นักวิเคราะห์กล่าว พรรคคอมมิวนิสต์จีนเปลี่ยนวิธีการกดขี่ ชาวอุยกูร์จาก “การปรับทัศนคติ” สู่การกักขังในเรือนจำ

เรดิโอฟรีเอเชีย
รายงานสองฉบับที่ออกโดยเจ้าหน้าที่ในเขตซินเจียง ซึ่งฉบับแรกออกโดยศาลระดับสูงสุดของภูมิภาคและอีกหนึ่งฉบับออกโดยฝ่ายอัยการ ทั้งสองฉบับเปิดเผยให้เห็นว่ากลยุทธ์ในการกักกันประชากรชาวอุยกูร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เปลี่ยนจากค่ายที่เรียกกันว่า ค่ายปรับทัศนคติ มาเป็นเรือนจำ
เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 มีการเผยแพร่รายงานดังกล่าวบนเว็บไซต์ทางการของรัฐบาลเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงสถิติการพิจารณาคดีประจำปี อย่างไรก็ตาม นักวิชาการและนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ที่จะใช้วิธีที่เป็นทางการมากขึ้นแต่ยังคงทุจริตในการดำเนินคดีกับชาวอุยกูร์และสมาชิกชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในเขตซินเจียงที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
พนักงานอัยการ หรือที่เรียกรวมกันว่า อัยการประชาชนสูงสุด ได้กักขังหรือตัดสินลงโทษประชาชนกว่า 44,600 คนในคดีกว่า 28,490 คดี ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาชญากรรม 12,900 คดี นายลี ยองจุน ประธานอัยการประชาชนสูงสุดแห่งเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ กล่าวในการประชุมช่วงที่ 5 ของการประชุมสภาประชาชนแห่งเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ครั้งที่ 13 เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2565
นายลีระบุว่า “การสร้างซินเจียงที่ปลอดภัยได้รับการส่งเสริมอย่างมีประสิทธิผล”
นายบาฮากูล เซเมต ผู้พิพากษาสูงสุด กล่าวว่าศาลต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ได้จัดการกับคดีถึง 668,900 คดีใน พ.ศ. 2564 โดยในจำนวนนั้น มีถึง 606,200 คดีที่ถูกปกปิดไม่ให้มีการตรวจสอบโดยสาธารณะ ในเวลาเดียวกันนั้น ศาลฎีการะดับสูงได้รับพิจารณาคดี 5,820 คดี ซึ่งมีถึง 5,271 คดีถูกปกปิด
นายเอเดรียน เซนซ์ นักวิจัยชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้บันทึกการละเมิดชาวอุยกูร์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่า จำนวนคดีและการสืบสวนในศาลซินเจียงเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่านับตั้งแต่ พ.ศ. 2561
นอกเหนือจากการเพิ่มขึ้นของการแปลภาษาอุยกูร์ในระหว่างการพิจารณาคดีแล้ว สถิติดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่า “การกดขี่ภูมิภาคนี้ของรัฐบาลจีนกำลังเปลี่ยนจากที่ส่วนใหญ่เป็นการปรับทัศนคติไปสู่การพิจารณาตัดสินให้ชาวอุยกูร์จำนวนมากต้องรับโทษจำคุก” นายเซนซ์กล่าว “ชาวอุยกูร์ไม่ได้รับการปล่อยตัวออกจากค่ายปรับทัศนคติ ทว่ากลับถูกย้ายไปอยู่ในเรือนจำแทน
“เขตซินเจียงก็ยังคงปกปิดจำนวน “อาชญากร” ที่ถูกพิจารณาตัดสินในแต่ละปี” นายเซนซ์กล่าว “โดยเขตซินเจียงหยุดการรายงานตัวเลขนี้ไปเมื่อ พ.ศ. 2561 ซึ่งบ่งชี้ว่ารัฐบาลกำลังปกปิดกลยุทธ์ของการย้ายชาวอุยกูร์จากค่ายปรับทัศนคติมาเป็นเรือนจำออกสู่โลกภายนอกอย่างน่าผิดหวัง”
นายเถิง เปียว ทนายความเชิงวิชาการและศาสตราจารย์อาคันตุกะแห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระบบตุลาการและกฎหมายของจีน กล่าวว่า ศาลได้กลายมาเป็นเครื่องมือปราบปรามในเขตซินเจียงแล้ว
นายบาฮากูล ผู้พิพากษาสูงสุด กล่าวว่าศาลที่ดำเนินการโดยกองกำลังผลิตและก่อสร้างซินเจียง ซึ่งเป็นองค์กรทางเศรษฐกิจและกองกำลังกึ่งทหารของรัฐบาลจีน ได้จัดการคดี 80,800 คดี โดยมีถึง 71,000 คดีที่ถูกปกปิด สหรัฐฯ ได้ดำเนินการลงโทษกองกำลังดังกล่าว ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ปิงถวน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวอุยกูร์
เชื่อกันว่าพรรคคอมมิวนิสต์ได้กักขังชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยเตอร์กิกอื่น ๆ ในเครือข่ายค่ายกักกัน เขตซินเจียง เป็นจำนวนถึง 1.8 ล้านคน นับตั้งแต่ พ.ศ. 2560 รัฐบาลจีนอ้างว่าค่ายเหล่านี้เป็นศูนย์ฝึกอาชีพ และได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่แพร่หลายและมีการบันทึกเป็นเอกสารว่าค่ายดังกล่าวมีการละเมิดชาวมุสลิมในภูมิภาคนี้
รายงานจากศาลประชาชนยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงการเพิ่มขึ้นของคดีในชั้นศาลที่มีการจัดการทางออนไลน์อีกด้วย