ความร่วมมือปัญหาหลักระดับภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เอเชียใต้

แคนาดาเปิดตัวยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกโดยจับตามองจีน “จอมก่อกวน”

เรดิโอฟรีเอเชีย

แคนาดาได้เปิดตัวยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกเพื่อดำเนินความคืบหน้าให้ “สันติภาพในภูมิภาคและผลประโยชน์ด้านความมั่นคง” ของตนในฐานะประเทศในแปซิฟิก พร้อมแสดงท่าทีแข็งกร้าวขึ้นต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน

ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลแคนาดาและรัฐบาลจีนตึงเครียดขึ้นนับตั้งแต่แคนาดาจับกุมนายเมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมของจีน เมื่อ พ.ศ. 2561 ตามคำร้องขอของสหรัฐอเมริกา นายเมิ่งกลับสู่จีนในเดือนกันยายน พ.ศ. 2564 หลังจากบรรลุข้อตกลงกับอัยการสหรัฐฯ ในข้อหาฉ้อโกง ในเวลาเดียวกันนั้น จีนได้ปล่อยตัวชาวแคนาดาสองคนที่ถูกควบคุมตัวไว้หลังจากมีการจับกุมนายเมิ่งได้ไม่นาน

“แนวทางการเข้าหาจีนของแคนาดาที่พัฒนาไปถือเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก” ตามรายงานของเอกสารที่เผยแพร่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 โดยกำหนดอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลจีนเป็น “มหาอำนาจระดับโลกที่สร้างความพลิกผันมากขึ้นเรื่อย ๆ”

จีนเพิกเฉยต่อกฎระเบียบและบรรทัดฐานระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่สร้าง “ผลกระทบอย่างมากต่ออินโดแปซิฟิก” และซ่องสุม “ความทะเยอทะยานที่จะเป็นมหาอำนาจระดับแนวหน้าในภูมิภาค” ยุทธศาสตร์ดังกล่าวระบุ

“ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกของแคนาดาได้รับข้อมูลจากความเข้าใจด้วยมุมมองที่ชัดเจนของตนต่อประเทศจีนที่มีแผนดำเนินการทั่วโลก และแนวทางของแคนาดานั้นสอดคล้องกันกับแนวทางของหุ้นส่วนของเราในภูมิภาคและรอบโลก” เอกสารดังกล่างระบุ

ยุทธศาสตร์นี้ให้คำมั่นที่จะตอบโต้กลับ “ต่อการแทรกแซงจากต่างประเทศในทุกรูปแบบบนผืนดินของแคนาดา” และเสริมสร้างระบบความมั่นคงทางไซเบอร์ของแคนาดา พร้อมกันกับทุ่มเททรัพยากรมากขึ้นเพื่อ “เพิ่มขีดความสามารถของแคนาดาต่อจีน”

จะมีการลงทุนเพิ่มขึ้นเพื่อเสริม “ความเข้าใจถึงวิธีการคิด การปฏิบัติการ และการวางแผนของจีน และวิธีการที่จีนแสดงอิทธิพลในภูมิภาคและที่ต่าง ๆ รอบโลก”

เอกสารดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลแคนาดาได้ตรวจสอบกลไกและโครงสร้างของรัฐบาลกลางทั้งหมด เช่น บันทึกความเข้าใจ “เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะขับเคลื่อนผลประโยชน์ระดับชาติของแคนาดา”

อินโดแปซิฟิกคือตลาดการส่งออกระดับภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่สองรองจากสหรัฐฯ ของแคนาดา โดยมีมูลค่าการค้าสองทางอยู่ที่ 1.68 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 5.92 ล้านล้านบาท)

ตลอดช่วงห้าปีข้างหน้า แคนาดาจะลงทุนเกือบ 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเสริมบทบาททางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ในภูมิภาค ตามข้อมูลจากยุทธศาสตร์ดังกล่าว

ในขณะที่ปกป้องการเข้าถึงตลาดของแคนาดาในจีน ยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความหลากหลาย “ภายในและนอกเหนือจากตลาดนั้น”

เอกสารดังกล่าวระบุถึง “แนวร่วมสำคัญ” ในอินแปซิฟิก รวมทั้งอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนจำนวน 10 ประเทศ

“ความสำคัญทางยุทธศาสตร์และความเป็นผู้นำของอินเดียทั้งในภูมิภาคและทั่วโลกมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น” ยุทธศาสตร์ดังกล่าวระบุ และเสริมว่าแคนาดาจะมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาลอินเดียในด้านความมั่นคง การส่งเสริมประชาธิปไตย พหุนิยม และสิทธิมนุษยชน

โครงการริเริ่มเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับภูมิภาค รวมไปถึงการจัดตั้งประตูการค้าของแคนาดาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสำนักงานการเกษตรแห่งแรกของแคนาดาในภูมิภาค

ส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์นี้คือการส่งเสริมผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของแคนาดา

“ยุทธศาสตร์นี้จะช่วยหนุนบทบาทของกองทัพแคนาดาในภูมิภาค และจะยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมและความมั่นคงของแคนาดากับแนวร่วมและพันธมิตรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น” นางอานิตา อานันด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแคนาดา

แคนาดาจะลงทุนมากกว่า 535.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.88 หมื่นล้านบาท) ในโครงการด้านความมั่นคงใหม่ โดยงบลงทุนมากกว่าร้อยละ 50 นี้จะนำไปใช้เพื่อ “เสริมความเข้มแข็งให้บทบาททางทะเลในอินโดแปซิฟิกของแคนาดาและเพิ่มการมีส่วนร่วมของกองทัพแคนาดาในการฝึกทางทหารระดับภูมิภาค” (ภาพ: เรือฟริเกตเอชเอ็มซีเอส แวนคูเวอร์ ของกองทัพเรือแคนาดาเดินทางผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อเข้าร่วมการฝึกทางทะเลนานาชาติริมออฟเดอะแปซิฟิกในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565)

จะมีการส่งกำลังเรือฟริเกตของกองทัพเรือลำที่สามไปที่ภูมิภาคนี้ และจะมีการสร้างโครงการริเริ่มแบบหลายแผนก “เพื่อช่วยพัฒนาขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ในหมู่หุ้นส่วนในภูมิภาคที่เลือก”

ยุทธศาสตร์นี้ยังให้คำมั่นว่าจะส่งเสริมความเป็นพันธมิตรด้านข่าวกรองอันยาวนานของแคนาดากับออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ

รัฐบาลแคนาดากล่าวว่าจะดำเนินการกับแนวร่วมต่อไป “เพื่อต่อต้านการกระทำโดยฝ่ายเดียวใด ๆ ที่เป็นการคุกคามสถานภาพในช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้”

 

ภาพจาก: จ.ต. เมแกน อเล็กซานเดอร์/กองทัพเรือสหรัฐฯ

แสดงความคิดเห็นที่นี่

ความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา หากคุณเลือกที่จะระบุที่อยู่อีเมลของคุณ เจ้าหน้าที่ของ ฟอรัม จะใช้เพื่อติดต่อกับคุณเท่านั้น เราจะไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ที่อยู่อีเมลของคุณ เฉพาะชื่อและเว็บไซต์ของคุณเท่านั้นที่จะปรากฏในความคิดเห็นของคุณ ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

Back to top button