การแพร่ขยายอาวุธเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ พร้อมด้วยพันธมิตรและหุ้นส่วนประณามการทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

พันธมิตร หุ้นส่วน รวมถึงประชาคมโลกส่วนใหญ่ต่างประณามการทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปที่น่าสงสัยของเกาหลีเหนือลงในทะเลญี่ปุ่น หรือที่เรียกว่า ทะเลตะวันออก เมื่อกลางเดือนมีนาคม พ.ศ. 2566 ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เรียกการทดสอบนี้ว่าเป็นการยั่วยุโดยไม่ยั้งคิด ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งยังคุกคามสันติภาพระหว่างประเทศ

เมื่อเกาหลีเหนือไม่ปฏิบัติตามบรรทัดฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการปล่อยยานอวกาศ (หรือการทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป) จึงทำให้เป็นอันตรายต่อการเดินทางทางอากาศและการขนส่งเชิงพาณิชย์ในภูมิภาค การยิงขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่นายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จะบินไปยังกรุงโตเกียวเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดกับนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และอยู่ในระหว่างการฝึกฟรีดอม ชิลด์ประจำปีที่มีกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมด้วย แหล่งข่าวระบุว่า เกาหลีเหนือได้ยิงทดสอบขีปนาวุธหลายครั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปที่ยิงมาจากกรุงเปียงยางพุ่งขึ้นในวิถีที่สูงชัน และดูเหมือนจะบินขึ้นสูงกว่า 6,000 กิโลเมตรเป็นเวลาประมาณ 70 นาที ตามรายงานของรอยเตอร์ ขีปนาวุธดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะตกนอกเขตเศรษฐกิจพิเศษของญี่ปุ่น ซึ่งห่างจากเกาะโอชิมะ-โอชิมะทางตอนเหนือของญี่ปุ่นไปทางตะวันตกประมาณ 200 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กล่าว ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหาย

การฝึกฟรีดอม ชิลด์ พ.ศ. 2566 ระยะเวลา 11 วัน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 มีนาคมยังคงดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้ เกาหลีเหนือได้ขนานนามการฝึกซ้อมครั้งนี้ว่าเป็นเตรียมพร้อมสำหรับสงครามรุกราน ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป

นอกเหนือจากประเด็นสำคัญอื่น ๆ แล้ว การประชุมสุดยอดครั้งนี้ยังได้หารือเกี่ยวกับการทดสอบยิงของเกาหลีเหนือ ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนใน พ.ศ. 2565 และยังคงดำเนินต่อไปใน พ.ศ. 2566 ผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลตามเวลาจริงเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และให้คำมั่นว่าจะกระชับความร่วมมือทางทหาร ตามรายงานของรอยเตอร์ ผู้นำทั้งสองยังได้ตัดสินใจที่จะประชุมกันเป็นประจำ เริ่มต้นการเจรจาด้านความมั่นคงแบบทวิภาคี และยุติข้อพิพาททางการค้า (ภาพ: นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น (ขวา) และนายยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จับมือกันก่อนการประชุม)

ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า การกระทำที่ก้าวร้าวของเกาหลีเหนือ รวมถึงการขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ ดูเหมือนจะทำให้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้น

นายคิชิดะกล่าวว่า “เราต้องกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศพันธมิตรและประเทศที่มีอุดมการณ์เดียวกัน” ตามรายงานของดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

“นายกรัฐมนตรีคิชิดะและผมเห็นพ้องกันว่าการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพในคาบสมุทรเกาหลี ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และในโลก” นายยุนกล่าว ตามรายงานของยอนฮัป “นอกจากนี้ เรายังเห็นพ้องกันด้วยว่าเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบันนี้ ความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตลอดจนความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นมีความสำคัญอย่างยิ่งและเราควรร่วมมือกันอย่างแข็งขันต่อไป” นายยุนกล่าวว่า เขาเห็นด้วยกับข้อตกลงการแบ่งปันข่าวกรองทางทหารระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ “เป็นปกติอย่างสมบูรณ์” เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือได้ดียิ่งขึ้น

การเดินทางครั้งนี้ของนายยุนเป็นการเยือนญี่ปุ่นแบบทวิภาคีครั้งแรกของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ในรอบ 12 ปี ตามรายงานของยอนฮัป กองบัญชาการสหรัฐฯ ประจำภาคพื้นอินโดแปซิฟิกได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการกระทำที่ผิดกฎหมายและทำลายเสถียรภาพ และย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของประเทศในการปกป้องญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

มาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้สั่งห้ามมิให้จำหน่ายอาวุธและยุทโธปกรณ์ทางทหารให้แก่เกาหลีเหนือ อายัดทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมโครงการนิวเคลียร์ และจำกัดความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์กับเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสถาบันวิจัยของคณะมนตรีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2565 ทว่าเกาหลีเหนือยังคงดำเนินการทดสอบอย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาอาวุธและการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นในขณะที่ประชาชนต้องดิ้นรนหาข้าวของที่จำเป็น เกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก แต่ใช้จ่ายไปกับอาวุธอย่างมหาศาล การยิงขีปนาวุธใน พ.ศ. 2565 รวมถึงขีปนาวุธ 23 ลูกที่ยิงภายในวันเดียวกันเกิดขึ้นในขณะที่นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ให้ความสำคัญกับกองทัพมากกว่าการขาดแคลนอาหาร เสื้อผ้า และที่อยู่อาศัย

 

ภาพจาก: รอยเตอร์/เกียวโดนิวส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button