การแพร่ขยายอาวุธติดอันดับปัญหาหลักระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

คิม จองอึนอาจก้าวสู่หายนะจากการละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพิ่มโอกาสในการคำนวณผิดพลาด

เจ้าหน้าที่ ฟอรัม

เกาหลีเหนือส่งท้ายปี พ.ศ. 2565 แบบเดียวกับเมื่อต้นปีด้วยการยิงขีปนาวุธ โดยละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หลังจากตลอดปีที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธหลายครั้งอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ในปี 2566 นี้ นาย คิม จองอึนเริ่มต้นปีด้วยการสั่งให้เพิ่มการผลิตอาวุธนิวเคลียร์แบบ “ทวีคูณ”

หากภัยคุกคามนี้เกิดขึ้นจริง และหากคิม จองอึนสั่งให้โจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จริง สาธารณรัฐเกาหลีและกองกำลังติดอาวุธของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งพันธมิตรต่าง ๆ ก็ปฏิญาณว่าจะปราบปรามเกาหลีเหนือให้จงได้

“แม้ว่าจะเริ่มต้นปีใหม่แล้ว แต่สถานการณ์ความมั่นคงของเรายังน่าวิตกอย่างมาก” ยุน ซ็อก-ย็อล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กล่าวกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตามรายงานของดิ แอสโซซิเอทเต็ด เพรส (AP) “กองทัพของเราต้องลงทัณฑ์อย่างเด็ดขาดต่อการยั่วยุของศัตรู เราตั้งใจแน่วแน่ว่าเรากล้าที่จะเสี่ยงออกรบ”

อาช็องซ์ ฟร็องซ์ เปร็สรายงานว่า เมื่อเข้าปี พ.ศ. 2566 คิม จองอึนไม่รอช้าที่จะยิงขีปนาวุธทิ้งตัวระยะสั้นเมื่อวันขึ้นปีใหม่ โดยยิงลงสู่ทะเลตะวันออก (หรือที่รู้จักกันในชื่อทะเลญี่ปุ่น) เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้กล่าวว่าขีปนาวุธดังกล่าวพุ่งตัวเป็นระยะทาง 400 กิโลเมตรก่อนที่จะลงสู่ทะเล บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การที่เกาหลีเหนือยังคงละเมิดข้อมติของสหประชาชาติ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะคำนวณผิดพลาด ตลอดจนบั่นทอนสันติภาพและความมั่นของของเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่อื่น ๆ

สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า “กองทัพของเราจะยังคงเตรียมกำลังให้แข็งแกร่งเพื่อพร้อมรับมือหากเกาหลีเหนือยั่วยุ” เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้กล่าวในแถลงการณ์

ส่วนญี่ปุ่นยื่นประท้วงเกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธเมื่อวันขึ้นปีใหม่ ตามเอกสารไวท์เปเปอร์กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น ประจำปี พ.ศ. 2565 การดำเนินการทางการทหารดังกล่าว “สร้างภัยคุกคามรุนแรงต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น และบั่นทอนสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนชุมชนนานาชาติอย่างร้ายแรง”

ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มศักยภาพขีปนาวุธทิ้งตัว ท่ามกลางความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หนังสือพิมพ์เจแปน ไทมส์ รายงานว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นทดสอบยิงขีปนาวุธทิ้งตัวเอสเอ็ม-3 บล็อก ไอบี และเอสเอ็ม-3 บล็อก ไอไอเอ ระยะสั้นและระยะกลางในฮาวาย นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เรือสงครามของญี่ปุ่นยิงขีปนาวุธเอสเอ็ม-3 บล็อก ไอไอเอ ซึ่งเป็นอาวุธขั้นสูงที่ญี่ปุ่นกับสหรัฐอเมริกาพัฒนาขึ้น

หนังสือพิมพ์เจแปน ไทมส์ รายงานว่า “การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือไม่เพียงเพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังเพิ่มภัยคุกคามต่อประเทศรอบข้าง เนื่องจากเกาหลีเหนือต้องการชดเชยจุดอ่อนทางการทหารซึ่งด้อยกว่าสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในเอเชีย ด้วยการเพิ่มจำนวนขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์” “แต่แม้ว่าเดิมทีเกาหลีเหนือจะพยายามยั่วยุสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่สถานการณ์ล่าสุดยังชี้ให้เห็นว่าการยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่านี้ส่งผลตรงกันข้าม”

จากรายงานข่าวเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังหาวิธีแบ่งปันข้อมูลเรดาร์ของการยิงขีปนาวุธโดยเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์ เอ็นเค นิวส์ รายงานว่าการแบ่งปันข่าวกรองมากขึ้นจะช่วยให้ตอบสนองต่อการทดสอบขีปนาวุธได้ดีขึ้น และจะมีการทำข้อตกลงในปีนี้

“ประโยชน์สำคัญที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะได้รับร่วมกันคือ จะสามารถตรวจสอบและติดตามขีปนาวุธได้แม่นยำมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการสกัดกั้นและการตอบโต้” เรียว ฮินาตะ-ยามากูชิ ศาสตราจารย์ผู้ช่วยโครงการของศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของมหาวิทยาลัยโตเกียว กล่าวกับเอ็นเค นิวส์

เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ประกาศเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ว่า เกาหลีใต้กำลังทำงานกับเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา เพื่อยกระดับการตอบโต้เกาหลีเหนือร่วมกัน

ในปี พ.ศ. 2565 เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธมากครั้งกว่าปีอื่น รวมถึงยิง 23 ลูกภายในวันเดียว สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อถึงสิ้นเดือนธันวาคม เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธทั้งแบบร่อนและแบบทิ้งตัวมากกว่า 90 ลูก หลังจากการประชุมกับนาย ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 นาย ลี จอง-ซุป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ กล่าวว่าทั้งสอง “ยืนยันว่าการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์โดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ซึ่งรวมถึงการใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และระบอบของคิม จองอึนจะต้องพบจุดจบเพราะกลุ่มพันธมิตรจะตอบโต้อย่างรุนแรงเด็ดขาด” ตามที่ปรากฏในเอกสารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ “นี่เป็นคำเตือนต่อเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง”

นายออสตินกล่าวยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกายังคง “มั่นคงแข็งแรง” แม้ว่าเกาหลีเหนือจะมีพฤติกรรมยั่วยุและบั่นทอน

“สหรัฐอเมริกายังคงมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะปกป้องเกาหลีใต้” นายออสตินกล่าว “และเรายังคงมุ่งมั่นแรงกล้าในการป้องปรามมากขึ้น ซึ่งรวมถึงกำลังอาวุธนิวเคลียร์ แบบดั้งเดิม และขีปนาวุธที่เรามีครบถ้วน เพื่อการปกป้องประเทศ”

ระบอบคิม จองอึนกำลังเผชิญกับ “ผลลัพธ์อันเลวร้าย”

ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ระบุว่าแม้เกาหลีเหนือจะมีขนาดไม่เท่าสาธารณรัฐประชาชนจีนหรือรัสเซีย แต่ก็ก่อให้เกิดปัญหาด้านการป้องปรามสำหรับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร “เกาหลีเหนือก่อภัยคุกคามต่อเนื่องและภัยอันตรายที่ทวีมากขึ้นแก่มาตุภูมิสหรัฐอเมริกาและภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เนื่องจากเกาหลีเหนือขยาย เพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธทิ้งตัว และกำลังอาวุธอื่นๆ ที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ รวมถึงคลังอาวุธเคมี” ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของสหรัฐอเมริการะบุ “วิกฤตหรือความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีอาจเกี่ยวข้องกับผู้มีบทบาทด้านนิวเคลียจำนวนมาก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดความขัดแย้งในวงกว้างยิ่งขึ้น”

ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติของสหรัฐอเมริการะบุชัดเจนว่า ระบอบคิม จองอึนกำลังเผชิญกับ “ผลลัพธ์อันเลวร้าย” หากใช้อาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสอดคล้องกับคำพูดของนาย ลี จอง-ซุปว่า การโจมตีอาจนำไปสู่หายนะของเกาหลีเหนือ

“ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่คิม จองอึนจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ และทำให้เกาหลีเหนืออยู่รอดต่อได้” ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติระบุ “แม้ไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือยังสามารถโจมตีเอเชียตะวันออกเชิงยุทธศาสตร์อย่างรวดเร็ว อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐอเมริกายังคงมีบทบาทในการหยุดยั้งไม่ให้เกิดการโจมตีดังกล่าว”

ตามรายงานข่าว หนึ่งวันหลังวันคริสต์มาส เกาหลีเหนือได้ส่งโดรนห้าตัวไปยังน่านฟ้าเกาหลีใต้เป็นเวลาห้าชั่วโมง ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ส่งฝูงเครื่องบินขับไล่ โจมตีเฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานอื่น ๆ โดรนหนึ่งตัวเข้าถึงกรุงโซลก่อนจะหายไปจากเรดาร์ของกองทัพเกาหลีใต้ โดรนตัวดังกล่าวไปไม่ถึงสำนักงานประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้กล่าวเสริมว่า “มีการใช้ระบบป้องกันที่ดียิ่งกว่าในบริเวณสำคัญ ๆ ” หนังสือพิมพ์โคเรีย จูงอัง เดลี่ รายงาน

เกิดคำถามถึงความแม่นยำของขีปนาวุธเกาหลีเหนือ

ยังคงมีความเสี่ยงสูงว่าจะเกิดการคำนวณผิดพลาด เนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงยิงขีปนาวุธอย่างประมาทและขาดความรับผิดชอบ อันเป็นการละเมิดข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติซึ่งเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ

ที่ผ่านมา การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ได้ใช้มุมสูงเพื่อหลีกเลี่ยงประเทศเพื่อนบ้าน ดิ แอสโซซิเอทเต็ด เพรส รายงานว่า เมื่อไม่ได้ใช้การยิงขีปนาวุธข้ามทวีปแบบมาตรฐาน จึงก่อให้เกิดคำถามถึงความแน่นอนของอาวุธของเกาหลีเหนือ นาง คิม ยอ-จ็อง น้องสาวของนาย คิม จองอึน กล่าวปัดข้อสงสัยเรื่องความแม่นยำของอาวุธและการพัฒนาดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือกล่าวอ้างว่าเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งได้ทดสอบดาวเทียมสอดแนมเพื่อการทหารเป็นครั้งแรก โดยปล่อยภาพถ่ายเมืองในเกาหลีใต้แบบความละเอียดต่ำ ซึ่งถ่ายจากอวกาศ ตามรายงานของ ดิ แอสโซซิเอทเต็ด เพรส เมื่อกล่าวถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับคำกล่าวอ้างเรื่องดาวเทียมสอดแนมเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2565 นาง คิม ยอ-จ็องยังกล่าวอีกด้วยว่าเกาหลีเหนือสามารถยิงขีปนาวุธไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อพิสูจน์ความสามารถและความแม่นยำ

“ฉันหักล้างข้อสงสัยเรื่องนี้ได้เลย พวกนั้นจะรู้ทันทีหากเรายิงขีปนาวุธข้ามทวีปด้วยองศาปกติ” นาง คิม ยอ-จ็องกล่าว ตำแหน่งทางการของนาง คิม ยอ-จ็องคือรองผู้อำนวยการกรรมการกลางของพรรคแรงงานแห่งเกาหลี นาง คิม ยอ-จ็อง นับว่าเป็นนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดรองจากพี่ชาย

แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรและความกดดันจากนานาประเทศให้ยุติการใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่เกาหลีเหนือยังคงปฏิญาณที่จะเพิ่มศักยภาพทางกลาโหม ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 นาย คิม จองอึนกล่าวว่าเกาหลีเหนือจะ “ไม่มีวันยกเลิกการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และไม่ยุติอาวุธนิวเคลียร์อย่างแน่นอน จะไม่มีการเจรจาและต่อรองใด ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดทั้งนั้น”

การตอบสนองที่ปรับปรุงเพื่อรับมือภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้น

ในเดือนตุลาคม 2565 กองทัพทหารสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ได้ส่งมอบอุปกรณ์ใหม่ในระบบต่อต้านมิสไซล์เพดานบินสูง (THAAD) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตอนใต้ของกรุงโซลออกไป 200 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ไม่ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพดังกล่าว แต่กล่าวว่าอุปกรณ์นี้จะช่วย “เพิ่มศักยภาพในการป้องกันประเทศให้แก่ระบบต่อต้านมิสไซล์เพดานบินสูงในปัจจุบัน เพื่อคุ้มครองประชาชนชาวเกาหลี [ใต้] จากภัยคุกคามด้านขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ และเสริมสร้างศักยภาพของทรัพยากรหลักในการป้องกันประเทศต่อไป”

ระบบต่อต้านมิสไซล์เพดานบินสูงสามารถยิงขีปนาวุธทิ้งตัวระยะสั้น กลาง และปานกลาง ระบบนี้ไม่มีหัวรบ แต่สามารถยิงและทำลายเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐยังได้ตั้งหน่วยอวกาศในเกาหลีใต้ เพื่อช่วยติดตามการยิงขีปนาวุธทิ้งตัวจากเกาหลีเหนือ หน่วยอวกาศที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้เปิดตัวในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 และจะประสานการปฏิบัติการทางอวกาศและบริการต่าง ๆ อาทิ การแจ้งเตือนขีปนาวุธ การนำร่องตำแหน่ง และการสื่อสารด้านเวลาและดาวเทียม ภายในภูมิภาค

“ผมและเพื่อนทหารพร้อมออกรบ ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน” พันโท โจชัวร์ แม็กคุลเลียน ผู้บัญชาการหน่วยอวกาศสหรัฐในเกาหลีใต้กล่าว จากรายงานของซีเอ็นเอ็น “นี่คือ (สาร) ที่เราอยากให้ศัตรูรับรู้ ไม่ว่าศัตรูนั้นจะเป็นใครก็ตาม”

นอกจากนี้ ในเดือนธันวาคม เครื่องบินทิ้งระเบิดบี-52 และเครื่องบินขับไล่เอฟ-22 ของกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกายังออกบินร่วมกับเครื่องบินรบของเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินรบเอฟ-35 และเอฟ-15 ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะเชจู เพื่อแสดงแสนยานุภาพ

 

ภาพจาก: FORUM

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button