การป้องปรามแบบบูรณาการความร่วมมือเรื่องเด่น

อาวุธยุทโธปกรณ์ กับ สอง ภารกิจ

การยิงที่แม่นยำ จากภาคพื้นดิน เพื่อปกป้องเขตแดน และยกระดับการป้องปราม

ระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ที่นำมาปรับใช้ในแนวหน้า เป็นสินทรัพย์สำคัญในคลังแสงที่สหรัฐอเมริกาจะนำมาใช้ประโยชน์ หากประเทศพร้อมด้วยหุ้นส่วนและพันธมิตรถูกกดดันให้ตอบโต้ทางทหารต่อการกระทำที่ก้าวร้าวในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบบการสู้รบแบบเคลื่อนที่ทางยุทธศาสตร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ เหล่านี้มอบการป้องปรามที่สำคัญร่วมกับขีดความสามารถแบบหลายมิติปัจจุบันที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ทางอากาศ ทางไซเบอร์ ทางบก ทางทะเล ทางอวกาศ และสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า

การกระจายของระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันสามารถรักษาไว้ซึ่งอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง โดยจัดการซ้อมรบที่เหนือชั้นสำหรับเทคโนโลยีขีปนาวุธขั้นสูงและฐานปล่อยขีปนาวุธไปยังเป้าหมายของศัตรู

ระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์เป็นอาวุธลำกล้องขนาดใหญ่และโจมตีหนัก ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธ ปืนใหญ่ และปืนใหญ่อื่น ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อทะลวงแนวข้าศึกและทำลายเป้าหมายหลักในระยะไกล อย่างไรก็ตาม ระบบเหล่านี้ต้องพัฒนาควบคู่ไปพร้อมกับลักษณะที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสงคราม เพื่อคงประสิทธิภาพไว้เช่นเดียวกับระบบอื่น ๆ ของกองทัพบกสหรัฐฯ

“การปรับปรุงความแข็งแกร่งและความคล่องตัวของระบบปืนใหญ่และอาวุธยุทโธปกรณ์ภาคสนามของกองทัพบกจะช่วยให้ทหารของเราสามารถสร้างผลลัพธ์ที่แม่นยำและเป็นโทษในสนามรบในอนาคตได้มากขึ้น” พล.ต. จอห์น ราฟเฟอร์ตี ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการทีมข้ามสายงานสำหรับการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลของกองทัพบกสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2561 ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 กล่าว ทีมงานดังกล่าว ซึ่งประจำการที่ฟอร์ทซิล รัฐโอคลาโฮมา ได้รับมอบหมายให้สำรวจวิธีการพัฒนาระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลสำหรับสงครามยุคใหม่ โครงการนี้เป็นสิ่งที่กองทัพบกสหรัฐฯ ให้ความสำคัญในการปรับปรุงยุทธวิธีให้ทันสมัย อีกทั้งการสำรวจความเป็นไปได้สำหรับระบบที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของกองบัญชาการพัฒนาขีดความสามารถในการรบของกองทัพบกสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับข้อมูลจากภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา

การติดตั้งระบบเป็นส่วนสำคัญของแผนโดยสหรัฐฯ ร่วมกับหุ้นส่วนและพันธมิตรเพื่อจัดการกับภัยคุกคามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก และที่อื่น ๆ ความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ เช่น ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ พร้อมด้วยสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน อินเดีย นิวซีแลนด์ และประเทศในหมู่เกาะแปซิฟิก ด้วยการสนับสนุนเครือข่ายหุ้นส่วนและพันธมิตรที่เหนือชั้นและมีวิสัยทัศน์ร่วมกัน รวมถึงการเคารพระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา ประเทศต่าง ๆ สามารถยับยั้งการรุกรานและสร้างความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน

สมาชิกฝูงบินปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐฯ ยืนถ่ายภาพก่อนการยิงขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายจากเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่ภาคสนามในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 จ.ต. คาเดียล ชอว์/กองทัพอากาศสหรัฐฯ

พื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกเป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญที่สุดของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ พล.ร.อ. จอห์น ซี. อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กล่าวว่า ทุกมิติในภูมิภาคนี้กำลังถูกท้าทายจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และสหรัฐฯ จะต้องแซงหน้าขีดความสามารถของจีนด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในด้านปัญญาประดิษฐ์ การยิงเชิงรุก พลังงานโดยตรง ความเร็วเหนือเสียง และคอมพิวเตอร์ควอนตัม โดยบูรณาการเข้ากับกองกำลังพันธมิตร/หุ้นส่วนร่วมโดยเร็วที่สุด

การทดสอบการบินที่ดำเนินการ ณ ฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 ได้ตรวจสอบความสามารถของระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพบกในการยิงขีปนาวุธได้ไกลกว่า 499 กิโลเมตร ซึ่งเกินกว่าระยะ 300 กิโลเมตรของระบบขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่มีอยู่ กองทัพบกสหรัฐฯ วางแผนที่จะเปิดตัวขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายเป็นครั้งแรกใน พ.ศ. 2566 และสหราชอาณาจักรได้ประกาศว่าจะติดตั้งระบบขีปนาวุธดังกล่าวใน พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับเป็นระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง เอ็ม270 ระบบขีปนาวุธใหม่ประกอบด้วยเครื่องยิงจรวดที่มีอยู่เดิมโดยติดตั้งขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายรุ่นต่อไปของกองทัพบก อีกทั้งยังมีขีดความสามารถในการทำลายภัยคุกคามทางอากาศ เครื่องยิงขีปนาวุธ ศูนย์บัญชาการและควบคุม จุดรวมพล/พื้นที่พักพล และเป้าหมายที่สำคัญต่อภารกิจอื่น ๆ ขีปนาวุธดังกล่าวมีตัวค้นหาเป้าหมายแบบหลายโหมดที่ล็อกเรดาร์และสัญญาณวิทยุของศัตรู ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการโจมตีเป้าหมายทางทะเล รวมถึงเป้าหมายภาคพื้นดินแบบดั้งเดิม

แรงจูงใจสำหรับการทูต

มีแนวโน้มว่าการเพิ่มการป้องปรามทางทหารของสหรัฐฯ และหุ้นส่วน/พันธมิตรในลักษณะที่อธิบายโดย พล.ร.อ. อาควิลิโน และผู้นำทางทหารอื่น ๆ ของสหรัฐฯ จะทำให้แนวโน้มการขยายอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์หยุดชะงักชั่วคราว ตลอดจนปรับปรุงความเป็นไปได้ของการแก้ปัญหาทางการทูตต่อเหตุการณ์ขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก

สหรัฐฯ จำเป็นต้องเปลี่ยนจากฐานปล่อยขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่
“มีเกียรติ” และราคาแพง เช่น เรือและเครื่องบินที่สามารถกำหนดเป้าหมายได้ ไปใช้ระบบต่อต้านการเข้าถึง/การปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่ที่มีราคาไม่แพง และลงทุนในอาวุธขนาดเล็ก ต้นทุนน้อยกว่า และผลิตได้ง่าย เพื่อปรับสมดุลการป้องปรามในภูมิภาค สหรัฐฯ ควรให้ความสำคัญกับการปรับปรุงอาวุธสำหรับการปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่

“ท่าทีการป้องปรามตามแบบที่มีความสามารถในการสู้รบที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความขัดแย้ง ปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ตลอดจนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่หุ้นส่วนและพันธมิตรของเรา” พล.ร.ต. ฟิลิป เอส. เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกในขณะนั้น กล่าวยืนยันต่อรัฐสภาสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564 “หากปราศจากการยับยั้งที่เชื่อถือได้ สาธารณรัฐประชาชนจีนจะกล้ากระทำการเพื่อบ่อนทำลายระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาและค่านิยมที่นำเสนอในวิสัยทัศน์ของเราสำหรับอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง”

เป้าหมายของการป้องปรามที่นำโดยสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกคือการบีบให้กองกำลังศัตรูตกอยู่ในความเสี่ยง ตลอดจนแสดงให้เห็นว่าการดำเนินการที่เป็นปรปักษ์ เช่น การรุกรานของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวันที่ปกครองตนเอง ไม่คุ้มที่จะดำเนินการ

ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกมีลักษณะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยมหาสมุทรและหมู่เกาะนับพันที่มีขนาดและภูมิประเทศแตกต่างกัน การนำลักษณะทางภูมิศาสตร์เหล่านี้มาประกอบการวางแผนสำหรับการป้องปรามแบบดั้งเดิมในสภาพแวดล้อมที่ถูกท้าทายจากท่าทีของจีนนั้นจำเป็นต้องอาศัยความสามารถในการโจมตีระยะไกลที่มีความแม่นยำแบบกระจายตัวในระดับภูมิภาค

ขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายได้รับการยิงทดสอบที่ฐานทัพอวกาศแวนเดนเบิร์กรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564 แอนโธนี เมนเดซ/กองทัพอวกาศสหรัฐฯ

ระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์จะนำเสนอข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์และการเงินเหนืออาวุธรุ่นเก่า ขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายของกองทัพบกสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างของแนวคิดดังกล่าว การใช้ฐานปล่อยขีปนาวุธดั้งเดิม เช่น ระบบเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่ หรือระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง ช่วยให้ระบบขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายสามารถยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือได้ไกลกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งทำให้เรือของกองทัพเรือฝ่ายศัตรูตกอยู่ในความเสี่ยง ในขณะเดียวกัน อากาศยานที่มีคนขับมีพิสัยและระยะเวลาการบินที่จำกัด อีกทั้งยังตกอยู่ในความเสี่ยงต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของฝ่ายศัตรูที่มีความซับซ้อน และขาดการป้องปรามในทุกสภาพอากาศและทนทานที่มีอยู่ในระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์

ขีดความสามารถของระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ถือว่ามีประโยชน์อย่างมาก “ผมคิดว่าการมีขีดความสามารถที่หลากหลายในมหาสมุทรแปซิฟิกช่วยให้เรามีหลายทางเลือก เนื่องจากคุณสามารถยิงขีปนาวุธจากสถานที่ต่าง ๆ ได้” พล.ต. ราฟเฟอร์ตี
กล่าวกับเว็บไซต์ ดีเฟนส์นิวส์ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 “และการผสมผสานและจับคู่ความสามารถระยะไกลจากสถานที่ต่าง ๆ เหล่านั้นสร้างสถานการณ์ลำบากให้แก่ศัตรูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ”

หน่วยเฉพาะกิจแบบหลายมิติคือคำตอบของกองทัพบกสำหรับข้อกำหนดสำหรับการยิงที่แม่นยำในเชิงปฏิบัติการและเชิงกลยุทธ์ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ของขีปนาวุธ การป้องกันภัยทางอากาศ หน่วยข่าวกรอง และไซเบอร์ ซึ่งร่วมกันอำนวยความสะดวกในการป้องกันพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการป้องปรามที่มีความสามารถในการสู้รบที่เชื่อถือได้

ระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพบกและขอบเขตของอาวุธที่มีให้สำหรับกองกำลังเฉพาะกิจแบบหลายมิติ ได้แก่

  • อาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงพิสัยไกล (2,775 กิโลเมตร)
  • ขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายที่สามารถทำงานร่วมกันได้กับระบบเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่/ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (500 กิโลเมตร)
  • ขีดความสามารถระยะกลาง (ขีปนาวุธ เอสเอ็ม-6, ขีปนาวุธโจมตีภาคพื้นดิน โทมาฮอว์ก และขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมาย สไปรอล 3) (1,800 กิโลเมตร)
  • ระบบยิงจรวดนำวิถีหลายลำกล้องพิสัยขยายที่สามารถทำงานร่วมกันได้กับระบบเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่/ระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง (150 กิโลเมตร)
  • ระเบิดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็ก ภาคพื้นดิน ที่สามารถทำงานร่วมกันได้กับเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่/เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง (150 กิโลเมตร)

ยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะโจมตีตอบโต้อาวุธที่ติดตั้งโดยกองกำลังจรวดของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภาคตะวันออกของจีนภายในระยะที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนคาดว่าจะเกิดการเผชิญหน้าที่เป็นไปได้มากที่สุด อาทิ ทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก คาบสมุทรเกาหลี และไต้หวัน การปรับใช้ระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์แบบเคลื่อนที่ภาคพื้นดินในภูมิภาคนี้จะเพิ่มความซับซ้อนในการคำนวณให้กับนักวางแผนของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ตลอดจนเพิ่มทรัพยากรที่จำเป็นในการกำหนดเป้าหมายระบบ

“แม้ว่ารัฐบาลจีนอาจเลือกที่จะโจมตีฐานทัพใกล้เคียงจำนวนหนึ่ง ซึ่งสามารถรองรับเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และบังคับให้เรือรบผิวน้ำของสหรัฐฯ ถอยห่างจากชายฝั่งของจีน แต่การค้นหาเครื่องยิงจรวดภาคพื้นดินของกองทัพบกหลายร้อยลำที่เคลื่อนที่ตลอดเวลาจะเป็นงานที่ยากเกินขีดความสามารถของกองทัพจีน”
ตามรายงานของนิตยสารฟอร์บส์ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2564

เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ ตรวจสอบฐานเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่ที่สามารถยิงขีปนาวุธด้วยระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ

อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือประเภทของระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ที่ปรับใช้ ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ซึ่งสามารถเดินทางได้มากกว่าความเร็วเสียง 5 เท่า สามารถแยกแยะความแตกต่างได้อย่างง่ายดายจากระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์อื่น ๆ ของกองทัพบกสหรัฐฯ การติดตั้งระบบความเร็วเหนือเสียงโดยไม่ระบุอย่างรวดเร็วอาจเป็นเรื่องยาก ในทางกลับกัน ปลอกขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายแทบไม่ต่างจากปลอกเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องรุ่นเก่า และฝ่ายศัตรูจะถูกกดดันอย่างหนักเพื่อระบุว่าขีปนาวุธใดที่โจมตีเข้ามา ขีปนาวุธโจมตีแบบหลายเป้าหมายสามารถให้ความยืดหยุ่นเพิ่มเติมในการปรับใช้ความสามารถด้านขีปนาวุธขั้นสูง และอาจลดขนาดการตอบโต้ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

คำถามที่ปรากฏ

สหรัฐฯ พร้อมด้วยหุ้นส่วนและพันธมิตรจะติดตั้งระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ไว้ที่ใด? ตามหลักการแล้ว ทรัพย์สินทางทหารควรมีการติดตั้งเชิงยุทธศาสตร์ไว้ด่านหน้าเพื่อป้องปราม และหากการป้องปรามล้มเหลว ควรตอบโต้การรุกรานของฝ่ายศัตรูอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

สหรัฐฯ ต้องให้ความมั่นใจแก่หุ้นส่วนและพันธมิตรถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งและไม่หวั่นเกรงต่อภูมิภาคนี้ และจะต่อต้านการบีบบังคับของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในทางกลับกัน ประเทศต่าง ๆ ที่ตกลงรองรับระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพบกสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะมองว่าการตัดสินใจของตนเป็นแรงหนุนการป้องปรามต่อระบอบการปกครองของจีนที่แข็งกร้าว บีบบังคับ และเพิกเฉยต่อกฎระเบียบและบรรทัดฐานระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ

ระบบการยิงที่ติดตั้งในเกาหลีใต้มีไว้เพื่อยับยั้งการรุกรานของเกาหลีเหนือและเพื่อสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค ระบบดังกล่าว
ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นภัยคุกคามต่อจีน

“กองกำลังทหารร่วม ซึ่งได้รับการฝึกอย่างมืออาชีพและเป็นอันตรายถึงชีวิตร่วมกับหุ้นส่วนและพันธมิตร จะช่วยให้เกิดการป้องปรามที่จำเป็นในขณะที่ดำเนินการทางการทูตจากจุดยืนที่แข็งแกร่ง เพื่อประกันสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองสำหรับ ทุกคนในภูมิภาค” พล.ร.อ. อาควิลิโน กล่าวในระหว่างเข้าพิธีรับฟัง
การยืนยันการแต่งตั้งของรัฐสภาในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2564

พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะตอบสนองต่อระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์อย่างไร? ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุ 3 ปัจจัยสำคัญที่มีแนวโน้มที่จะกำหนดคำตอบ:

  • การป้องปราม — ความสามารถของสหรัฐฯ หุ้นส่วนและพันธมิตรในการถ่วงดุลบทบาทของจีนในทะเลจีนใต้ ทะเลจีนตะวันออก และที่อื่น ๆ โดยการวางกองกำลังที่น่าเกรงขาม
  • อำนาจทางเศรษฐกิจ — ความสามารถร่วมกันของเราในการต่อต้านการใช้ประโยชน์จากการค้า การให้กู้ยืม และประโยชน์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามกฎหมายและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ
  • ความสามัคคีของพันธมิตร — ระดับความสามารถในการสร้างและรักษาฉันทามติและการทำงานร่วมกันระหว่างหุ้นส่วนและ

พันธมิตร ซึ่งรวมถึงสมาชิกควอด ได้แก่ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ และประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เช่น ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้

เพื่อขัดขวางการติดตั้งระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีแนวโน้มที่จะหันไปใช้สินบน การว่าร้าย และการคุกคามโดยนัย รวมถึงแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อเพื่อโน้มน้าวประเทศหลัก ๆ ให้ปฏิเสธการเข้าถึงพื้นที่ของสหรัฐฯ เพื่อวางระบบ หากล้มเหลว รัฐบาลจีนมีแนวโน้มที่จะใช้การบีบบังคับทางเศรษฐกิจและการโจมตีทางไซเบอร์เพื่อพยายามบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองโดยปราศจากความขัดแย้งทางอาวุธ

ด้วยการกระทำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่แข็งกร้าวมากขึ้น การยับยั้งที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งจำเป็น และระบบการยิงที่แม่นยำจากระยะไกลเชิงยุทธศาสตร์ภาคพื้นดินของกองทัพสหรัฐฯ จึงควรเป็นรากฐานของการป้องปรามดังกล่าว ด้วยขีดความสามารถและความยืดหยุ่นข้ามมิติ ศูนย์บัญชาการกองกำลังเฉพาะกิจแบบหลายมิติของกองทัพสหรัฐฯ จึงเป็นหน่วยงานที่เหมาะสมที่สุดในการปรับใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ในภูมิภาค แน่นอนว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะตอบโต้ด้วยวาทศิลป์และการบีบบังคับอย่างโจ่งแจ้งเพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพสหรัฐฯ มีจุดยืนในแนวหมู่เกาะที่หนึ่ง แต่ด้วยการเตรียมพร้อมสำหรับการตอบสนองดังกล่าว สหรัฐฯ พร้อมด้วยหุ้นส่วนและพันธมิตรจะยังคงได้มาและคงไว้ซึ่งการควบคุมเหนือภูมิภาค

หุ้นส่วนและพันธมิตรของสหรัฐฯ หลายรายต่างคาดหวังที่จะจัดหาระบบเครื่องยิงจรวดเคลื่อนที่และระบบยิงจรวดหลายลำกล้องตามมูลค่าที่สหรัฐฯ มอบให้แก่กองกำลังยูเครนเพื่อป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย ซึ่งการจัดหาดังกล่าวเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ระบบเหล่านี้อยู่ในมือของประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน

“ในสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการที่ซับซ้อนและมีเทคโนโลยีสูง การเข้าถึงและกำจัดภัยคุกคามอย่างรวดเร็วและแม่นยำจะมีความสำคัญสูงสุด” พล.ต. ราฟเฟอร์ตี กล่าว “โชคดีที่ขีดความสามารถที่เราเห็นว่าเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ในการปรับปรุงความทันสมัย ​​จะขยายขอบเขต การทำลายล้าง และผลกระทบจากการยิงจากพื้นสู่พื้นของเรา ซึ่งช่วยให้กองทัพ กองกำลังร่วม และพันธมิตรของเราอยู่เหนือศัตรูใกล้ตัวไปหนึ่งก้าว และเป็นก้าวที่สำคัญ”

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button