ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ จัดหาเงินทุนสำหรับการเชื่อมต่อสายเคเบิลใต้ทะเลในไมโครนีเซีย

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ญี่ปุ่นได้ประกาศเมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566 ว่าได้เข้าร่วมกับออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาในโครงการสายเคเบิลใต้ทะเลที่มีมูลค่า 95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.3 พันล้านบาท) ซึ่งจะเชื่อมต่อกับประเทศแถบหมู่เกาะไมโครนีเซียตะวันออกเพื่อปรับปรุงเครือข่ายดิจิทัลในอินโดแปซิฟิก

สายเคเบิลความยาวประมาณ 2,250 กิโลเมตรจะเชื่อมต่อรัฐคอสไรในสหพันธรัฐไมโครนีเซีย รวมถึงตาราวาในคิริบาตีและนาอูรูไปยังจุดเชื่อมต่อสายเคเบิลที่มีอยู่ในโปนเป ไมโครนีเซีย ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น

ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ได้ขยายความร่วมมือกับประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก เนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนพยายามที่จะขยายอิทธิพลด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้

ในแถลงการณ์ร่วม ทั้งสามประเทศระบุว่าขั้นตอนต่อไปจะประกอบด้วยการสำรวจและออกแบบในขั้นสุดท้าย รวมถึงการผลิตสายเคเบิล ซึ่งมีความกว้างเทียบเท่ากับสายยางที่ใช้ในสวน คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ พ.ศ. 2568

การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ผู้นำของออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มความร่วมมือจตุภาคี หรือ ควอด ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสายเคเบิลใต้ทะเลว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารและเป็นรากฐานสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

“การเชื่อมต่อทางดิจิทัลที่ปลอดภัยและยืดหยุ่นไม่เคยมีความสำคัญเท่านี้มาก่อน” นายแมทธิว เมอร์เรย์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของสำนักกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์ “สหรัฐอเมริกามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ที่ทำให้ภูมิภาคของเราใกล้ชิดกันมากขึ้น”

เอ็นอีซีคอร์ปอเรชันในกรุงโตเกียว ซึ่งได้รับสัญญาหลังจากการประกวดราคา ระบุว่า สายเคเบิลนี้จะช่วยให้การสื่อสารมีความเร็วสูง มีคุณภาพสูง และมีความมั่นคงมากขึ้นสำหรับผู้อยู่อาศัย ธุรกิจ ตลอดจนรัฐบาล พร้อมกับมีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจ

สายเคเบิลนี้จะเชื่อมต่อผู้คนมากกว่า 100,000 คนทั่วทั้งสามประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ตามข้อมูลของนายคาสึยะ เอ็นโดะ ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น