทางพุทธศาสนาช่วยโน้มน้าวชนชั้นนำทางการเมืองของประเทศนั้น ๆ ให้โอนอ่อนตามพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และเพื่อบ่อนทำลายศัตรูของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ในญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้พยายามที่จะโน้มน้าวกลุ่มชาวพุทธเพื่อกำหนดนโยบายต่างประเทศและการวางแผนป้องกันประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่นให้เป็นไปตามความปรารถนาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ในออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้พยายามร่วมมือกับสภาพุทธศาสนาเพื่อโน้มน้าวผู้นำทางการเมือง ในขณะเดียวกันที่ไทย พวกเขาก็พยายามโน้มน้าวผู้นำทางพุทธศาสนาให้สนับสนุนโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และวัตถุประสงค์อื่น ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนที่อยู่ภายในราชอาณาจักร ในไต้หวัน พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ใช้เงินทุนในการแทรกแซงทางการเมืองผ่านองค์กรทางพระพุทธศาสนาที่ตั้งอยู่ในไต้หวัน
การรณรงค์ทางนิติสงครามภายนอกประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนมักจะนำมาซึ่งการร่างกฎหมายเพื่อสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในดินแดนและทรัพยากร นอกจากนี้ยังมีการใช้แผนที่ปลอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณเส้นประเก้าเส้นที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2.5 ล้านตารางกิโลเมตรของทะเลจีนใต้ ซึ่งจีนพยายามอ้างสิทธิ์
โดยพื้นฐานแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนได้ปฏิเสธการตัดสินของศาลระหว่างประเทศเมื่อ พ.ศ. 2559 ที่ตัดสินให้ให้การอ้างสิทธิ์ส่วนใหญ่เป็นโมฆะ อีกทั้งยังบิดเบือนกฎหมายเพื่อขยายอำนาจการปกครองของรัฐบาลจีนไปยังทะเลจีนใต้ รวมถึงการกำหนดให้หมู่บ้านซานชาซึ่งเป็นหมู่บ้านในหมู่เกาะพาราเซลที่เป็นข้อพิพาท เป็นเขตปกครองของจีน
นิติสงครามมักจะนำมาใช้กับสงครามสื่อ เช่น รัฐบาลจีนที่อาจจะค้นพบหรือสร้างสิ่งที่เรียกว่าเอกสารทางประวัติศาสตร์ขึ้นมา เพื่อใช้ส่งเสริมพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับการอ้างสิทธิ์ของตน อย่างในกรณีของหมู่เกาะเซ็งกะกุที่อยู่ภายใต้การควบคุมของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก จากนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนจะเผยแพร่เอกสารดังกล่าวต่อสาธารณะผ่านสื่อที่ดำเนินการโดยรัฐเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการอ้างสิทธิ์ของตน
การตอบโต้ต่อแนวคิด “ความฝันของจีน” ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนกำลังทำสงครามทางการเมืองอย่างจริงจังไปทั่วโลกเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขยายอำนาจและเผด็จการ ดังนั้น บรรดาพันธมิตรและหุ้นส่วนจะต้องสร้างขีดความสามารถร่วมกันเพื่อตรวจจับ ป้องปราม ตอบโต้ และเอาชนะภัยคุกคามดังกล่าว ในอินโดแปซิฟิก ขั้นตอนที่สำคัญ คือการก่อตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อวางรากฐานทางปัญญาสำหรับการต่อสู้กับสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน โดยศูนย์ดังกล่าวจะช่วยให้ประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกันได้พัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามและเตรียมการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ สามารถดำเนินการได้เองเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของประเทศ ได้แก่
สร้างยุทธศาสตร์ระดับชาติอย่างรวดเร็วเพื่อประเมินและต่อสู้กับสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน รวมถึงการกำหนดนโยบายและปฏิบัติการเพื่อเอาชนะ
จัดทำโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับสงครามทางการเมืองแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าของธุรกิจ เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย นักวิชาการ และนักข่าว
ยกระดับขีดความสามารถสำหรับชุมชนนักกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ต่อต้านข่าวกรอง ในการสืบสวน ขัดขวาง และดำเนินคดีในกิจกรรมที่เกี่ยวกับสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ตรวจสอบกฎหมายและนโยบายเพื่อให้แน่ใจว่ามีพันธกิจ ข้อกำหนด ทรัพยากร การฝึกอบรม และการประเมินอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
เปิดโปงปฏิบัติการสงครามทางการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนเป็นประจำ จัดทำรายงานสาธารณะประจำปีที่มีคำแนะนำในทางปฏิบัติสำหรับผู้นำและประชาชนเกี่ยวกับภัยคุกคามทั้งหลาย
เพิ่มต้นทุนในการทำสงครามทางการเมืองให้กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน แม้หลายประเทศจะหันไปให้ความสำคัญกับการสอดแนมของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนมากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสงครามทางการเมืองของพรรคกลับต้องเผชิญกับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เช่น เพื่อเป็นการตอบโต้การแทรกแซงและการข่มขู่ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน นักการทูตจีนที่คุกคามองค์กรสื่อควรถูกเพิกถอนสถานะทางการทูตและถูกขับไล่ออกจากประเทศเจ้าบ้าน