ความร่วมมือติดอันดับปัญหาหลักระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ เผยถึงแผนการเสริมสร้างความเป็นพันธมิตร

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาได้เผยให้เห็นถึงแผนการที่จะเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างกันในการต่อต้านภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งทั้งสองประเทศถือว่าเป็นความท้าทายด้านความมั่นคงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอินโดแปซิฟิก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ได้กล่าวประณามอย่างตรงไปตรงมาถึงความก้าวร้าวที่เพิ่มขึ้นของจีนในภูมิภาคและที่อื่น ๆ เรียกร้องต่อประเด็นที่รัสเซียทำสงครามกับยูเครน และวิจารณ์เกาหลีเหนือที่เร่งผลักดันโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตนเอง

ในแถลงการณ์ร่วม นายยาสึคาสึ ฮามาดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น (ภาพ จากซ้าย) นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น นายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และนายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่าจีนได้ทำให้เกิดภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ “อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” และได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความพยายามในการต่อต้านภัยคุกคามนี้เป็นสองเท่า

“นโยบายต่างประเทศของจีนพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ของตน และใช้อำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร และเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตเพื่อจุดประสงค์นั้น” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ “พฤติกรรมนี้สร้างความกังวลอย่างยิ่งต่อพันธมิตรและประชาคมโลกทั้งหมดและเป็นความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโดแปแปซิฟิกและและที่อื่น ๆ”

เหล่าผู้นำทั้งสี่เห็นพ้องกันในการปรับบทบาทของกำลังพลสหรัฐฯ บนเกาะโอกินาวะของญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปราบปรามเรือ ซึ่งจำเป็นในกรณีที่จีนรุกรานไต้หวันหรือกระทำการที่ไม่เป็นมิตรอื่น ๆ ในทะเลจีนใต้หรือทะเลจีนตะวันออก

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องอวกาศอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาความมั่นคงที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยแสดงความชัดเจนว่า “การโจมตีเข้าไป ออกจาก และภายในห้วงอวกาศ” อาจส่งผลให้มีการดำเนินการตามบทบัญญัติการป้องกันร่วมกันได้ นอกจากนี้พวกเขากล่าวว่า มีการกำหนดให้นาซา ซึ่งเป็นหน่วยงานอวกาศของสหรัฐฯ ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกับญี่ปุ่น

นายบลิงเคนกล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของทั้งสองประเทศในการกระชับความร่วมมือ “ในทุก ๆ ด้าน” เช่น อวกาศ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และเทคโนโลยีเกิดใหม่

“ความเป็นพันธมิตรเป็นรากฐานสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในอินโดแปซิฟิก เพื่อรับรองความมั่นคง เสรีภาพ และความเจริญรุ่งเรืองของประชาชนของเราและประชาชนทั่วทั้งภูมิภาค” นายบลิงเคนกล่าว

หลังจากการหารือเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้มีการประชุมกันระหว่างนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในอีกสองวันต่อมา

นายออสตินระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการยืนยันถึง “ความมุ่งมั่นที่แน่วแน่ของสหรัฐฯ ในการปกป้องญี่ปุ่นด้วยขีดความสามารถที่หลากหลาย รวมถึงนิวเคลียร์” และย้ำว่ามาตรา 5 ของสนธิสัญญาความมั่นคงร่วมกันมีผลบังคับใช้กับหมู่เกาะเซ็งกะกุของญี่ปุ่น ซึ่งรัฐบาลจีนอ้างสิทธิ์

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นยังได้ประกาศว่า การก่อสร้างทางวิ่งเครื่องบินสองแห่งจะเริ่มขึ้นที่เกาะมาเกะชิมะ ซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ ทางตอนใต้ โดยจะเป็นสถานที่ฝึกซ้อมของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในอีกประมาณ 4 ปี ได้แก่ การฝึกที่เกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่ล่องหน เอฟ-35บี ปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก และการสกัดกั้นขีปนาวุธ

เกาะนี้อยู่นอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคาโกชิมะบนเกาะคิวชูทางตอนใต้สุดของญี่ปุ่น และจะเป็นศูนย์กลางในการส่งกำลังทหารและจัดหายุทโธปกรณ์ในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง เช่น เหตุฉุกเฉินในไต้หวัน

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ กำลังย้ายฐานการฝึกบินหลักไปยังเกาะดังกล่าว ซึ่งอยู่ใกล้กับฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่อิวาคุนิ ซึ่งเป็นที่มั่นของฝูงบิน เอฟ-35บี กว่าสถานที่ฝึกในปัจจุบันที่อิโวจิมา

การเปลี่ยนแปลงการส่งกำลังพลของสหรัฐฯ ในโอกินาวะจะทำให้หน่วยนาวิกโยธินที่ 12 กลายเป็นหน่วยเคลื่อนที่ที่มีขนาดเล็กและรวดเร็วยิ่งขึ้น นั่นคือกองทหารนาวิกโยธินชายฝั่งที่ 12 นายออสตินกล่าวว่า กองทหารดังกล่าวจะนำขีดความสามารถที่ “ยิ่งใหญ่” มาสู่ภูมิภาคในฐานะหน่วยทหารที่ “อันตรายยิ่งขึ้น คล่องตัวยิ่งขึ้น และมีความสามารถมากขึ้น”

ข้อตกลงทวิภาคีดังกล่าวเป็นไปตามประกาศของญี่ปุ่นเมื่อปลาย พ.ศ. 2565 ว่าญี่ปุ่นจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมเป็นร้อยละ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งจะทำให้งบประมาณกลาโหมของญี่ปุ่นมีมูลค่ามากเป็นอันดับสามของโลก และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญครั้งใหญ่ของรัฐบาลญี่ปุ่นที่สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและปฏิบัติการทางทหารของจีนที่อาจเกิดขึ้นกับไต้หวัน

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า “ญี่ปุ่นกำลังยกระดับครั้งใหญ่และจะก้าวไปพร้อมกันกับสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรต่าง ๆ ในอินโดแปซิฟิกและยุโรป”

 

ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button