การแพร่ขยายอาวุธความขัดแย้ง/ความตึงเครียดปัญหาหลักเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

ประธานาธิบดีไบเดนเตือนจีนเกี่ยวกับการกระทำของเกาหลีเหนือ และการกระทำเชิง ‘บีบบังคับ’ ต่อไต้หวัน

รอยเตอร์

นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ว่าสหรัฐฯ จะยกระดับจุดยืนด้านความมั่นคงของตนในอินโดแปซิฟิกหากรัฐบาลจีนไม่สามารถจำกัดโครงการอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงของเกาหลีเหนือได้

ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการเจรจาด้วยตนเองครั้งแรกกับนายสีนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้น พ.ศ. 2564 ว่า มีการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ มากมาย รวมถึงประเด็นเรื่องไต้หวันที่มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแย่ลงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

แต่นายไบเดนกล่าวว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำสงครามเย็นครั้งใหม่ และกล่าวเสริมว่าตนไม่เชื่อว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังวางแผนทำสงครามจริง ๆ

ในแถลงการณ์หลังจากการประชุมที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย นายสีเรียกไต้หวันว่าเป็น “เส้นแดงเส้นแรก” ที่จะต้องไม่ล้ำเข้าไปตามความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ตามรายงานจากสื่อของรัฐบาลจีน

ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่าตนพยายามยืนยันกับนายสีว่า นโยบายของสหรัฐฯ เกี่ยวกับไต้หวันจะไม่เปลี่ยนแปลง โดยพยายามลดความตึงเครียดบนเกาะไต้หวันที่ปกครองตนเอง “ผมไม่คิดว่าจีนจะพยายามรุกรานไต้หวันในเร็ว ๆ นี้” นายไบเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ทางด้านเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า หากจีนไม่สามารถยับยั้งโครงการอาวุธของรัฐบาลเกาหลีเหนือได้ สหรัฐฯ จะดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องพันธมิตรของตนในภูมิภาคนี้

รัฐบาลจีนได้ยุติช่องทางการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลสหรัฐฯ ชั่วคราว ซึ่งรวมถึงการพูดคุยเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเจรจาระหว่างทหารกับทหาร หลังจากที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ ซึ่งนำโดยนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยือนไต้หวันในช่วงสั้น ๆ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565

รัฐบาลจีนอ้างว่าไต้หวันเป็นดินแดนของตน และข่มขู่หนักขึ้นว่าจะใช้กำลังเข้ายึดครองหากจำเป็น แม้ไต้หวันจะไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจีนมาก่อนก็ตาม รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยของไต้หวันปฏิเสธการเรียกร้องอธิปไตยดังกล่าว

ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลจีนและรัฐบาลสหรัฐฯ ได้สร้างกลไกให้มีการสื่อสารกันบ่อยครั้งขึ้น โดยนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเดินทางไปยังประเทศจีนเพื่อหารือติดตามผล “ผมคิดว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน” นายไบเดนกล่าว

ก่อนการเจรจาหนึ่งวัน ประธานาธิบดีไบเดนและนายสีได้ยิ้มและจับมือกันอย่างอบอุ่นที่โรงแรมในบาหลี ก่อนที่ทั้งสองจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดจี 20 ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกที่อินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพ “ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบท่าน” ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวกับนายสี (ภาพ: นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ (ขวา) กล่าวทักทายนายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565)

ทำเนียบขาวรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดนได้หยิบยกประเด็นที่เป็นอุปสรรคหลายประเด็นเพื่อหารือกับนายสี ซึ่งรวมถึงการคัดค้านของสหรัฐฯ ต่อ “การกระทำเชิงบีบบังคับและก้าวร้าวมากขึ้นต่อไต้หวัน” ของจีน “แนวปฏิบัติทางเศรษฐกิจนอกตลาด” และการปฏิบัติใน “ซินเจียง ทิเบต และฮ่องกง รวมถึงสิทธิมนุษยชนในวงกว้างมากขึ้น” ของรัฐบาลจีน

นายสีกล่าวก่อนการประชุมว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของทั่วโลกและ “การแก้ปัญหาไต้หวัน” เป็นเรื่องภายในของจีน

สำนักงานประธานาธิบดีของไต้หวันกล่าวว่าได้รับรองการยืนยันนโยบายของสหรัฐฯ จากประธานาธิบดีไบเดน “เหตุการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอีกครั้งว่าสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวันเป็นความคาดหวังร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศ” สำนักงานประธานาธิบดีกล่าว

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงเรื่อง ฮ่องกง ไต้หวัน ทะเลจีนใต้ และการค้า แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าทั้งสองประเทศพยายามดำเนินการอย่างเงียบ ๆ ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์

นอกจากนี้ประธานาธิบดีไบเดนและนายสียังมีการประชุมทางโทรศัพท์หรือวิดีโอคอลกัน 5 ครั้งนับตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2564

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวในบาหลีว่า การประชุมของผู้นำมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์และเพื่อสร้าง “บรรยากาศที่มีความแน่นอนมากยิ่งขึ้น” สำหรับธุรกิจของสหรัฐฯ นางเยลเลนกล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนมีความชัดเจนกับจีนเกี่ยวกับความกังวลด้านความมั่นคงของชาติเกี่ยวกับข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีความละเอียดอ่อนและได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของห่วงโซ่อุปทานจีนสำหรับสินค้าโภคภัณฑ์

นายโจโค วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย กล่าวว่าเขาหวังว่าการประชุมสุดยอดจี-20 จะสามารถ “มอบความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมซึ่งสามารถช่วยให้โลกฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้”

อย่างไรก็ตาม คาดว่าสงครามของรัสเซียในยูเครนจะเป็นหนึ่งในหัวข้อหลัก

นายสีและนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้ยืนยันความร่วมมืออีกครั้งก่อนการรุกรานยูเครนโดยไม่มีเหตุยั่วยุของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 แต่รัฐบาลจีนระมัดระวังที่จะไม่ให้การสนับสนุนด้านวัสดุโดยตรงใด ๆ แก่รัฐบาลรัสเซีย ซึ่งอาจไปกระตุ้นให้ตะวันตกมีมาตรการคว่ำบาตรต่อจีน

นอกจากนี้รัสเซียยังถูกกล่าวหาว่าข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นส่วนหนึ่งของการโจมตียูเครน

ในการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกที่กัมพูชาเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565 นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ได้กล่าวเน้นย้ำถึง “ความไม่รับผิดชอบ” ต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าจีนรู้สึกไม่สบายใจกับถ้อยแถลงของรัสเซีย เจ้าหน้าที่อาวุโสของสหรัฐฯ กล่าว

ภาพจาก: รอยเตอร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button