ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ร่วมมือกันเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางดาวเทียมที่สำคัญ

ทอม แอบกี
ความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาในการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานทางดาวเทียมที่สำคัญจากกิจกรรมต่อต้านดาวเทียมที่ไม่เป็นมิตรและขยะอวกาศที่สร้างความเสียหายจะสิ้นสุดลงใน พ.ศ. 2566 และ 2567 โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งดาวเทียมที่ติดตั้งเซ็นเซอร์เฝ้าระวังทางอวกาศที่ผลิตโดยสหรัฐฯ ควบคู่ไปกับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาดาวเทียมเฝ้าระวังทางอวกาศ
“ความสามารถของดาวเทียมช่วยให้เราสามารถดำเนินงานได้ในเกือบทุกด้านของการดำเนินชีวิต ตั้งแต่การใช้งานภายในบ้านไปจนถึงภาคการขนส่ง โครงข่ายพลังงานไฟฟ้า ระบบธนาคาร และการสื่อสารทั่วโลก” นายบรูซ แมคคลินต็อก หัวหน้าโครงการริเริ่มองค์กรอวกาศที่แรนด์คอร์ปอเรชัน กล่าวกับ ฟอรัม
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงของดาวเทียมเหล่านี้ต่อการถูกโจมตีและขยะอวกาศ นายแมคคลินต็อกได้อ้างถึงการทดสอบกิจกรรมต่อต้านดาวเทียมโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนใน พ.ศ. 2550 และรัสเซียใน พ.ศ. 2564 ซึ่งไม่เพียงทำลายดาวเทียมเก่าคู่หนึ่งของแต่ละประเทศเท่านั้น แต่ยังสร้างเศษขยะจำนวนมหาศาลที่ทำให้ทรัพย์สินในวงโคจรอื่น ๆ ตกอยู่ในความเสี่ยง รวมทั้งสถานีอวกาศนานาชาติ
“เพื่อปกป้องดาวเทียมและนักบินอวกาศจากขยะอวกาศ การเข้าใจวงโคจรของดาวเทียมอย่างถ่องแท้จึงเป็นสิ่งสำคัญ การเฝ้าระวังทางอวกาศเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความเข้าใจดังกล่าว” ตามรายงานขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น “ความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการแก้ปัญหาขยะอวกาศ”
ญี่ปุ่นจะปล่อยดาวเทียมควอซี-เซนิธ พร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อการเฝ้าระวังทางอวกาศใน พ.ศ. 2566 ตามรายงานของนิตยสารสเปซนิวส์ เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงดังกล่าวได้รับการพัฒนาโดยห้องปฏิบัติการลินคอล์นของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ดาวเทียมควอซี-เซนิธ ดวงที่ 2 ซึ่งได้รับการติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อการเฝ้าระวังทางอวกาศที่พัฒนาโดยลินคอล์น มีกำหนดการปล่อยตัวใน พ.ศ. 2567 โดยดาวเทียมทั้ง 2 ดวงจะได้รับการปล่อยตัวจากศูนย์อวกาศทะเนะงะชิมะของญี่ปุ่น (ภาพ)
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 กองทัพอวกาศสหรัฐฯ ประกาศว่าได้ส่งมอบเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงให้แก่ญี่ปุ่นภายใต้บันทึกความเข้าใจที่ลงนามกับสำนักงานนโยบายอวกาศแห่งชาติของญี่ปุ่นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563
ดาวเทียมดังกล่าวจะยกระดับขีดความสามารถของเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อการเฝ้าระวังทางอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์เชิงแสงและเรดาร์และสถานีเรดาร์ภาคพื้นดินเพื่อวิเคราะห์วงโคจรของขยะอวกาศ ความใกล้กับดาวเทียม และการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ ดาวเทียมควอซี-เซนิธที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อการเฝ้าระวังทางอวกาศจะโคจรอยู่ที่ระยะทาง 36,000 กิโลเมตร โดยจะตรวจสอบวงโคจรค้างฟ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งของดาวเทียมสื่อสารและโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอื่น ๆ
“มีการคาดเดาว่า จีนมีแนวโน้มที่จะดำเนินกิจกรรมต่อต้านดาวเทียมในวงโคจรค้างฟ้า” นายแมคคลินต็อก กล่าว “รัฐบาลจีนได้ปล่อยตัววัตถุหนึ่งขึ้นสู่อวกาศบนวิถีโคจรที่สูงกว่า 30,000 กิโลเมตร ซึ่งอยู่ใกล้กับระดับความสูงของวงโคจรค้างฟ้าดังกล่าว”
ดาวเทียมที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับแสงเพื่อการเฝ้าระวังทางอวกาศ ซึ่งออกแบบและผลิตโดยไอเอชไอ คอร์ป ของญี่ปุ่น และบริษัทนอร์ทรอป กรัมแมน ซึ่งตั้งอยู่ในสหรัฐฯ มีข้อได้เปรียบด้านการเคลื่อนที่เนื่องจากขนาดที่กะทัดรัด ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าใกล้ดาวเทียมต้องสงสัยและถ่ายทอดภาพเพื่อการวิเคราะห์ได้ ตามรายงานของนิตยสารนิกเคอิ เอเชีย ของญี่ปุ่น
ภาพจาก: องค์การสำรวจอวกาศประเทศญี่ปุ่น