ผู้นำญี่ปุ่นสาบานตนเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับสหรัฐฯ

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นว่าจะกระชับความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกาภายใต้นโยบายกลาโหมใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งช่วยเพิ่มจุดยืนในการป้องกันตนเองอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเผชิญกับความตึงเครียดในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น

นายคิชิดะให้คำมั่นดังกล่าวก่อนการเดินทางเยือนกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในช่วงกลางเดือนมกราคม เพื่อพูดคุยกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อเน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ตลอดจนความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศภายใต้ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงและกลาโหมใหม่ของญี่ปุ่นที่ปรับใช้ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองยังหารือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือท่ามกลางข้อกังวลเกี่ยวกับการทดสอบนิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้นโดยประเทศสันโดษดังกล่าว ตลอดจนการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาเศรษฐกิจ

การเดินทางเยือนสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางของนายคิชิดะไปยังหลายประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 ญี่ปุ่นเป็นประธานขององค์กรอุตสาหกรรมชั้นนำใน พ.ศ. 2566 รวมทั้งเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด จี-7 ณ เมืองฮิโรชิมา ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อีกด้วย

นายคิชิดะกล่าวว่า “เราจะแสดงให้ทั่วโลกเห็นถึงความเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงและการทูตของญี่ปุ่น” “เราจะแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างไม่ลดละของเราในการบรรลุอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” (ภาพ: นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ขึ้นรถถังแบบ 10 ในระหว่างการตรวจสอบที่ค่ายอาซากะของกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564)

ภายใต้แผนความมั่นคงและกลาโหมใหม่ ญี่ปุ่นจะจัดซื้อขีปนาวุธ โทมาฮอว์กและขีปนาวุธร่อนพิสัยไกลอื่น ๆ ที่พัฒนาโดยสหรัฐฯ กว่าหลายร้อยลูก เพื่อสกัดกั้นการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งจะสร้างแนวป้องกันทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นท่ามกลางข้อกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวัน ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส