สหรัฐฯ เตือนจีนให้ยุติ “การข่มขู่” ฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้
เบนาร์นิวส์
สาธารณรัฐประชาชนจีนควรยุติการคุกคามเรือฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ “ไม่สามารถยอมรับได้” เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐอเมริกากล่าวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะยืนหยัดกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งของตนในการต่อต้านการข่มขู่จากรัฐบาลจีนในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท
นายแดเนียล ครีเทนบริงค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ได้แสดงความเห็นไม่นานหลังจากที่เกือบเกิดการปะทะกันระหว่างเรือฟิลิปปินส์และเรือจีน และในขณะที่นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ภาพ: นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ (ซ้าย) และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พบปะกันที่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566)
“นี่เป็นประเด็นที่สำคัญมากและเรายังคงกังวลอย่างมากกับการข่มขู่และคุกคามเรือฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ในขณะที่เรือฟิลิปปินส์ดำเนินการลาดตระเวนตามปกติภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์” นายครีเทนบริงค์กล่าวในการสรุปข่าว
“จีนกระทำการในลักษณะที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง เรายืนหยัดอยู่ข้างฟิลิปปินส์ในการเผชิญหน้ากับการละเมิดสิทธิและการคุกคามอย่างต่อเนื่องของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีน”
เมื่อวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2566 เรือของกองกำลังรักษาชายฝั่งจีน 2 ลำได้สกัดกั้นเรือลาดตระเวนฟิลิปปินส์และ “แสดงยุทธวิธีที่ก้าวร้าว” ใกล้กับสันดอนโธมัสที่ซึ่งชาวฟิลิปปินส์รู้จักกันในชื่อสันดอนอยุงอิน ตามการรายงานของกองกำลังรักษาชายฝั่งฟิลิปปินส์
รัฐบาลจีนอ้างว่าเรือของฟิลิปปินส์ได้รุกล้ำน่านน้ำจีนใกล้กับสันดอนดังกล่าวและเข้าใกล้เรือของจีน
จีนได้อ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้แข่งกับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงบรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ใน พ.ศ. 2559 ศาลระหว่างประเทศได้ตัดสินเป็นคุณแก่ฝ่ายรัฐบาลฟิลิปปินส์ และปัดตกการอ้างสิทธิทางทะเลในน่านน้ำเชิงยุทธศาสตร์โดยพลการของรัฐบาลจีน แต่จีนก็ได้ปฏิเสธที่จะยอมรับคำตัดสินดังกล่าว
นายครีเทนบริงค์กล่าวว่าสหรัฐฯ จะยังคงติดตามการดำเนินการ “ยั่วยุ” ของรัฐบาลจีนในทะเลจีนใต้ต่อไป “แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราจะยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรชาวฟิลิปปินส์ของเราต่อไป และเราจะปฏิบัติการร่วมกันต่อไป” นายครีเทนบริงค์กล่าว
ภายใต้สนธิสัญญาการป้องกันร่วมกัน พ.ศ. 2494 สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องฟิลิปปินส์ในกรณีที่มีการโจมตีด้วยอาวุธต่อเรือหรืออากาศยานของกองทัพและประชาชนฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ นายครีเทนบริงค์ยังปฏิเสธข้อร้องเรียนของเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับการตัดสินใจล่าสุดของรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่จะอนุญาตให้สหรัฐฯ เข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศได้มากขึ้นภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองประเทศใน พ.ศ. 2557 ซึ่งรวมถึงพื้นที่ใกล้กับไต้หวันที่ปกครองตนเอง ซึ่งรัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนของตน
“ผมมั่นใจว่าสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์มีวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะทำให้ภูมิภาคนี้สงบสุขและมั่นคง” นายครีเทนบริงค์กล่าว “เราสนับสนุนการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพตลอดแนวช่องแคบไต้หวัน เราคัดค้านความพยายามเพียงฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนแปลงสถานภาพที่เป็นอยู่ของทั้งสองฝ่าย และเรายืนยันว่าความแตกต่างระหว่างสองฝั่งช่องแคบจะได้รับการแก้ไขอย่างสันติ สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันเป็นเรื่องที่นานาชาติกังวล”
ในระหว่างการประชุมสุดยอด นายมาร์กอสและนายไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงความมั่นคงด้านอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การค้าและการลงทุน ตลอดจนความร่วมมือด้านกลาโหม
นอกจากนี้ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศว่าตนตั้งใจที่จะถ่ายโอนเรือลาดตระเวน 4 ลำและอากาศยานลำเลียง ซี-130เอช จำนวน 3 ลำ เพื่อสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการปรับปรุงขีดความสามารถทางทะเลและการเคลื่อนพลทางยุทธวิธีให้ทันสมัย
ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส