ความขัดแย้ง/ความตึงเครียดปัญหาหลักระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ฝูงชนที่โกรธแค้นจากการปิดเมืองเรียกร้องให้นายสี จิ้นผิง แห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ลงจากตำแหน่ง

ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

ผู้ประท้วงโกรธเคืองเพราะมาตรการต่อต้านไวรัสที่เข้มงวดได้เรียกร้องให้ผู้นำผู้มีอำนาจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนลาออก ซึ่งนี่เป็นการต่อว่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ทางการในเมืองอย่างน้อยแปดเมืองยังประสบปัญหาในการสลายการชุมนุมประท้วงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ซึ่งแสดงถึงการท้าทายโดยตรงต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ตำรวจที่ใช้สเปรย์พริกไทยขับไล่ผู้ชุมนุมในเซี่ยงไฮ้ที่เรียกร้องให้นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ลงจากอำนาจและยุติการปกครองแบบพรรคเดียว แต่หลายชั่วโมงต่อมาประชาชนก็ได้รวมตัวกันอีกครั้งในจุดเดิม ตำรวจจึงได้สลายการชุมนุมอีกครั้ง พร้อมจับตัวผู้ประท้วงขึ้นรสบัสไป

การประท้วงนี้เริ่มต้นในวันที่ 25 พฤศจิกายน และขยายไปสู่เมืองต่าง ๆ รวมทั้งเมืองหลวงอย่างปักกิ่งและวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่ง ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านพรรคที่ปกครองประเทศอย่างแพร่หลายที่สุดในช่วงหลายทศวรรษมานี้ (ภาพ: ผู้ประท้วงถือกระดาษเปล่าที่แสดงถึงการเซ็นเซอร์โดยรัฐบาล และตะโกนคำขวัญในระหว่างการเดินขบวนในปักกิ่งเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565)

ในวิดีโอการประท้วงในเซี่ยงไฮ้ เสียงตะโกนต่อต้านนายสี ซึ่งเป็นผู้นำที่มีอำนาจมากที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980 (พ.ศ. 2513 – 2522) เป็นอย่างน้อย และเสียงตะโกนต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนต่างเป็นเสียงที่ดังและชัดเจนว่า “สี จิ้นผิง! ลงจากตำแหน่ง! พรรคคอมมิวนิสต์จีน! ลงจากอำนาจ!”

สามปีหลังจากเกิดไวรัสโคโรนาขึ้นในอู่ฮั่น ประเทศจีน จีนเป็นประเทศใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ยังคงพยายามหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยุทธศาสตร์ “โควิดเป็นศูนย์” ได้ระงับการเข้าถึงย่านที่อยู่อาศัยเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในช่วงเวลาหนึ่ง บางเมืองตรวจพบผู้ติดเชื้อนับล้านคนต่อวัน

ในขณะที่รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อของจีนต่ำกว่าประเทศใหญ่อื่น ๆ แต่การยอมรับของประชาชนกลับลดน้อยลง ผู้คนที่กักตัวอยู่บ้านกล่าวว่าพวกเขาขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค พรรคคอมมิวนิสต์จีนเผชิญโทสะของสาธารณชน หลังจากมีเด็กสองคนเสียชีวิต โดยผู้ปกครองของเด็กกล่าวว่ามาตรต่อต้านไวรัสเป็นอุปสรรคต่อความพยายามในการรับความช่วยเหลือทางการแพทย์

การประท้วงล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 10 คนในอาคารอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่งในเมืองอุรุมชี เมืองหลวงของภูมิภาคซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยบางรายถูกขังอยู่ในบ้านตนเองเป็นเวลาสี่เดือน นั่นจึงเกิดคำถามที่โกรธเคืองถาโถมเข้ามามากมายในโลกออนไลน์ว่านักผจญเพลิงหรือผู้ที่ตะเกียกตะกายหนีถูกปิดกั้นโดยประตูที่ล็อกไว้หรือข้อจำกัดด้านการต่อต้านไวรัสอื่น ๆ หรือไม่ ผู้ชุมนุมประท้วงประมาณ 300 คนชุมนุมกันที่เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นที่ที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 25 ล้านคนถูกกักอยู่ในบ้านของตนเป็นเวลาเกือบสองเดือนนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565

บนถนนที่มีชื่อว่าอุรุมชี มีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งนำเทียน ดอกไม้ และป้ายแสดงความเคารพต่อผู้เสียชีวิตในเปลวเพลิง จากข้อมูลของผู้ประท้วงอีกรายหนึ่งผู้ไม่ประสงค์ออกนาม มีอีกกลุ่มหนึ่งได้ตะโกนคำขวัญออกไป

ผู้ประท้วงคนดังกล่าวและผู้ประท้วงอีกคนหนึ่งที่ระบุแต่นามสกุลของตนเองที่ชื่อ เจา ได้ยืนกรานตะโกนต่อต้านนายสี ซึ่งพึ่งจะได้ดำรงตำแหน่งในสมัยที่สามที่มีระยะเวลาห้าปีต่อในฐานะผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและเป็นผู้ที่บางคนคาดการณ์ว่าจะคงอยู่ในอำนาจไปตลอดชีวิต ผู้ประท้วงขอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะกลัวการจับกุมหรือการตอบโต้

บรรยากาศการประท้วงกระตุ้นให้ผู้คนพูดคุยกันถึงหัวข้อที่ถือว่าเป็นข้อห้าม รวมถึงการปราบปรามที่โหดร้ายของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินใน พ.ศ. 2532

ในปักกิ่ง มีคนประมาณ 200 คนรวมกลุ่มกันในสวนสาธารณะทางฝั่งตะวันออกของเมืองหลวง และถือกระดาษเปล่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการเซ็นเซอร์ที่แพร่หลายของพรรคคอมมิวนิสต์จีน

“นโยบายการปิดเมืองนั้นเข้มงวดมาก คุณไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับประเทศใดได้เลย” ผู้ประท้วงคนหนึ่งที่ระบุแต่ชื่อสกุลของตนเองที่ชื่อ ลี กล่าว “เราต้องหาทางออก”

โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์กล่าวว่ามีการประท้วงในมหาวิทยาลัยกว่า 50 แห่ง รวมทั้งสถานศึกษาเดิมของนายสีอย่างมหาวิทยาลัยชิงหวาในปักกิ่งด้วย โดยมีนักศึกษากว่า 2,000 คนที่เรียกร้องให้ผ่อนปรนข้อจำกัดต่อต้านไวรัสและเรียกร้องให้มีเสรีภาพในการพูด

ผู้ประท้วงออกไปหลังจากที่รองเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของมหาวิทยาลัยสัญญาว่าจะจัดการอภิปรายทั่วโรงเรียน

มีวิดีโอบนสื่อสังคมออนไลน์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประท้วงกำลังต่อสู้กับตำรวจในชุดป้องกันสีขาวหรือกำลังรื้อถอนสิ่งกีดขวางที่ใช้ในการปิดล้อมบริเวณย่านที่อยู่อาศัยในเมืองต่าง ๆ รวมทั้งหนานจิงและกว่างโจว

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลเมืองของปักกิ่งได้ประกาศว่าจะไม่ตั้งประตูกั้นเพื่อขวางการเข้าถึงอพาร์ตเมนต์ที่มีการรายงานพบผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้มหานครการผลิตและการค้าอย่างกว่างโจว ซึ่งเป็นจุดที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในการแพร่ระบาดของการติดเชื้อระลอกล่าสุดของจีน ได้ประกาศว่าผู้อยู่อาศัยบางส่วนจะไม่จำเป็นต้องผ่านการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบหมู่มากอีกต่อไป โดยทางการกว่างโจวอ้างถึงความจำเป็นในการรักษาทรัพยากรไว้

 

ภาพจาก: ดิแอสโซซิเอทเต็ด เพรส

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button