มองภูมิภาคอำนาจอธิปไตยของชาติแผนก

ประธานาธิบดี ไบเดนและมาร์กอส ยืนกราน ความเป็นพันธมิตร ระหว่างประเทศ

นายเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ใคร่ครวญถึงความสำคัญของการเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศ ในระหว่างการประชุมแบบพบปะกันครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 ขณะที่ประธานาธิบดีไบเดนเองก็ “ได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของสหรัฐอเมริกาต่อกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์อีกครั้ง”
บรรดาผู้นำทั้งหลายได้พบปะกันในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติในนิวยอร์กหลังจากผ่านไปสี่เดือนที่นายมาร์กอสชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

รัฐบาลฟิลิปปินส์และรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ทำสนธิสัญญากลาโหมร่วมตั้งแต่ พ.ศ. 2494 และประธานาธิบดีไบเดนได้กล่าวไว้ว่าการเป็นพันธมิตรของทั้งสองประเทศเป็น “ความสัมพันธ์ที่สำคัญอย่างยิ่ง”

“ผมเชื่อว่าความเป็นพันธมิตรนี้ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเราทั้งคู่มาเป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว” นายไบเดนกล่าว ตามรายงานจากทำเนียบขาว

นอกเหนือจากการหารือเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นหนึ่งในหลายประเทศที่พัวพันกับข้อพิพาทด้านดินแดนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ผู้นำจากทั้งสองประเทศยังได้พูดคุยหารือถึงความมั่นคงด้านพลังงาน การดำเนินการด้านสภาพอากาศ โครงสร้างพื้นฐาน ผลกระทบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียในด้านราคาพลังงานและความมั่นคงทางอาหาร ตลอดจนวิกฤตการณ์ในเมียนมา ฯลฯ ตามรายงานจากทำเนียบขาว

รัฐบาลจีนปฏิเสธที่จะยอมรับคำวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2559 จากศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในกรุงมะนิลาเกี่ยวกับการเห็นชอบว่า การอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้เป็นการกระทำโดยพลการของจีน เรือของจีนยังคงรุกล้ำเขตเศรษฐกิจพิเศษของฟิลิปปินส์ในน่านน้ำเชิงยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

นายมาร์กอส ซึ่งได้ให้คำมั่นก่อนเข้ารับตำแหน่งว่าเขาจะยืนกรานถึงคำวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2559 ดังกล่าว นายมาร์กอสกล่าวว่า “บทบาทของสหรัฐอเมริกาในการรักษาสันติภาพในภูมิภาคของเราเป็นสิ่งที่ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ต่างซาบซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟิลิปปินส์ ผมหวังว่าเราจะสามารถหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทที่เราทั้งสองประเทศจะได้ปฏิบัติร่วมกันและปฏิบัติเป็นเอกเทศไปพร้อมกับการที่เรายังคงเดินหน้าในเส้นทางนั้นต่อไปเพื่อรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ ท่ามกลางความซับซ้อนทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา”

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ทั้งสองประเทศได้ดำเนินการฝึกซ้อมรบร่วมทางทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง นั่นคือ บาลิกาตัน โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ประเทศทั้งสองหวังว่าการฝึกซ้อมดังกล่าวจะเป็นการบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทวิภาคีอันแน่นแฟ้นเมื่อเผชิญกับความท้าทายทางทะเลของจีน (ภาพ: นาวิกโยธินฟิลิปปินส์และนาวิกโยธินสหรัฐฯ ทำการเข้าจู่โจมในระหว่างการฝึกซ้อมบาลิกาตันในฟิลิปปินส์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2565)

ในการกล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ นายมาร์กอสได้เรียกร้องให้มีการเคารพต่อ “ระเบียบระหว่างประเทศที่เปิดกว้าง ครอบคลุม และตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาที่อยู่ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและที่ระบุไว้ในหลักปฏิบัติด้านความเสมอภาคและความเที่ยงธรรม” เบนาร์นิวส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button