ทรัพยากรส่วนรวมของโลกเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ เพิ่มขีดความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์เพื่อปกป้องความมั่นคงในภูมิภาค

ฟีลิกซ์ คิม

สงครามอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กิจกรรมทางทหารที่ดำเนินการในสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเพิ่มขึ้นสำหรับกองทัพในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐอเมริกา กำลังเพิ่มขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในอากาศ ในทะเล และบนบก เพื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามระดับภูมิภาคที่เกิดจากเกาหลีเหนือ สาธารณรัฐประชาชนจีน และรัสเซีย

ดร. คิม แจยอป นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันซังกยุนเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระดับโลกแห่งมหาวิทยาลัยซังกยุนกวานของเกาหลีใต้ กล่าวกับ ฟอรัม ว่า “เมื่อพิจารณาถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์อย่างกว้างขวางและการเชื่อมต่อโครงข่ายที่เพิ่มขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มทางทหารต่าง ๆ ในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และแม้แต่ในอวกาศ เราจึงไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ได้”

ขีดความสามารถของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ส่วนมากจะประกอบด้วยการลาดตระเวน การเฝ้าระวัง และการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกส์ และยังรวมถึงการใช้สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อตรวจจับ วิเคราะห์ และขัดขวางการสื่อสารและสัญญาณเรดาร์ของศัตรู ด้วยภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นของอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงจากเกาหลีเหนือ นายคิมกล่าวว่า “กิจกรรมในด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์บนคาบสมุทรเกาหลีสำหรับตรวจจับและติดตามกิจกรรมเกี่ยวกับอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงของรัฐบาลเกาหลีเหนือกำลังมีความจำเป็นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้อนุมัติแผนงานมูลค่า 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท) ในการพัฒนาอากาศยานที่ติดตั้งระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่ พ.ศ. 2567-2575 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบตอบโต้สงครามอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศ ตามประกาศของสำนักงานโครงการจัดซื้อด้านกลาโหมของเกาหลีใต้ ด้วยความสามารถในการทำลายการป้องกันทางอากาศของศัตรู ตลอดจนระบบคำสั่งและการสื่อสาร อากาศยานลำใหม่นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมและความสามารถในการอยู่รอดของยุทโธปกรณ์ทางอากาศ อากาศยานเหล่านี้จะรวบรวมและประเมินสัญญาณของภัยคุกคามด้วย

โครงการอิเล็กทรอนิกส์ทางทะเล-2 ของสำนักงานโครงการจัดซื้อด้านกลาโหม ซึ่งดำเนินการจนถึง พ.ศ. 2579 จะยกระดับระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์บนเรือของกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อใช้ประโยชน์จากปัญญาประดิษฐ์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นในการเพิ่มขีดความสามารถ “การตรวจจับทิศทางแบบดิจิทัล” และ “การรบกวนสัญญาณอัจฉริยะ”

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลญี่ปุ่นวางแผนใน พ.ศ. 2566 ที่จะสร้างเครือข่ายหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่ฐานกองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดินของญี่ปุ่นทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์ ตามรายงานในสมุดปกขาวของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น “ญี่ปุ่นได้จัดตั้งระบบที่สามารถต่อต้านการใช้สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าของฝ่ายตรงข้าม เพื่อสร้างความได้เปรียบในปฏิบัติการประเภทต่าง ๆ ในกรณีฉุกเฉิน” ตามที่ระบุในสมุดปกขาว พ.ศ. 2565

รัฐบาลญี่ปุ่นมองว่าภัยคุกคามต่อดินแดนรอบนอกที่มาจากจีนและญี่ปุ่น เป็นเหตุผลในการเพิ่มขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของตนเอง

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังมีหน่วยสงครามอิเล็กทรอนิกส์ทางอากาศในสังกัดของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น ที่สามารถรวบรวมข่าวกรองและก่อกวนอากาศยาน ตลอดจนขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์จากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น ซึ่งใช้เครื่องบินล็อกฮีด อีพี-3ซี โอไรออน สี่ลำเพื่อปฏิบัติการรวบรวมข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์

สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญาของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ วางแผนที่จะสนับสนุนขีดความสามารถด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นลำดับความสำคัญเร่งด่วนในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก พล.ร.อ. จอห์น อาควิลิโน ผู้บัญชาการกองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิก กล่าวต่อคณะกรรมาธิการทหารของวุฒิสภาสหรัฐฯ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566

กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิกกำลังหาทางยกระดับด้านสงครามอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ยุทโธปกรณ์กองทัพบกและกองทัพเรือภายใต้โครงการริเริ่มการป้องปรามในแปซิฟิกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ภาพ: อากาศยานสงครามอิเล็กทรอนิกส์ อี/เอ-18จี กราวเลอร์แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ขึ้นบินจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นิมิตซ์ ระหว่างการปฏิบัติการตามปกติในทะเลฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566)

“เราต้องสามารถปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีการช่วงชิงได้” พล.ร.อ. อาควิลิโนกล่าว “เราจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังห้วงมิติการรบสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในสมรภูมิรบอย่างต่อเนื่อง และเราจำเป็นต้องสามารถดำเนินระบบสังหารของเราให้สำเร็จโดยใช้อาวุธและเครือข่ายที่จำเป็น สเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้ามีความสำคัญต่อสิ่งนั้น”

ฟีลิกซ์ คิม เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้

 

ภาพจาก: จ.อ. จัสติน แมคแท็กการ์ต/กองทัพเรือสหรัฐฯ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button