ญี่ปุ่นและองค์การสหประชาชาติช่วยกันรักษาเสถียรภาพของภูมิภาคที่เสียหายไปเพราะสงครามในภาคใต้ของฟิลิปปินส์

ทอม แอบกี

ญี่ปุ่นช่วยฟิลิปปินส์ดระตุ้นการพัฒนา ลดความยากจน และส่งเสริมสันติภาพที่ยืนยาวในเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิมในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ที่เสียหายไปเพราะสงคราม นอกเหนือจากโครงการริเริ่มอื่น ๆ แล้ว ญี่ปุ่นยังได้สนับสนุนโครงการลดจำนวนอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบา โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์

เขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิมจัดตั้งขึ้นในช่วงต้น พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นเวลาหลายปีหลังจากการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลฟิลิปปินส์และกลุ่มปกครองตนเอง รวมทั้งแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร กลุ่มปกครองตนเองปะทะกับรัฐบาลฟิลิปปินส์มาหลายทศวรรษตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2557 ภูมิภาคนี้ยังรวมไปถึงมาราวี ซึ่งเป็นที่ที่กลุ่มอะบูซัยยาฟปิดล้อมโจมตีเป็นเวลากว่าห้าเดือนใน พ.ศ. 2560 ก่อนที่กองกำลังของรัฐบาลจะปลดปล่อยเมืองในการต่อสู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก

“รัฐบาลฟิลิปปินส์ต้องการให้เขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิมดำเนินการต่อไปได้อย่างสำเร็จ” พล.ร.ต. รอมเมล จูด ออง จากกองทัพเรือฟิลิปปินส์ ที่เกษียณอายุราชการจากกองทัพเรือฟิลิปปินส์ กล่าวกับฟอรัม “ผลลัพธ์ในท้ายที่สุดที่คาดหวังคือการเสริมคุณสมบัติและทักษะให้ผู้นำในท้องถิ่น รวมทั้งผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธ เพื่อปกครองเขตปกครองตนเองนี้

พล.ร.ต. ออง กล่าวว่าความช่วยเหลือที่ได้รับจากหุ้นส่วนต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติเป็นส่วนสำคัญเพราะเป็นการขยายประสบการณ์ในการบริหารของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มอบทรัพยากร และเป็นการช่วยเหลือโดยผู้มีส่วนร่วมที่ไม่มีอคติ

ความช่วยเหลือในส่วนความมั่นคง สันติภาพ การบูรณาการ และการฟื้นฟูเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ขั้นสูงในโครงการเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิม ได้มีการนำมาปรับใช้โดยโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติพร้อมกับการสนับสนุนจำนวน 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 176 ล้านบาท) จากญี่ปุ่น ตามรายงานของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ โครงการริเริ่มนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจากการปรึกษากับคณะกรรมการร่วมว่าด้วยการกลับสู่สภาวะปกติและประกอบไปด้วยตัวแทนของรัฐบาลฟิลิปปินส์และแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโร อีกทั้งโครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการจำกัดอาวุธขนาดเล็กและอาวุธเบา และยุบกลุ่มติดอาวุธรับจ้าง (ภาพ: อาวุธปืนที่ส่งคืนโดยอดีตกบฎแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรได้รับการติดป้ายไว้ในระหว่างการปลดประจำการในจังหวัดมินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565)

สองวันหลังความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างกองทัพบกฟิลิปปินส์และแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรปะทุขึ้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 บนเกาะบาซีลันในเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิมก่อนยุติลงด้วยการสงบศึก ตามรายงานของเบนาร์นิวส์ มีทหารสามนายและสมาชิกแนวร่วมปลดปล่อยอิสลามโมโรเจ็ดรายเสียชีวิตในระหว่างการต่อสู้ ที่ปรึกษาของรัฐบาลระบุว่า กองกำลังภายนอกที่มุ่งที่จะบ่อนทำลายความพยายามด้านสันติภาพเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเหตุการขัดแย้งกันขึ้น

ความช่วยเหลือเพื่อความมั่นคง สันติภาพ การบูรณาการ และการฟื้นฟูเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ขั้นสูงยังมุ่งที่จะให้การสนับสนุนทางเศรษฐกิจแก่อดีตนักรบและช่วยให้กลับเข้าสู่สังคมกระแสหลัก

“การปลดประจำการสมาชิกกลุ่มติดอาวุธเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อความพยายามในการสร้างสันติภาพของรัฐบาลฟิลิปปินส์” พล.ร.ต. อองกล่าว พร.ร.ต. ออง อธิบายว่า การจัดหาเงินทุนจากภายนอกเป็นสิ่งสำคัญต่อโครงการริเริ่มเพราะเป็นการชดเชยความขาดแคลนของรัฐบาล

เงินช่วยเหลือของญี่ปุ่นมอบให้ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2565 หลังจากที่คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการกลับสู่สภาวะปกติมองหาการสนับสนุนสำหรับโครงการริเริ่มความช่วยเหลือเพื่อความมั่นคง สันติภาพ การบูรณาการ และการฟื้นฟูเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ขั้นสูง

ญี่ปุ่นได้สนับสนุนโครงการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิม รวมถึงการฝึกอบรมอาชีพและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจัดทำผ่านองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นที่ดำเนินการโดยรัฐบาลญี่ปุ่น

ในช่วงปลายเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 กระทรวงการคลังและงบประมาณและการจัดการของเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิม และองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่นยืนยันความมุ่งมั่นของตนต่อแนวปฏิบัติทางการคลังที่ดีในภูมิภาค ตามรายงานของข่าวประชาสัมพันธ์

“เราทุกคนล้วนมองว่านี่เป็นสัญญาณของไมตรีจิตที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นประโยชน์เมื่อเราดำเนินการต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็นรัฐบาลที่โปร่งใส ครอบคลุม และมีความรับผิดชอบ ที่ยึดหลักการบริหารอย่างมีศีลธรรม” นายอุไบดา พาคาเซม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและงบประมาณและการจัดการของเขตปกครองตนเองบังซาโมโรในมินดาเนามุสลิม กล่าวถึงการมีส่วนสนับสนุนขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น

ทอม แอบกี เป็นผู้สื่อข่าวสมทบของ ฟอรัม รายงานจากประเทศสิงคโปร์

ภาพจาก: เบนาร์นิวส์