เปิดเผยศาสตร์การปกครอง ทางเศรษฐกิจของจีน
เกิดอะไรขึ้นเมื่อ โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของรัฐบาลจีน มาถึงปาปัวนิวกินี
ปีเตอร์ คอนนอลลี
นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสจีน ได้พบปะกับ
ผู้นำประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกแปดประเทศที่พอร์ตมอร์สบีเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 และยกระดับความสัมพันธ์กับประเทศเหล่านั้นให้เป็น “ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” ไม่เพียงแค่นั้น นายสีได้กระตุ้นให้ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางให้มาเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ปาปัวนิวกินีเป็นประเทศแรกที่ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 และเป็นเจ้าภาพในการประชุมด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกในปีดังกล่าว อย่างไรก็ตามใน พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าและนักธุรกิจชาวปาปัวนิวกินีส่วนใหญ่ที่ผมได้สัมภาษณ์ไม่เชื่อว่าประเทศของพวกเขาจะเข้าร่วมกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพราะปาปัวนิวกินีแทบจะไม่มีข้อเสนอใด ๆ ทางเศรษฐกิจให้แก่จีน บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของบทความขนาดยาวที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารความท้าทายด้านความมั่นคง พ.ศ. 2563 ซึ่งเปรียบเทียบการสัมภาษณ์และข้อสังเกตจากงานภาคสนามระดับปริญญาเอกของผมใน พ.ศ. 2560 กับงานใน พ.ศ. 2562 เพื่อประเมินสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในปาปัวนิวกินีเมื่อเข้าร่วมกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ผู้อพยพทางเศรษฐกิจชาวจีนที่อพยพไปยังประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกได้มาถึงเป็นระยะ ๆ โดยเริ่มจากระยะแรกที่รู้จักกันในชื่อ “ชาวจีนรุ่นเก่าแก่” ที่เดินทางออกจากมณฑล ฝูเจี้ยนและมณฑลกวางตุ้งตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 19 ผู้อพยพระยะที่สองมาถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทศวรรษ 1950 (พ.ศ. 2493 – 2502) และทศวรรษ 1970 (พ.ศ. 2513 – 2522) ระยะที่สามจะเรียกว่า “ชาวจีนรุ่นใหม่” โดยเริ่มในทศวรรษที่ 1990 (พ.ศ. 2533 – 2542) ในช่วงนโยบาย “ออกไปสู่ภายนอก” ของจีนซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่าง ๆ ไปลงทุนในต่างประเทศ ผมเชื่อว่าในปัจจุบันจะเป็นระยะที่สี่ โดยจะมีพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐวิสาหกิจจีนที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของรัฐจีน ซึ่งเติบโตขึ้นพร้อมกับการมาถึงของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ยุทธศาสตร์โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของรัฐบาลจีนเริ่มขึ้นจากวิสัยทัศน์ของนายสีที่มีต่อการมีส่วนร่วมระดับโลกทางเศรษฐกิจของจีนใน พ.ศ. 2556 สี่ปีต่อมา จีนได้เปลี่ยนชื่อสำหรับผู้คนภายนอกจากโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ แต่ยังคงใช้คำเดิมสำหรับโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในภาษาจีนกลางอยู่ บทความนี้ใช้คำเรียกโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพื่อสื่อถึงโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางตลอดทั้งบทความ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานทั่วไปในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางและโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนั้นคือสิ่งเดียวกัน บทความนี้โต้แย้งว่า โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางถือเป็นยุทธศาสตร์ทางภูมิเศรษฐศาสตร์เพื่อขยายอิทธิพลไปทั่วโลกของจีนและยกระดับฐานะของตนให้เป็นประเทศมหาอำนาจยิ่งขึ้น
ปาปัวนิวกินีเป็นประเทศแรกในหมู่เกาะแปซิฟิกที่เข้าร่วมกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง นายปีเตอร์
โอนีล อดีตนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี ได้เดินทางไปเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 เพื่อขอรับการสนับสนุนในการเป็นเจ้าภาพเพื่อจัดประชุมด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกในปีดังกล่าว นายสียืนยันกับนายโอนีลว่า รัฐบาลจีนจะช่วยเหลือปาปัวนิวกินีในการการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก และนายสีจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดดังกล่าวด้วย ในการสนับสนุนการจัดงานดังกล่าว บริษัทไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริง จำกัด จะสร้างถนนสี่เลนระยะทางยาว 10 กิโลเมตรและเอเปกเฮ้าส์ ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับรองรับการประชุมภายใน 200 วัน ห้าเดือนต่อมา นายสีได้เดินทางไปเยือนพอร์ตมอร์สบีและได้เชิญผู้นำของทั้งแปดประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ซึ่งเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากจีนเพื่อพบปะกันก่อนการประชุมสุดยอดด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ทั้งแปดประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับจีน และอีกสองประเทศได้เปลี่ยนการให้การรับรองทางการทูตแก่ไต้หวันไปยังรัฐบาลจีนแทนในปีต่อมา โดยเข้าร่วมโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางตามกระบวนการ
เหตุการณ์เหล่านี้ช่วยสร้างความคาดหวังอย่างมากเกี่ยวกับความได้เปรียบที่โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะมอบให้กับการพัฒนาของปาปัวนิวกินี ควบคู่ไปกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นโครงการอะไรกันแน่
เจ้าหน้าที่จีนในปาปัวนิวกินีอธิบายให้ผมฟังเมื่อ พ.ศ. 2562 ว่า โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็น “แนวคิดกว้าง ๆ … ภาพภาพหนึ่ง การสะบัดแปรงสี ซึ่งไม่ใช่ความคิดเห็นที่ดีนัก” โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็น “แพลตฟอร์มสำหรับความร่วมมือ … เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน”เจ้าหน้าที่จีนคนดังกล่าวเน้นย้ำถึงกระบวนการหารือร่วมกันกับหน่วยงานของปาปัวนิวกินีเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์แห่งชาติของปาปัวนิวกินี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับเทียบอีกครั้งหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางใน พ.ศ. 2561 หลังจากที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการให้กู้ยืมอย่างเอารัดเอาเปรียบ
เมื่อถามว่า “แล้วโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางคืออะไร”เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า “ไม่มีคำจำกัดความอย่างละเอียด” แต่เขากล่าวเสริมว่า “โครงการใด ๆ ก็ตามที่สอดคล้องกับความเชื่อมโยงทั้งห้า” ทั้งด้านการค้า โครงสร้างพื้นฐาน นโยบาย ประชาชน และการเงินอาจ “ตีความกว้าง ๆ ได้ว่าเป็นโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เจ้าหน้าที่ยังกล่าวเสริมอีกว่า “บริษัทจีนมีข้อได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ” เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีราคาย่อมเยากว่าบริษัทตะวันตก
แม้ว่าแนวทางเหล่านี้อาจดูสมเหตุสมผลสำหรับการวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ของจีน ทว่าก็กว้างเกินไปสำหรับประเทศอื่นที่จะแยกแยะได้ว่ากิจกรรมใดบ้างที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง แต่นั่นอาจเป็นสิ่งที่จงใจให้เห็นเป็นเช่นนั้น ซึ่งทำให้จีนสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะสมและสิ่งที่ไม่เหมาะสมเพื่อให้เข้ากันกับภาพลักษณ์ในระดับโลกของตน เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวอธิบายว่า โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไม่จำเป็นต้องใช้เงินของจีนในการชำระเงิน แต่สถาบันพหุภาคี เช่น ธนาคารพัฒนาเอเชีย ธนาคารโลก หรือแม้แต่ประเทศอื่น ๆ ก็สามารถจัดหาเงินทุนได้ ยิ่งไปกว่านั้น โครงการนี้อาจเริ่มขึ้นก่อนที่โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะจัดตั้งขึ้นด้วยซ้ำ “หากโครงการมีความสอดคล้องกับความเชื่อมโยงทั้งห้า โครงการนั้นจะถือเป็นโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เจ้าหน้าที่จีนกล่าว
คำอธิบายของเจ้าหน้าที่ชี้ให้เห็นว่าโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางอาจเป็นโครงการใดก็ได้ที่เป็นของบริษัทจีนหากโครงการดังกล่าวเหมาะสมกับภาพลักษณ์เชิงยุทธศาสตร์ของจีน ซึ่งจะช่วยให้จีนบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์ในการรณรงค์เพื่อขยายอิทธิพลไปทั่วโลกโดยใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจ โดยได้รับสิ่งตอบแทนจากประเทศอื่นมากขึ้นภายใต้กรอบการทำงานของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
มุมมองใหม่ของชาวจีน
ตามรายงานของสมาชิกชั้นนำของชุมชนธุรกิจจีนของปาปัวนิวกินีในพอร์ตมอร์สบี บริษัทก่อสร้างของจีนพากันหลั่งไหลเข้ามาที่ปาปัวนิวกินีเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันกีฬาแปซิฟิก ประจำ พ.ศ. 2558 บริษัทส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจจีนที่ดำเนินโครงการก่อนหน้าเสร็จสิ้นแล้ว ทว่ายังคงอยู่ในประเทศ ซึ่งทำให้ราคาการจ้างงานลดต่ำลงและมีการแข่งขันมากขึ้น บริษัทเหล่านั้นมีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากจ้างคนงานจากจีนและจ่ายค่าจ้างที่ต่ำกว่า ซึ่งจะทำให้สามารถตัดราคาบริษัทในประเทศได้ถึงร้อยละ 50
นักธุรกิจอธิบายว่า นายโอนีลชื่นชอบบริษัทจีนอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อนายเจมส์ มาราเป นายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินีคนใหม่ ได้เข้ามารับตำแหน่งแทนอย่างไม่คาดคิดเมื่อ พ.ศ. 2562 ชาวจีนรุ่นใหม่จึงเกิดความวิตกกังวลขึ้น นายมาราเปได้ให้คำมั่นว่าจะ “นำปาปัวนิวกินีกลับคืนมา” และคำกล่าวนี้ได้รับการตีความจากหลายฝ่ายว่าเป็นการปฏิเสธไม่ให้ชาวต่างชาติมามีอิทธิพลเหนือกว่าในบางภาคส่วนของเศรษฐกิจในปาปัวนิวกินี โดยรวมถึงอิทธิพลของจีน นักธุรกิจชาวจีนกล่าวเสริมว่า ความสับสนที่เกิดจากนโยบายใหม่นี้หมายความว่า“เมื่อรัฐบาลไม่มีความสามารถ ธนาคารพัฒนาเอเชียจะเป็นผู้ตัดสินใจ”
ผู้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนี้มีเป้าหมายที่จะขยายอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจของจีนไปในแปซิฟิก เมื่อลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้ว ปาปัวนิวกินีก็ถือว่าได้มาอยู่บน “บนแผนที่โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางแล้ว” และ “ต้องเปิดรับการทำธุรกิจ” จากมุมมองของชาวจีน จำนวนของรัฐวิสาหกิจจีนในปาปัวนิวกินีเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ นับตั้งแต่ที่ บริษัทไชน่า โอเวอร์ซีส์ เอ็นจิเนียริง จำกัด เข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อ พ.ศ. 2538 ทว่ากลับเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าในปีหลังจากที่ปาปัวนิวกินีเข้าร่วมโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ระหว่างเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 ถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2562 จำนวนรัฐวิสาหกิจจีนในปาปัวนิวกินีเพิ่มขึ้นจาก 21 บริษัทเป็น 39 บริษัท บริษัทของชาวปาปัวนิวกินี บริษัทของชาวจีนรุ่นเก่าและบริษัทตะวันตกไม่สามารถแข่งขันกับจุดอิ่มตัวของตลาดนี้ได้ซึ่งมีกระบวนการเช่นเดิมคือ บริษัทใหม่ ๆ ส่วนใหญ่เข้ามาในประเทศเพื่อดำเนินงานที่เฉพาะเจาะจงก่อนที่จะรั้งรออยู่ในประเทศและได้รับสัญญาจ้างใหม่ผ่านการตัดราคาคู่แข่งอย่างดุเดือด การครองตลาดนี้ขยายใหญ่ขึ้นเมื่อบริษัทจีนส่วนใหญ่ทำการยื่นประกวดราคาเพิ่มเติมจากบริษัทย่อยเพื่อกีดกันการแข่งขัน
จำนวนรัฐวิสาหกิจจีนที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับการยืนยันจากการเปรียบเทียบรายชื่อบริษัทรายใหญ่ของจีนระหว่าง พ.ศ. 2561 และ พ.ศ. 2563 ในคู่มือการลงทุนต่างประเทศสำหรับปาปัวนิวกินีของกระทรวงพาณิชย์จีน เมื่อปลาย พ.ศ. 2562 เว็บไซต์ของหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของปาปัวนิวกินียังได้ระบุว่ามีบริษัทจีนมากกว่า 79 บริษัทและสมาคม 12 สมาคมได้รับการจดทะเบียนในปาปัวนิวกินีตั้งแต่ พ.ศ. 2538 ซึ่งได้แสดงให้เห็นว่ามีบริษัทย่อยและบริษัทขนาดเล็กจำนวนมาก นอกเหนือจากบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในรายชื่อของกระทรวงพาณิชย์
มุมมองของรัฐวิสาหกิจจีน
ผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทรัฐวิสาหกิจจีนด้านการก่อสร้างมองว่า โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นเพียงป้ายกำกับสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนแล้วในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาผ่านนโยบาย “ออกไปสู่ภายนอก” เขารู้สึกแย่ที่โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไม่ได้ดีต่อธุรกิจเพราะทำให้รัฐบาลตะวันตกหวาดหวั่น โดยอธิบายว่าเป็น “การป่าวประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของจีนที่ไม่ได้สร้างความแตกต่าง” ในปาปัวนิวกินี เนื่องจากไม่มีเงินทุนจากจีนเพิ่มเติมแต่อย่างใด “เราอยู่ที่นี่เพื่อทำธุรกิจและต้องการหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเมือง” ผู้บริหารระดับสูงกล่าว ก่อนชี้แจงว่า “เราเป็นนักธุรกิจ แต่เราเป็นนักธุรกิจแบบรัฐวิสาหกิจ ซึ่งรัฐวิสาหกิจอาจได้รับคำสั่งให้สนับสนุนสิ่งที่รัฐต้องการ”
รัฐวิสาหกิจรายใหญ่ทำงานอย่างใกล้ชิดกับที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้ประสานงานโครงการของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในปาปัวนิวกินีผู้บริหารระดับสูงของจีนกล่าวว่า รัฐวิสาหกิจยอมรับว่าทิศทางดังกล่าวอาจเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์หรือทางการเมือง แม้ว่าจะขาดเหตุผลหรือความเหมาะสมทางเศรษฐกิจก็ตาม
รัฐวิสาหกิจเป็นวิธีการหลักในศาสตร์การปกครองทางเศรษฐกิจของจีนและดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือทางภูมิเศรษฐศาสตร์ในอุดมคติ เมื่อ พ.ศ. 2528 นายเดวิด บัลด์วิน ได้จัดทำเทคนิคศาสตร์การปกครองทางเศรษฐกิจที่ถูกนำมาใช้เสมอมาเพื่อใช้อำนาจที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจในความพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อนโยบายของรัฐอื่น ๆ เมื่อ พ.ศ. 2533 นายเอ็ดเวิร์ด ลัทวัก ได้เสนอว่า “ภูมิเศรษฐศาสตร์” เป็นการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ปราศจากสงคราม และเมื่อ พ.ศ. 2559 นายโรเบิร์ต แบล็กวิลล์ และ นางเจนนิเฟอร์ แฮร์ริส ได้อธิบายว่านี่ถือเป็นการแสวงหาเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ด้วยเครื่องมือทางเศรษฐกิจ เจตนาดังกล่าวอาจทำให้เครื่องมือทางเศรษฐกิจทำงานขัดแย้งกับสมมติฐานทางเศรษฐกิจ เช่น เมื่อ พ.ศ. 2560 นางชิง ควาน ลี ได้แสดงให้เห็นว่ารัฐวิสาหกิจจีนในแซมเบียมีแรงจูงใจที่แตกต่างกันไปเมื่อเทียบกับรัฐวิสาหกิจตะวันตก เนื่องจากรัฐวิสาหกิจจีนแสวงหา “ทุนของรัฐ” แทนผลกำไรทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว ตัวอย่างของปรัชญานี้ในปาปัวนิวกินี คือ เหมืองนิกเกิลและโคบอลต์ รามู นิโก และโรงกลั่นในจังหวัดมาดัง ซึ่งดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจอย่าง บริษัท ไชน่า เมทัลโลจิคัล กรุ๊ป จำกัด ตั้งแต่ พ.ศ. 2550 เหมืองรามู นิโก ประสบภาวะขาดทุนมานานกว่าทศวรรษเพื่อรวบรวมทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์เหล่านี้ไว้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงทางการทูตของหมู่เกาะโซโลมอนจากรัฐบาลไต้หวันไปหารัฐบาลจีนใน พ.ศ. 2562 นั้นถือเป็นตัวอย่างที่ตรงไปตรงมายิ่งขึ้นของรัฐวิสาหกิจจีนที่ได้รับจ้างงานสำหรับศาสตร์การปกครองทางเศรษฐกิจเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ผู้จัดการทั่วไปของแปซิฟิกใต้สำหรับบริษัทไชน่า ซีวิล เอ็นจิเนียริง คอนสตรักชัน จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในเกาะวานูอาตู ได้เสนอเงินช่วยเหลือและเงินกู้ยืมมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท) แก่หมู่เกาะโซโลมอนเพื่อกระตุ้นให้ นายมานาสเซ โซกาแวร์ นายกรัฐมนตรีดำเนินการเปลี่ยนแปลง นับตั้งแต่นั้นมา บริษัทไชน่า ซีวิล เอ็นจิเนียริง คอนสตรักชัน จำกัด จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงสร้างพื้นฐานในกรุงโฮนีอาราสำหรับการแข่งขัน แปซิฟิกเกมส์ 2023 ซึ่งสร้างความพึงพอใจให้กับรัฐบาลภายใต้การนำของนายโซกาแวร์อย่างมาก
ผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจดังกล่าวอธิบายว่า เขายินดีใช้เงินทุนจากต่างประเทศและประกาศว่าชอบเงินของธนาคารพัฒนาเอเชียมากกว่าธนาคารนโยบายจีนหรือธนาคารพาณิชย์ เขากล่าวว่า รัฐวิสาหกิจทั้งหลายชื่นชอบการจัดหาเงินทุนของธนาคารพัฒนาเอเชียเป็นพิเศษ เนื่องจากทางธนาคารดำเนินการตรวจสอบอย่างมืออาชีพและศึกษาคุณสมบัติพิเศษ ในขณะที่ธนาคารจีนกำหนดให้ประเทศเจ้าบ้านดำเนินกระบวนการเหล่านี้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันและล่าช้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการชำระเงินผู้บริหารระดับสูงกล่าวเสริมว่า จีนไม่ได้กดดันให้ใช้การจัดหาเงินทุนของจีนที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง จีนดูเหมือนยินดีที่จะใช้จ่ายเงินของประเทศอื่นและได้หน้าไปเพียงผู้เดียว
เงินทุนสำหรับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
ในช่วง พ.ศ. 2557 และ พ.ศ. 2562 สิ่งดึงดูดใจสำหรับการจัดหาเงินทุนของธนาคารพัฒนาเอเชียถือเป็นเรื่องปกติในบรรดารัฐวิสาหกิจจีนในปาปัวนิวกินี บริษัทไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริง จำกัด และบริษัทไชน่า ซีวิล เอ็นจิเนียริง คอนสตรักชัน จำกัด ซึ่งดูเหมือนจะกลายเป็นสองรัฐวิสาหกิจจีนชั้นนำในการผลักดันโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้นั้น ได้มุ่งเน้นไปที่การจัดหาเงินทุนแบบพหุภาคี ประมาณร้อยละ 90 ของโครงการของบริษัทไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริง จำกัด ในปาปัวนิวกินีได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพัฒนาเอเชีย และร้อยละ 75 ของโครงการของบริษัทไชน่า ซีวิล เอ็นจิเนียริง คอนสตรักชัน จำกัด บนเกาะวานูอาตูได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก ตามรายงานของผู้บริหารระดับสูงเมื่อ พ.ศ. 2562 ที่สำนักงานของธนาคารพัฒนาเอเชียในพอร์ตมอร์สบี ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานประเมินว่ารัฐวิสาหกิจจีนทำสัญญามากกว่าร้อยละ 80 ของโครงการโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารพัฒนาเอเชียในปาปัวนิวกินีใน พ.ศ. 2562 ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายถึงกระบวนการที่เข้มงวดของธนาคารพัฒนาเอเชียและให้ข้อมูลสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ยืดเยื้อนับสิบปีจำนวนสามโครงการที่มีการขยายและปรับปรุงเครือข่ายถนนบนพื้นที่ราบสูง ตลอดจนเพื่อปรับปรุงสนามบินประจำจังหวัด โครงการเหล่านี้มีความสำคัญอย่างชัดเจนต่อเศรษฐกิจและประชาชนของปาปัวนิวกินี
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าบริษัทจีนชื่นชอบธนาคารพัฒนาเอเชียมากกว่า เนื่องจากสามารถจ่ายเงินให้ผู้รับเหมาได้โดยตรงและมีความน่าเชื่อถือ เขากล่าวว่า รัฐวิสาหกิจจีนมักจะเสนอราคาต่ำสุดเสมอ ในขณะที่ธนาคารพัฒนาเอเชียได้รับการนับถือที่ดีจากการแข่งขันครั้งนี้และรับประกันในคุณภาพผ่านกระบวนการต่าง ๆ
ผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของธนาคารพัฒนาเอเชียทั้งสี่ราย ได้แก่ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อินเดีย และออสเตรเลียไม่สนับสนุนหรือเข้าร่วมกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ประเทศเหล่านี้มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือการพัฒนาของปาปัวนิวกินี แต่จะไม่บริจาคเงินผ่านทางธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ในขณะเดียวกัน โครงการที่ได้รับเงินสนับสนุนจากประเทศเหล่านั้น แต่ดำเนินผ่านรัฐวิสาหกิจจีนสำหรับธนาคารพัฒนาเอเชีย ก็มักจะถูกจีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง แม้ว่าจีนจะบริจาคเงินจำนวนมากให้แก่กองทุนของธนาคารพัฒนาเอเชีย ทว่าใน พ.ศ. 2561 จีนก็ยังเป็นผู้กู้รายใหญ่ที่สุดของธนาคารพัฒนาเอเชียอยู่ แม้ว่าประเด็นนี้จะมีผลกระทบอย่างมากต่อคู่แข่งของจีนก็ตาม แต่กลับได้รับความสนใจน้อยมากจนน่าประหลาดใจ
นายดินนี แมกมาฮอน ผู้เขียนและอดีตผู้สื่อข่าวด้านการเงินของหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลในประเทศจีน ได้วิเคราะห์การถือครองสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีน ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่กว่าธนาคารนโยบายจีนทั้งสองแห่ง นายแมกมาฮอนค้นพบว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนได้เพิ่มสกุลเงินต่างประเทศอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ศ. 2557 แต่ปรับมาเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ พ.ศ. 2557 ถึง พ.ศ. 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่นายสีเริ่มผลักดันโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เมื่อ พ.ศ. 2560 ในขณะที่โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางได้รับแรงผลักดันจากการประชุมหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นครั้งแรก การถือครองสกุลเงินต่างประเทศของธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนก็เริ่มลดลง “ผมรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งเพราะนั่นคือธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีน ซึ่งควรจะเป็นด่านหน้าเมื่อกล่าวถึงโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน แต่ถึงกระนั้นสกุลเงินต่างประเทศก็ลดลง” นายแมกมาฮอนกล่าว นายแมกมาฮอนให้เหตุผลว่า ประเด็นนี้เกิดจากการที่ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนลดลงเกือบร้อยละ 25 ใน พ.ศ. 2559 โดยคิดเป็นจาก 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 145 ล้านล้านบาท) เป็น 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 110 ล้านล้านบาท) ธนาคารกลางแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งเป็นธนาคารกลาง พยายามที่จะรักษาค่าเงินหยวนโดยใช้ธนาคารนโยบายทั้งสองแห่งเป็นด่านหน้าเพื่อช่วยพยุงสกุลเงินของจีน
สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความเกี่ยวข้องของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับปาปัวนิวกินี นายสีสัญญาว่าจะให้นายโอนีลกู้ยืมเงินจำนวน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท) จากธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนในการประชุมด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ประจำ พ.ศ. 2561 แต่ดูเหมือนว่าธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนไม่เต็มใจที่จะให้กู้ยืมเท่าใดนัก ภายหลังจากการเจรจาที่เสียเปล่าเป็นเวลากว่าหนึ่งปี ออสเตรเลียได้ให้กู้ยืมเงินโดยมองว่าเป็นความช่วยเหลือด้านงบประมาณโดยตรงเพื่อการชำระหนี้ของปาปัวนิวกินี เป็นไปได้หรือไม่ที่กระทรวงต่าง ๆ ของจีนอย่างกระทรวงการคลัง
และธนาคารเชิงนโยบายอย่างธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศจีนจะมองว่าโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางถือเป็นความเสี่ยงมากกว่าโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่อยู่ห่างไกลมากกว่าและมีความปลอดภัยน้อยกว่า โดยปกติแล้ว ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าที่มีขนาดเล็กกว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในการให้กู้ยืมในหมู่เกาะแปซิฟิก ทว่าดูเหมือนจะได้รับแรงกดดันในลักษณะเดียวกัน
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าระบบธนาคารระหว่างประเทศอาจต้องชำระเงินสำหรับส่วนแบ่งที่สำคัญของโครงการที่จีนสัญญาไว้ภายใต้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง แม้ว่าจะไม่สอดคล้องกับประเด็นเชิงกลยุทธ์ของจีน แต่ก็สอดคล้องกับทุกมุมมองของจีนที่ได้รับการทบทวนในกรณีศึกษานี้ เห็นได้ชัดว่ารัฐวิสาหกิจของจีนในปาปัวนิวกินีชื่นชอบการจัดหาเงินทุนของธนาคารพัฒนาเอเชีย และได้สร้างสภาพแวดล้อมของการแข่งขันที่เข้มข้นสำหรับการจัดหาเงินทุนแบบพหุภาคี ซึ่งบริษัทอื่น ๆ ส่วนใหญ่ไม่สามารถแข่งขันด้วยต้นทุนที่ต่ำได้ ความช่วยเหลือจากจีน ธนาคารนโยบาย และหน่วยงานกลางอาจบรรลุภารกิจได้โดยการสร้างอำนาจเหนือตลาดปาปัวนิวกินี ซึ่งทำให้จีนพึงพอใจที่จะส่งเสริมชื่อเสียงของตนผ่านโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่ได้รับเงินสนับสนุนจากหน่วยงานอื่น ๆ สภาพแวดล้อมนี้ช่วยให้ศาสตร์การปกครองทางเศรษฐกิจของจีนสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์และ ภูมิยุทธศาสตร์
มุมมองของชาวปาปัวนิวกินี
เมื่อสังเกตจากการมาถึงของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในปาปัวนิวกินีจากมุมมองของชาวจีน คำถามที่สำคัญที่สุดคือ โครงการดังกล่าวมีความหมายต่อชาวปาปัวนิวกินีอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่ในปาปัวนิวกินีเห็นความจำเป็นของโครงสร้างพื้นฐานและการเงินในการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งระหว่างประเทศและในประเทศ ซึ่งทำให้โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางได้รับความคาดหวังสูง อย่างไรก็ตามความหวังเหล่านี้ได้ผสานรวมไปกับมุมมองที่สมดุลและใช้งานได้จริงเกี่ยวกับเจตนาที่อยู่เบื้องหลังของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง วิธีการส่งมอบ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ความคิดดังกล่าวถือเป็นพื้นฐานสำหรับหน่วยงานของปาปัวนิวกินีในการแสวงหาผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อ พ.ศ. 2560 ก่อนที่ปาปัวนิวกินีจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ผู้ประกอบการชาวปาปัวนิวกินีรายหนึ่งได้อธิบายถึงสิ่งที่เขาหวังว่าจะได้เห็นจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับจีน ผู้ประกอบการคนดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า “จีนกำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของปาปัวนิวกินีด้วยถนน ท่าเรือ และใยแก้วนำแสง” และ “ความคิดฉวยโอกาสของชาวรากหญ้าในมณฑลฝูเจี้ยน” ถึงกระนั้นก็เชื่อว่าปาปัวนิวกินีจะได้รับเพียง “เศษเงินจากจีน” เท่านั้น ผู้ประกอบการชาวปาปัวนิวกินีเชื่อว่า “ช่วงเวลาของ ‘การค้าขายแบบตะวันตก’ สิ้นสุดลงแล้ว” เนื่องจากตลาดปาปัวนิวกินีได้เรียนรู้ที่จะเรียกร้องให้มีการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะและมาตรฐานที่สูงขึ้น ในขณะที่ปัจจุบัน ความเป็นผู้นำจีนกำหนดให้รัฐวิสาหกิจยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบระดับโลก “ในอีก 10 ปีข้างหน้า จีนจะสร้างหรือไม่ก็ทำลายภูมิภาคนี้” ผู้ประกอบการกล่าว เมื่อกล่าวถึงอิทธิพลของจีน ผู้ประกอบการคนดังกล่าวสรุปว่าการเลือก “การดำรงอยู่ร่วมกันมากกว่าการอยู่ร่วมกันขึ้นอยู่กับระเบียบวินัยของรัฐ” ระเบียบวินัยนี้ได้รับการทดสอบตั้งแต่ พ.ศ. 2561
สองปีต่อมา นักวิเคราะห์ชาวปาปัวนิวกินีอธิบายว่าผู้คนมองว่าจีนมีอิทธิพลต่อนายโอนีลอย่างมากในช่วงระยะเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง และการปลดเขาออกจากตำแหน่งก็มีความเกี่ยวข้องกับแนวความคิดนี้เช่นกัน นักวิเคราะห์กล่าวว่า ในขณะที่นายโอนีลมีความโหยหาด้านการเงินเพื่อใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก “จีนได้เห็นโอกาสที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับปาปัวนิวกินี” นายชาร์ลส์ อาเบล อดีตรองนายกรัฐมนตรีปาปัวนิวกินี มีความกังวลเกี่ยวกับหนี้สินของประเทศและต้องการใช้การจัดหาเงินทุนของธนาคารพัฒนาเอเชียหรือธนาคารโลกแทนธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า เจ้าหน้าที่หลายคนให้ข้อมูลว่า แนวความคิดเกี่ยวกับการยึดกุมอำนาจของชนชั้นนำในความสัมพันธ์ของจีนกับปาปัวนิวกินีเติบโตขึ้นระหว่างการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 และความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกในห้าเดือนถัดมา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงการต่างประเทศปาปัวนิวกินีได้ตั้งข้อสังเกตว่า จีนเป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาที่สำคัญ โดยได้ส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานในราคาถูกตามที่ปาปัวนิวกินีต้องการอย่างยิ่ง ทว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงยังกล่าวเสริมว่า “ในขณะที่เราจำเป็นต้องพัฒนาเราก็จำเป็นต้องคำนึงถึงกฎระเบียบของเราเองด้วย … ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี แต่เราจำเป็นต้องใช้บูรณภาพทั้งสองด้าน” เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า ปาปัวนิวกินีมาถึงทางแยกและจำเป็นต้องพัฒนา “กลไกการคัดกรอง” เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติในความสัมพันธ์กับจีน
เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายความมั่นคงของปาปัวนิวกินีตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างจีนกับปาปัวนิวกินีใน พ.ศ. 2561 นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเติบโตจนขึ้นมากในความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกผ่านการสนทนาระหว่างนายโอนีลและนายสี นักการเมืองคนอื่น ๆ กังวลว่าพวกเขาจะถูกกันออกจากการอภิปรายเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า ความกังวลนี้มีส่วนทำให้นายโอนีลตกต่ำลง โดยระบุว่า “การประจบประแจงทางการเมืองทำให้เกิดความไม่สบายใจ” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่บทบาทของจีนจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในปาปัวนิวกินี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของปาปัวนิวกินีอีกคนได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ชาวจีนกำลังสร้างความแตกแยกผ่านความไม่เต็มใจในการหลอมรวมเป็นชุมชน” การเติบโตขึ้นทางบทบาทของจีนมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบที่ไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงหรือทำให้ความคับข้องใจที่มีอยู่เลวร้ายลง ผมเรียกสิ่งนี้ว่า “ความขัดแย้งโดยไม่ตั้งใจ”
การสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงของปาปัวนิวกินีใน พ.ศ. 2560 และ 2562 ชี้ให้เห็นถึงความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงการตระหนักถึงความจำเป็นในการสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงและโอกาสในขณะที่พัฒนาความสัมพันธ์ของประเทศตนกับจีน ภายหลังจากการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ประจำ พ.ศ. 2561 หลายฝ่ายกังวลเกี่ยวกับหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของปาปัวนิวกินีที่เกิดจากจีน ข้อมูลนี้มีความสมเหตุสมผลเมื่ออิงตามรายงานของเอดดาต้า ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัยที่วิทยาลัยวิลเลียมแอนด์แมรี่ในสหรัฐฯ โดยได้พบว่าหนี้ของปาปัวนิวกินีที่เกิดจากจีนเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจะอยู่ที่ร้อยละ 17.2 ซึ่งประกอบด้วยหนี้สินที่ซ่อนอยู่ร้อยละ 11 (ระหว่างรัฐวิสาหกิจกับรัฐวิสาหกิจ) และหนี้สินอธิปไตยร้อยละ 5.2 (ระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล) นอกจากนี้ รายงานยังพบว่าข้อผูกพันทางการเงินของจีนต่อปาปัวนิวกินีลดลงหลังจากเข้าร่วมกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของนายแมกมาฮอน
ผลการวิจัยเหล่านี้ยังไม่เป็นที่แน่นอน ทว่ายังชี้ให้เห็นถึงตัวเลือกสำหรับปาปัวนิวกินี แม้ว่าจะมีปัญหาเรื่องหนี้สิน หากโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางในปาปัวนิวกินีส่วนใหญ่ได้รับการชำระเงินจากแหล่งเงินที่ไม่ใช่ของจีน เช่น ธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วจะทำให้ปาปัวนิวกินีมีอิสระมากขึ้นในการคงไว้ซึ่งการพัฒนาที่จำเป็นด้วยต้นทุนที่ต่ำลงโดยไม่ต้องถูกมองว่าเป็นหนี้บุญคุณจีน มีหลักฐานเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในกรณีนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่กว้างขึ้นที่นายจอร์จ คาร์เตอร์ และนายสจ๊วต เฟิร์ธ ระบุว่าเป็น “ความกล้าแสดงออกของชาวเมลานีเซียรุ่นใหม่” และนายเกร็ก ฟราย และนางแซนดรา ทาร์ต ระบุว่าเป็น “การทูตในแปซิฟิกแบบใหม่”
ต้นทุนที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลปาปัวนิวกินีได้แสวงหาผลประโยชน์ของชาติจากความสัมพันธ์กับจีนในช่วงสามปีที่ผ่านมามากขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2563 นายมาราเปปฏิเสธที่จะต่อสัญญาเช่าเหมืองทองพอร์เกร่าในจังหวัดเอนก้า ซึ่งมีบริษัท จือจิน ไมน์นิ่ง กรุ๊ป ของจีนถือหุ้นอยู่ถึงร้อยละ 47.5 ต่อมาในปีนั้น นายเดวิด แมนนิ่ง ผู้ควบคุมภาวะการระบาดใหญ่ในปาปัวนิวกินี ได้ส่งแรงงานชาวจีน 180 คนที่ทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจชั้นนำของจีนในปาปัวนิวกินีให้กลับไปยังจีน หลังจากพิจารณาแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการทดลองวัคซีนลับของจีน เมื่อ พ.ศ. 2565 หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจระหว่างหน่วยงานของปาปัวนิวกินีได้บุกเข้าตรวจค้นกิจการเหมืองแร่ เอ็มซีซี รามู นิโก ของจีน โดยพบว่าใบอนุญาตทำงานและวีซ่าของพนักงาน 260 คนไม่เป็นไปตามข้อกำหนด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หุ้นส่วนของจีนทั้ง 10 ประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิกได้ปฏิเสธ “วิสัยทัศน์การพัฒนาร่วมกัน” ของจีนในการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศครั้งที่สอง เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ยังแสดงท่าทีต่อการมีอยู่ของจีนโดยโครงสร้างอำนาจของชาวเผ่าและรัฐบาลท้องถิ่นที่มีบทบาทในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศตนเอง
ในมุมมองของชาวปาปัวนิวกีนี โครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่หลากหลาย ซึ่งทำให้เกิดโอกาสสำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่มีราคาถูกและผลิตได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงโอกาสทางการค้าและธุรกิจ แต่ถึงกระนั้น เจ้าหน้าที่ของปาปัวนิวกินียังคงกังวลว่าโอกาสเหล่านี้จะมาพร้อมความเสี่ยง ความคับข้องใจ และต้นทุนที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ เนื่องจากเจตนาของจีนมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ในขณะที่ปาปัวนิวกินีเจรจาด้านความสัมพันธ์กับจีน รัฐบาลปาปัวนิวกินีได้ตระหนักถึงความหมายของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางมากขึ้น ซึ่งได้แก่ ยุทธศาสตร์ทางภูมิเศรษฐศาสตร์ที่ใช้ศาสตร์การปกครองทางเศรษฐกิจเพื่อส่งมอบยุทธศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของจีน ดังนั้น ความได้เปรียบทางเศรษฐกิจที่รับรู้ได้ของโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจึงทำให้เกิดต้นทุนที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ นี่ไม่ใช่การได้รับผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจีนจะกล่าวไว้เช่นนั้นก็ตาม ความรู้นี้ถือเป็นพื้นฐานในการประเมินทางเลือกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของชาติของปาปัวนิวกินี
บทความนี้ได้รับการดัดแปลงมาจาก “โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางมาถึงปาปัวนิวกินี: ภูมิเศรษฐศาสตร์ จีนมีลักษณะเฉพาะของชาวเมลานีเซียใช่หรือไม่” เผยแพร่ใน “ความท้าทายด้านความมั่นคง” ฉบับที่ 16 หมายเลข 4 ภูมิเศรษฐศาสตร์ในอินโดแปซิฟิก (พ.ศ. 2563) หน้า 41 – 64 บทความนี้มีการเรียบเรียงเนื้อหาเพื่อให้เหมาะสมกับการนำเสนอของ ฟอรัม สามารถดูบทความฉบับเต็มได้ที่ https://www.jstor.org/stable/10.2307/26976257