การหารือร่วมกันเป็นการดำเนินการที่มีความสำคัญต่อการจัดการกับความท้าทายระดับโลก

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม
ความมุ่งมั่นต่อระบบพหุภาคีนิยมกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ร่วมมือกันมากขึ้นตามค่านิยมและระบบของรัฐบาลที่มีความคล้ายคลึงกัน เพื่อรับมือกับความท้าทายระดับสากล เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ วันพหุภาคีนิยมและการทูตเพื่อสันติภาพสากลขององค์การสหประชาชาติในวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2566 มุ่งเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนเชิงบวกและความสำเร็จระหว่างประเทศต่าง ๆ แม้จะมีความแตกต่างกัน
“ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้นำทุกคนเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการหารือและการแก้ไขปัญหาระดับโลก ซึ่งเป็นหนทางที่ยั่งยืนเพียงหนทางเดียวเพื่อสันติภาพ” นายอังตอนีอู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ (ภาพ) กล่าวในการแถลงข่าว
เสียงเรียกร้องของนายกูแตรึชได้รับความสนใจไปทั่วอินโดแปซิฟิก ที่ซึ่งบางประเทศไม่ปฏิบัติตามระเบียบระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกา เช่น สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงเพิกเฉยต่อคำตัดสินของศาลระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิทางทะเลในทะเลจีนใต้เมื่อ พ.ศ. 2559 และเกาหลีเหนือได้ขัดขืนข้อเรียกร้องให้ยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
“ระบบพหุภาคีนิยมกลายเป็นระบบที่มีความบกพร่องจนเกินไป หรือเราจะยังคงหาจุดสมดุลที่อำนาจอธิปไตยและความเป็นสากลอยู่ร่วมกันได้?” มูลนิธิวิจัยสังเกตการณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในอินเดีย ได้ตั้งคำถามเมื่อต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 มูลนิธิวิจัยสังเกตการณ์ให้การยอมรับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ในฐานะแนวร่วมที่มีประวัติการทำงานร่วมแม้จะมีความแตกต่างกัน ทั้งที่สถานะของอาเซียนได้ลดลงนับตั้งแต่การรัฐประหารในเมียนมาและการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างโหดร้ายของกองกำลังติดอาวุธเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียน
องค์กรใหม่ ๆ กำลังมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้ และบางองค์กรมีความมั่นคงเป็นหนึ่งในด้านที่ตนสนใจอีกด้วย ได้แก่ การเจรจาความมั่นคงจตุภาคี ซึ่งประกอบด้วยออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา และอูกัส ซึ่งมีออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นสมาชิก กองทัพอินโดแปซิฟิกได้ดำเนินการฝึกซ้อมร่วมกันเป็นประจำ เช่น บาลิกาตัน คอบร้าโกลด์ และริมออฟเดอะแปซิฟิก นอกจากการฝึกซ้อมแล้ว บุคลากรทางทหารยังให้ความร่วมมือในโครงการสาธารณประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรจากประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
สถาบันระดับภูมิภาคที่ส่งเสริมระบบพหุภาคีนิยม ได้แก่
แปซิฟิกฟอรัม: สถาบันนโยบายต่างประเทศที่ไม่แสวงหาผลกำไรแห่งนี้ร่วมมือกับองค์กรวิจัยกว่า 30 แห่งทั่วประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเผยแพร่ผลการวิจัยแก่ผู้นำทางความคิด เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชน
วิทยาลัยความมั่นคงในแปซิฟิก ณ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย: วิทยาลัยแห่งนี้มุ่งเน้นไปที่สภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงของมนุษย์และประเทศชาติ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงในระดับภูมิภาคและความจำเป็นในการหารือและการทำงานร่วมกัน
ศูนย์อีสต์เวสต์: สถาบันไม่แสวงหาผลกำไรที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ แห่งนี้ส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนและประเทศต่าง ๆ ในอินโดแปซิฟิกผ่านการศึกษา การวิจัย และการหารือแบบร่วมมือกัน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง: สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของสิงคโปร์สนับสนุนผู้นำในอนาคตและสร้างอิทธิพลต่อสังคมผ่านการศึกษาและการวิจัย
พันธมิตรเพื่อพหุภาคีนิยม ซึ่งเป็นเครือข่ายอย่างไม่เป็นทางการของประเทศต่าง ๆ ยืนยันว่าแนวทางระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง โดยประกาศว่า “ด้วยลักษณะและขอบเขตในระดับโลกของความท้าทายที่สำคัญในยุคของเรา ทำให้ประเทศต่าง ๆ ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงลำพัง แต่ต้องแก้ไขร่วมกัน”
องค์การสหประชาชาติกล่าวว่า “ระบบพหุภาคีนิยมตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐาน เช่น การปรึกษาหารือ การรวมเป็นหนึ่ง และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” “ซึ่งเป็นทั้งวิธีการร่วมมือและรูปแบบองค์กรของระบบระหว่างประเทศ”
ภาพจาก: เอเอฟพี/เก็ตตี้อิมเมจ