ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

จีนชะลอการเจรจาปรับปรุงความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ด้วยการส่งข้อความที่คลุมเครือและแฝงไปด้วยความขัดแย้ง

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

เมื่อเร็ว ๆ นี้สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกแถลงการณ์ที่คลุมเครือ ขัดแย้งกัน และสับสน เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งทําให้หลายคนในประชาคมโลกตั้งคําถามถึงแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังแผนการส่งข้อความของรัฐบาลจีน

เช่น พล.อ. หลี่ ซ่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีนที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ได้เรียกร้องสันติภาพแต่กลับข่มขู่ว่าจะทำสงครามในระหว่างการกล่าวปราศรัยที่การประชุมแชงกรีลาอันทรงเกียรติ ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยสถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศในสิงคโปร์เมื่อต้นเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2566

การสื่อสารที่สับสนทําให้นักวิเคราะห์ด้านกลาโหมหลายคนสรุปว่า การส่งข้อความเหล่านี้เป็นการจงใจหลอกลวงหรือเป็นแผนการในการใช้ข้อมูลผิด ๆ เพื่อทําลายความพยายามของสหรัฐฯ ในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า กิจกรรมล่าสุดของจีนในอินโดแปซิฟิกยังดูเหมือนเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจีนไม่สนใจที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์อีกด้วย

แม้ว่า พล.อ. หลี่จะพูดเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนว่า จีนตั้งใจที่จะระงับข้อพิพาททางทะเล “ด้วยสันติวิธีผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ” แต่หนึ่งวันก่อนหน้านั้น เรือรบจีนลำหนึ่งเกือบจะชนกับเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯ หลังจากเคลื่อนที่โดยไร้ซึ่งความปลอดภัยในน่านน้ำสากลของช่องแคบไต้หวัน

“ขณะที่จีนพูดถึงการเจรจา แต่การกระทําของจีนกลับแสดงให้เห็นถึงการเผชิญหน้า ดังนั้นคําถามของผมคือ … เพราะอะไรคําพูดและการกระทําของจีนจึงแตกต่างกันมาก” พล.ร.จ. เจย์ ทาร์ริเอล่า กองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ ได้ถาม พล.อ. หลี่ในระหว่างการประชุม

พล.ร.จ. ทาร์ริเอล่าได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้จีนได้ให้คำมั่นสัญญากับนายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ในการจัดการข้อพิพาททางทะเลอย่างสันติ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ยุติการกระทำของกองกำลังรักษาชายฝั่งของจีนที่คุกคามชาวประมงในน่านน้ำฟิลิปปินส์ ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวฟิลิปปินส์ Inquirer.net ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีนลําหนึ่งยังได้รับข้อกล่าวหาว่าเล็งเป้าเลเซอร์ที่ได้มาตรฐานทางทหารไปยังเรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งผลให้ลูกเรือสูญเสียทัศนวิสัยชั่วขณะ

พล.อ. หลี่ออกตัวปกป้องกิจกรรมของกองทัพปลดปล่อยประชาชนและเตือนกองทัพต่างชาติให้อยู่ห่างจากชายฝั่งของจีนและ “ไม่ต้องยุ่งเรื่องของคนอื่น” ตามรายงานของเว็บไซต์ข่าวยูเอสเอ็นไอของสถาบันกองทัพเรือสหรัฐฯ

จีนยังคงอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้บางส่วน รวมถึงช่องแคบไต้หวัน แม้กฎหมายทางทะเลจะกำหนดไว้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นน่านน้ำและน่านฟ้าสากล ตามรายงานของยูเอสเอ็นไอนิวส์

ในทำนองเดียวกัน พล.อ. หลี่กล่าวว่า “ในอีกความขัดแย้งหนึ่ง มีเพียงการยกระดับการเจรจาและการสื่อสารเท่านั้น … ที่สามารถรับรองเสถียรภาพของภูมิภาคของเราได้” แต่ตัวเขาเองกลับปฏิเสธที่จะพบปะกับ นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ในที่ประชุมด้วย พล.อ. หลี่มีความยินดีที่ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ต่างประเทศคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เขาจะจับมือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เท่านั้น” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์

สหรัฐฯ ได้คว่ำบาตร พล.อ. หลี่เมื่อ พ.ศ. 2561 ในช่วงที่เขาดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนายุทโธปกรณ์ของกองทัพปลดปล่อยประชาชน เนื่องจากรัฐบาลจีนซื้อเครื่องบินรบรวมถึงอุปกรณ์ระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินสู่อากาศของรัสเซีย ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ การซื้อดังกล่าวได้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลรัสเซียในการรุกรานยูเครน อีกทั้งยังแทรกแซงการเมืองของสหรัฐฯ

คำพูดของ พล.อ. หลี่ในสิงคโปร์ชี้ให้เห็นว่า จีนต้องการให้สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากภูมิภาคนี้ นางบอนนี เกลเซอร์ กรรมการผู้จัดการโครงการอินโดแปซิฟิกของกองทุนเยอรมันมาร์แชล กล่าวกับหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์

“จีนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเชื่อว่าการมีความเสี่ยงจะทําให้สหรัฐฯ ระมัดระวังพฤติกรรม ดังนั้นพวกเขาจะไม่เจรจากับเราเกี่ยวกับการลดความเสี่ยง” นางเกลเซอร์กล่าว “พวกเขายังคงทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้นต่อไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความระมัดระวังชั่วขณะ แต่พวกเขาจะไม่สามารถขับไล่สหรัฐฯ ออกจากภูมิภาคนี้ได้”

สหรัฐฯ ยืนหยัดพร้อมที่จะเจรจา นายออสตินกล่าวย้ำในการประชุมแชงกรีลา

“สหรัฐอเมริกาไม่ได้ต้องการสงครามเย็นครั้งใหม่ และการแข่งขันจะต้องไม่กลายเป็นความขัดแย้ง” นายออสตินกล่าว “และภูมิภาคนี้ไม่ควรแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มที่ไม่เป็นมิตรกัน แต่เรากําลังพยายามเสริมสร้างกลไกป้องกันความขัดแย้ง เพิ่มความพยายามด้านการทูตเป็นเท่าตัว และเสริมสร้างสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาคนี้”

“สหรัฐฯ เชื่อว่าช่องทางการสื่อสารแบบเปิดกว้างกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารระหว่างผู้นำกลาโหมและการทหารของเรา” นายออสตินกล่าว “สำหรับผู้นำกลาโหมที่มีความรับผิดชอบแล้ว เวลาที่เหมาะสมในการเจรจา คือ เวลาใดก็ได้ เวลาที่เหมาะสมในการเจรจา คือ ทุกเมื่อ เวลาที่เหมาะสมในการเจรจา คือ เดี๋ยวนี้ การเจรจาไม่ใช่ผลพลอยได้ แต่เป็นสิ่งจำเป็น”

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน หนึ่งวันหลังจากสิ้นสุดการประชุมแชงกรีลา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่จีนในกรุงปักกิ่งเพื่อรักษาช่องทางการสื่อสารและปฏิบัติตามพื้นฐานทางการทูตของทั้งสองประเทศ ตามรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับปัญหาระหว่างช่องแคบตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ของความสัมพันธ์ทวิภาคี

“เราไม่ได้พยายามควบคุมจีน” นายแดเนียล ครีเทนบริงค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวหลังจากการเจรจา “แม้ว่าเราจะแข่งขันกัน เราจะพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารที่เปิดกว้าง เพื่อหลีกเลี่ยงการตัดสินใจที่ผิดพลาดและเพื่อป้องกันไม่ให้การแข่งขันกลายเป็นความขัดแย้ง”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button